หลีซีเอ๋อร์ลากหมีดำที่อยู่ในสภาพเกือบจะตายเอาไว้ในมือตอนนี้มันกลายเป็หมีดำตาบอดจริงๆ แล้วเธอเดินออกห่างจากถ้ำของเหล่าลิงออกมาเรื่อยๆ
หลินลั่วหรานมองไปยังลิงแก่ที่ยืนส่งพวกเธออยู่หน้าถ้ำเธอส่งจิตความคิดของเธอส่งตำราเวททั้งห้าออกไปให้ เมื่อเห็นว่าลิงแก่แสดงท่าทางตื่นเต้นพูดอะไรไม่ออกหลินลั่วหรานก็โบกมือปฏิเสธให้มันเบาๆ แสดงให้เห็นว่าไม่จำเป็จะต้องพูดออกมา
ร่างกายของลิงตัวนี้เห็นได้ชัดว่ามีพลังอยู่แต่ว่าไม่รู้ว่าจะใช้อย่างไร ถูกหมีดำเข้ามากดขี่ทำลายที่อยู่จนเป็แบบนั้นถึงจะเป็สัตว์ที่เริ่มจะมีความคิดเหมือนกันแต่ว่าหมีดำนั้นได้เปรียบทางร่างกายตามธรรมชาติ พละกำลังของมันมากมายแล้วจะให้ลิงผอมๆ แห้งๆ พวกนี้รับมือกับมันได้อย่างไร?
ที่หลินลั่วหรานให้ศาสตร์กับมันก็เพราะว่าทำไปตามความคิดที่ว่า “จับปลาให้ไม่เท่าสอนจับปลา” ครั้งนี้พวกเธอสามารถช่วยไล่หมีดำออกไปให้พวกลิงได้แต่หลังจากที่จากออกไปแล้ว พวกเธอก็ไม่อาจจะปกป้องพวกลิงไปได้ตลอดชีวิตตอนนี้ไล่หมีดำออกไปแล้ว ใครจะรับประกันได้ว่าหลังจากนี้ จะไม่มีเสือใหญ่เสือดาวใหญ่มารังควานเพื่อที่จะแย่งชิงเหล้าลิงหมักอีก ดังนั้นช่วยให้ลิงแก่ตัวนี้ได้เปิดประตูสู่โลกของการฝึกศาสตร์ สำหรับลิงพวกนี้แล้ว เรียกได้ว่าเป็การช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่มาก!
แม้ว่ามันจะเป็เพียงเวทห้าธาตุขั้นพื้นฐานเท่านั้นแต่ว่าสำหรับความสามารถในการใช้เวทแล้ว เป็เพราะพื้นฐานนั้นง่ายจึงสามารถเข้าใจได้ดี...ส่วนเื่ที่ลิงแก่จะเข้าใจอะไรจากในนั้นหรือสามารถขยายอะไรออกมาได้นั้นก็เป็เื่ที่หลินลั่วหรานไม่อาจจะรับประกันได้แล้ว
หลีซีเอ๋อร์ลากหมีดำเอาไว้ในมือมือซ้ายของเธอถือกล่องหินเอาไว้ในมือ ก่อนจะพูดออกมาด้วยความลังเล “ก่อนที่จะออกมานั้นลิงแก่ดึงดันจะเอากล่องนี้ให้ฉันมาให้ได้เลย ไม่รู้ว่าข้างในคืออะไรนะคะ...”
ในมือของเธอลากหมีดำเอาไว้จึงส่งกล่องหินให้กับหลินลั่วหราน
เมื่อหลินลั่วหรานรับมาเธอก็ััได้ถึงพลังที่หลุดออกมาจากรอยแตกของกล่องหรือว่าลิงแก่จะให้ของวิเศษอะไรกับหลีซีเอ๋อร์มา? เธอเองก็แปลกใจเหมือนกัน เมื่อเปิดออกดูพลังก็ไหลพุ่งออกมา แต่มันกลับเป็เห็ดที่ขนาดเท่ากันสองดอก!
