“อันหนิงเ้ามาได้อย่างไร แล้วนั่นร้องไห้ทำไม” ฮูหยินหลี่รีบซับน้ำตาให้บุตรสาว สีหน้าของนางไม่สู้ดีนักเ็ปใจทุกครั้งที่เห็นลูกทุกข์ใจ
“ลูกไม่ได้เป็อะไรเ้าค่ะ แค่คิดถึงไม่ได้เจอนานก็เลยตื่นเต้นมากไปหน่อยเ้าค่ะ” หญิงสาวปาดน้ำตาบนใบหน้า ดีเหลือเกินที่ได้กลับมาอีกครั้ง เสียใจที่ชาติก่อนทำให้พ่อแม่ต้องตรอมใจตายเพราะลูกไม่ได้เื่คนนี้
“เ้าคงไม่ได้ก่อเื่แล้วทะเลาะกับลูกเขยมาใช่หรือไม่ ทนสักหน่อยประเดี๋ยวพ่อคุยกับหวังเหล่ยให้เอง” นายท่านหลี่ถึงกับสะดุ้งเมื่อถูกภรรยาใช้ศอกกระทุ้ง เผลอพูดเื่อ่อนไหวสำหรับบุตรสาวไปเสียได้
“ไม่ใช่เ้าค่ะ ข้าสบายดี”
“เ้าหายไปเป็เดือนแม่ก็นึกเป็ห่วง ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว”
“ถ้าอยากกลับบ้านเมื่อไรก็กลับมา พ่อจะไม่บังคับใจเ้าอีกแล้ว” หลี่จิ่นรู้ดีว่าที่ตนกับภรรยาทำก็ไม่ถูก ที่อันหนิงมีนิสัยผิดแผกไปส่วนหนึ่งก็มาจากการเลี้ยงดูของพวกเขา
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ต่อจากนี้ลูกจะกลับตัวเป็คนดีเ้าค่ะ ลูกสำนึกแล้วทั้งเื่ของน้องลูกทำไปทั้งหมดเพราะอิจฉาริษยาอันเล่อเ้าค่ะ แต่ตอนนี้ลูกรู้แล้วเข้าใจทุกอย่าง ท่านพ่อ ท่านแม่ ให้อภัยลูกคนนี้ได้หรือไม่” ร่างบางนั่งลงคุกเข่าต่อหน้าผู้ให้กำเนิด ก่อนจะชูสามนิ้วสาบานต่อหน้าให้คำมั่นสัญญาจะกลับตัวเป็คนดี
“ลุกขึ้นเถอะลูก พ่อกับแม่ไม่เคยโทษเ้าเลย เป็พวกเราเองก็ผิดที่ไม่พยายามอธิบายให้ลูกเข้าใจ อย่างไรพ่อกับแม่ก็รักลูกทั้งสองเท่า ๆ กัน”
“ขอบคุณที่ให้อภัยลูก” คิดถูกแล้วที่ตัดสินใจมาในวันนี้ เหมือนกับได้ยกูเาแห่งความทุกข์ออกจากอก ที่เหลือก็แค่ปรับความเข้าใจกับอันเล่อ จากนั้นก็ถอยให้พวกเขาได้กลับมารักกันอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าอันหนิงพูดด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม สองสามีภรรยาจึงวางใจมิได้ซักถามอะไรให้นางต้องขัดเคือง รู้ตัวดีว่าที่ผ่านมาให้ความสนใจบุตรสาวคนเล็กมากกว่า จะโทษอันหนิงก็ไม่ได้ ทุกอย่างมันเกิดจากการเลี้ยงดูของพวกเขาเอง คิดแต่ว่านางยังเด็กไม่รู้เื่จึงไม่ได้อธิบายเหตุผลให้เข้าใจ สุดท้ายก็กลายเป็ปมในใจเรื่อยมา ครั้นจะแก้ไขก็ดูเหมือนอันหนิงไม่รับฟัง ปรับความเข้าใจกันได้เช่นนี้ก็ดีแล้ว
อันหนิงอยู่พูดคุยสัพเพเหระไม่นานก็ขอตัวกลับ ด้วยนางแอบออกมาคนเดียวไม่ได้บอกใคร หากหายไปนานก็จะเป็ที่สังเกตได้ ทว่าก่อนกลับก็อยากไปรำลึกความหลังในวัยเด็กสักหน่อย จึงได้ย้อนกลับเรือนนอน แต่ก็ต้องหยุดอยู่แค่หน้าประตู เมื่อเห็นว่าด้านในมีคนอยู่
สิ่งที่นางเห็นคือตุ๊กตาผ้ามากมายถูกตกแต่งไว้เต็มเรือน ซึ่งของเหล่านี้เป็สิ่งที่นางเคยแย่งอันเล่อมาเพราะอยากได้ แต่ในตอนนั้นน้องสาวไม่ยอมจึงเกิดการทะเลาะกัน แล้วนางเองก็แอบทำลายมันเสียไม่มีชิ้นดีจนเกิดเื่ใหญ่โต ถูกท่านแม่ตำหนิเสียยกใหญ่ ท่านพ่อกลับจวนมารู้เื่เข้านางก็ถูกตีไปเสียหลายครั้ง