“เห็ด?” หลีซีเอ๋อร์หมดความสนใจไปในทันที ให้ลูกท้อเธอมายังจะดีเสียกว่า!
แต่ท่านเทพป๋ายกลับหัวเราะออกมาเบาๆ “เห็ดลิงวิเศษเ้าลิงนั่นน่าสนใจเสียจริง”
หลินลั่วหรานจึงใช้จิตความคิดของเธอในการถามทันที “ท่านเทพท่านรู้จักเห็ดลิงวิเศษด้วยเหรอ ข้าเห็นว่ามันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังมันเอาไว้ทำอะไรเหรอ?” มีเห็ดวิเศษนี่อยู่แล้วทำไมตอนที่ได้รับาเ็ลิงแก่ถึงไม่กินเข้าไปกันล่ะ?
ท่านเทพป๋ายส่งเสียงขึ้นในลำคอ “ความสามารถของเ้าแย่มากยังไม่เท่าไรแต่ความรู้ยังจะน้อยอีก ถึงได้ไม่รู้จักวัตถุดิบในการทำยาระดับพื้นฐานแบบนี้ไม่แปลกเลยว่าทำไมเ้าลิงนั่นถึงทำเป็ไม่พูดจา”
หลินลั่วหรานได้แต่ฟัง แต่ไม่ได้พูดเื่การสาบสูญของยาระดับพื้นฐานบางที เธออาจถามถึงวิธีการปรุงยาจากท่านเทพป๋ายก็ได้นะ?
นี่เป็ครั้งแรกที่หลินลั่วหรานรู้สึกว่าตัวเองก็มีความชั่วร้ายอยู่เหมือนกันเธอปิดกล่องลง ก่อนจะถามขึ้นโดยแสดงท่าทีว่าไม่ได้ใส่ใจนัก “มีแค่เห็ดลิงวิเศษนี่อย่างเดียวก็คงทำอะไรไม่ได้ยังขาดวัตถุดิบอีกมาก หากอยากจะเก็บรวบรวมก็คงหาไม่ได้ง่ายนัก”
ท่านเทพป๋ายไร้ซึ่งกำลัง “เ้าตั้งใจจะทำยานั่นเองเหรอแม้ว่าโลกภายนอกนั้นจะแย่แค่ไหนแต่สำนักของเ้าก็ไม่น่าจะแย่ถึงขนาดที่แม้แต่ยาระดับพื้นฐานก็ยังแจกจ่ายให้ไม่ได้ใช่ไหม?” เมื่อพูดออกมา ท่านเทพป๋ายก็สำลักออกมา พื้นฐานพลังห้าธาตุหากถ้าเป็ในยุคของเธอแล้วสำนักก็ไม่อาจจะแจกจ่ายยาระดับพื้นฐานหรอก...เธอเข้าใจหลินลั่วหรานดี
“ถ้าเ้าอยากจะทำยาเองใช้เวลาหนึ่งเดือนในการตามหาสมุนไพรวิเศษต่างๆ หากโชคดีล่ะก็ ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้อย่างหญ้าชีซิง ทรายประกายพันปี ดอกมี่เมิง...” ท่านเทพป๋ายเพิ่งจะได้พูดออกมาไม่กี่ประโยคหลีซีเอ๋อร์ซึ่งไม่รู้ว่านี่เป็จังหวะสำคัญ เมื่อเห็นว่าหลินลั่วหรานยืน “เหม่อ” อยู่ที่เดิม จึงอดที่จะถามออกมาไม่ได้
“รุ่นพี่หลินพวกเราจะลากหมีดำไปที่ไหนเหรอ?”
โอกาสจาก์ถูกทำลายไปแล้วหลินลั่วหรานจึงทำได้เพียงละความคิดนี้เอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นท่านเทพป๋ายอาจจะสงสัยขึ้นมาก็ได้ใครจะรู้ว่าหลินลั่วหรานต้องจ่ายอะไรไปบ้างสำหรับสูตรยานี้
แต่ว่าเ้าทรายประกายพันปีนี้ดูเหมือนว่าจะถูกทำสัญลักษณ์เอาไว้ในสารหยกที่ไหนสักที่ และดูเหมือนว่าจะไม่ได้ห่างออกไปจากที่นี่มากนัก...เมื่อคิดดังนี้แล้วหลินลั่วหรานก็พูดกับหลีซีเอ๋อร์
“เธอเก็บกล่องนี่ไว้ก่อนเถอะสิ่งที่ลิงแก่ให้เธอนั้น เป็เห็ดวิเศษที่มีค่า ส่วนเื่เ้าหมีดำนี่แน่นอนว่าเราจะมันไปเอาของรางวัลกัน”
หลีซีเอ๋อร์ไม่ได้สนใจอะไรเห็ดพวกนั้นนักแต่กลับสนใจในคำว่าของรางวัลจากปากของหลินลั่วหรานแทน “พวกเราจะไปที่รังของมันกันใช่ไหมคะ?”
หลังจากได้คำตอบที่ชัดเจนกลับมาแล้วหลีซีเอ๋อร์ก็ดันกล่องนั้นกลับไปให้หลินลั่วหราน “รุ่นพี่ ลิงแก่นั้นให้เห็ดมาสองดอกก็แสดงว่าให้พวกเราคนละหนึ่งดอก เพราะงั้นเอาไว้ที่พี่ก่อนเถอะค่ะ!”
หลินลั่วหรานยิ้มขึ้น และไม่ได้พูดปฏิเสธออกมา
นี่เป็วัตถุดิบหนึ่งที่ใช้ในการทำยาระดับพื้นฐาน...ตัวหลินลั่วหรานเองก็อยากได้มันมากเช่นกัน!
....
รังของหมีดำนั้นจะต้องผ่านป่าท้อที่พวกเธอผ่านมาและอยู่ตรงข้ามกันกับถ้ำน้ำตกของพวกลิง วันนี้ทั้งวันเสี่ยวจินบินวนอยู่รอบป่าท้อเมื่อได้กลิ่นของหลินลั่วหรานก็รีบพุ่งตัวลงมา เมื่อเห็นว่าพวกเธอนำเอาหมีดำมาด้วยลูกท้อที่เสี่ยวจินกินอยู่ในปากแทบจะกระเด็นออกมา มันรีบพุ่งตัวเข้ามาหาโดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย
หลีซีเอ๋อร์ยกมือขึ้นปิดตาหลินลั่วหรานอยากจะห้ามไว้ แต่ก็ลังเลขึ้นมา จึงไม่ได้ออกตัวหยุดมัน เดิมทีเสี่ยวจินก็ไม่ใช่สัตว์กินพืชมันคงไม่อยากคอยตามหลินลั่วหรานคงไม่ให้สัตว์ร้ายตัวหนึ่งต้องกินผลไม้อยู่ในทุกวันหรอกใช่ไหม?
หมีดำร้องขึ้นอย่างน่าสงสารจะงอยปากของเสี่ยวจินนั้นคมยิ่งกว่าอะไรแม้แต่ผิวหยาบเนื้อหนาของหมีดำก็ไม่อาจจะป้องกันได้ มันถูกเสี่ยวจินจิกเข้าที่อกก่อนจะกินน้ำดีของมันเข้าไป...ดูเหมือนว่าเสี่ยวจินน่าจะต้องกินเนื้อหมีไปจนอิ่มหนำสำราญแล้วถึงจะได้หยุดหลินลั่วหรานไม่อาจจะทนดูท่าทางโหดร้ายของมันได้อีกต่อไปเพียงแต่ลากตัวของหลีซีเอ๋อร์แล้วบังคับดาบข้ามป่าท้อไปก่อน
โอเค ความจริงอุ้งเท้าหมีก็เป็ของดีนะหรือว่าจะบอกให้เสี่ยวจินยั้งเอาไว้ให้เสียหน่อยดี?