ในตอนนั้นนางจึงได้เห็นอันเล่อล้มลงนอนชักกับตา ทว่ากลับคิดว่านั่นคือการแกล้งเรียกร้องความสนใจ ไม่ได้รู้เลยว่ามันคืออาการป่วยของน้องสาว ยิ่งเห็นหวังเหล่ยรีบร้อนช้อนตัวอุ้มน้องสาวด้วยความเป็ห่วง นางก็ยิ่งเอาแต่กล่าวโทษอันเล่อว่าแย่งความรักผู้อื่นไปจนหมด ไม่เหลือเผื่อแผ่มาถึงตน ทั้งที่เื่ทั้งหมดมันเป็เพราะทำตัวเองทั้งนั้น แล้วจะหวังให้ผู้อื่นรักได้อย่างไร
ดวงตาคมเฉี่ยวกวาดมองของทุกชิ้นในเรือนนอนเก่าของตน ทุกอย่างในที่นี้คงจะเป็อันเล่อหามาสินะ มันล้วนแต่เป็ของที่นางเคยชอบทั้งนั้น หากเป็เมื่อก่อนนางต้องรีบปรี่เข้าไปทันที พร้อมกับตวาดลั่นให้เก็บของพวกนั้นไปเผาทิ้งเป็แน่
อันหนิงตัดสินใจไม่เข้าไปทำลายบรรยากาศอันดีของน้องสาว หากตนเข้าไปตอนนี้มิวายทำให้อันเล่อใ เกรงว่าจะทำให้อาการชักกำเริบอีก นางจึงออกจากจวนไปทั้งอย่างนั้น การกลับจวนครั้งนี้มันเหมือนกับการได้ปลดปล่อยอะไรหลาย ๆ อย่าง ได้รู้ว่าครอบครัวรักตนมากแค่ไหน ความเกลียดชังอะไรนั่นไม่มีเลยสักนิด
เมื่อมาถึงตลาดผู้คนเดินขวักไขว่จับจ่ายซื้อของ ร่างบางเดินชมของไปเรื่อย ๆ อย่างไม่เร่งรีบ นางใช้เวลาอยู่จวนตระกูลหลี่แค่ครึ่งชั่วยามยังพอมีเวลาให้ผ่อนคลายเลือกซื้อของที่อยากได้ ก่อนที่จะกลับจวนไปเจอใบหน้าอันบูดบึ้งของสามี
แต่การเดินเล่นผ่อนคลายระหว่างกลับจวนก็ดันมีเื่ทำให้อารมณ์เสียจนได้ คิดว่าปกปิดตัวตนได้แล้วแท้ ๆ แต่หมาบ้าตัวนี้หลอกมันไม่ได้เลยจริง ๆ
“อันหนิงเหตุใดเ้าถึงเงียบเล่า ข้าส่งจดหมายหาเ้าตั้งหลายฉบับแต่เ้าก็ไม่เคยตอบกลับข้าเลย” โจวเชินปราดเข้าประชิดตัว หลายวันมานี้เขาต้องถูกหวังเหล่ยปาดหน้าแย่งลูกค้าไปตั้งเท่าไร สูญเสียกำไรไปก็มาก แล้วนี่อะไรนางกลับเดินเล่นสบายใจ
“เลิกส่งจดหมายหาข้าได้แล้ว ไม่ติดต่อข้าอีกเลยก็ยิ่งดี” ร่างบางสะบัดมืออีกฝ่ายออกให้พ้นตัว ไอ้คนสารเลวชาติชั่ว แค่เห็นหน้าก็ขยะแขยงเต็มทน
“ไม่เอาน่า งอนที่ข้าไม่มีเวลาให้หรือ เ้าก็รู้ข้ามีกิจการมากมายต้องดูแล ทั้งตัวเ้าเองก็ออกเรือนไปแล้วมันถึงได้ยากไงเล่า แต่ข้าก็ไม่ได้จะให้เ้าหย่ากับสามีหน้าโง่ของเ้าหรอกนะ อย่างไรเสียก็เพื่อปกป้องชื่อเสียงของเ้า รักที่ข้ามีให้มันบริสุทธิ์แค่ไหนเ้าก็รู้ดี” โจวเชินยังคงพร่ำเพ้อป้อนคำหวาน ก่อนจะใช้ลูกไม้เดิม ๆ หลอกล่อถามถึงจุดอ่อนของหวังเหล่ย “อันหนิงเ้ารู้หรือไม่ตอนนี้หวังเหล่ยทำอะไรบ้าง เ้าอย่าได้เข้าใจผิดข้าแค่อยากรู้ไว้เผื่อนัดพบเ้าได้สะดวก”
“เก็บความหวังดีของเ้าไว้ใช้กับควายเถอะ ตอนนี้ข้าเลิกกินหญ้าเปลี่ยนไปกินแปะก๊วยแทนแล้ว ไอ้คนน่ารังเกียจ” เฮอะ! ถึง
ข้าจะเคยร้ายแค่ไหนแต่ข้าก็เลือก ยิ่งรู้แล้วว่าโจวเชินเข้าหาด้วยจุดประสงค์ไม่ดี ก็อย่าได้หวังว่าจะหูเบาหลงเชื่ออีกเป็อันขาด
โจวเชินถึงกับหน้าเหวอทำอะไรไม่ถูก กว่าจะรู้ตัวว่าโดนด่าก็เมื่ออันหนิงหายไปกับฝูงชนเสียแล้ว ข้อมูลของหวังเหล่ยก็ไม่ได้ คราวนี้จะเอาอะไรไปต่อรองได้อีกเล่า
ฝากไว้ก่อนเถอะอันหนิง ด่าไว้เสียแรงปานนั้นอย่าหวังว่าเขาจะตามง้อ ต่อให้คลานเข่าเข้าหาตนก็จะไม่สนใจ ให้รู้เสียบ้างว่าการกระทำเมื่อครู่คือการกระทำผิดอย่างมหันต์