หลินลั่วหรานไม่ใช่คนที่มีศีลธรรมนักหมีดำนั้นเพียงแค่อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมแบบนี้จึงดูดซึมพลังเข้ามาตามกาลเวลาเท่านั้น ไม่สามารถพูดภาษาคนได้เหมือนลิงแก่หลินลั่วหรานจึงไม่ได้มีอุปสรรคที่ทำเหมือนฆ่าคนตามใจชอบเข้ามารบกวน เพียงแต่ว่าเท่านั้นก็พอแล้วหลังจากนี้เธอคงไม่ต้องกินเนื้ออีกต่อไป ใครจะรู้ว่าไก่หรือปลาตัวหนึ่งก็อาจจะเข้ามาสู่เส้นทางศาสตร์ได้ในสักวันเช่นกัน?
ลิงแก่นั่นรู้ที่อยู่ถ้ำของหมีดำจึงระบุที่อยู่เอาไว้ให้หลินลั่วหรานอย่างชัดเจน เมื่อมองลงไปจากบนดาบก็มองหามันเจอได้อย่างง่ายดาย
ถ้ำที่เกิดขึ้นมาโดยธรรมชาติ ทั้งสองมองตรวจสอบอยู่บนอากาศไม่นานนักพวกเธอก็พบต้นไม้ใหญ่สามต้นที่รวมอยู่ด้วยกันหลินลั่วหรานจึงควบคุมดาบลงไป ยังไม่ทันได้เก็บดาบเข้ามาก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าที่ลอยมาจากถ้ำของหมีดำ
หลีซีเอ๋อร์ส่งเสียงหัวเราะหึๆ ออกมา “รุ่นพี่ฉันดูต้นทางให้พี่แล้วกันนะ!”
หลินลั่วหรานส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้นี่ไม่ใช่การต่อสู้อะไร ยังจะต้องดูต้นทางอะไรอีกยัยเด็กนี่ก็แค่กลัวเลอะคราบสกปรกชัดๆ!
แต่ก็ช่างเถอะถ้ำนี้มีหมีดำเป็เ้าของเพียงคนเดียวและมันก็กลายเป็อาหารลงท้องของเสี่ยวจินไปแล้ว จึงไม่น่าจะมีอันตรายอะไรเธอจะไปคนเดียวก็ไม่ได้เป็อะไรเสียหน่อย
เมื่อเดินเข้าไปได้ประมาณสองก้าวเธอก็ััได้ถึงกลิ่นเหม็นเน่าที่รุนแรง เธอจึงต้องใช้พลังร่าย “เวททำความสะอาด” ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ กลิ่นเหม็นทั่วทั้งถ้ำจึงถูกขจัดออกไปจนหมดเธอจึงร่ายเวทออกมาอีก เปลวไฟส่องสว่างอยู่ที่ปลายนิ้วของหลินลั่วหรานเธอใช้มันในการส่องสว่างนำทาง
ถ้ำของหมีดำนั้นลึกมากมันไม่ได้เหมือนกับพวกลิงที่หาสถานที่ดีๆ ด้านนอกเป็น้ำตกด้านในก็เป็โพรงถ้ำตามธรรมชาติ มีแสงและลมพัดผ่านหลินลั่วหรานคิดอย่างไม่ได้มีเมตตามากนัก หมีดำสร้างความลำบากให้พวกลิงมาหลายครั้งอาจจะเพราะอยากได้ “ถ้ำน้ำตก” ของพวกมันหรือเปล่า
กลิ่นเหม็นในถ้ำของหมีดำถูกหลินลั่วหรานขจัดออกไปจนหมดเธอค่อยๆ เดินลึกเข้าไป ก่อนจะพบกับพื้นที่กว้างกว่าสี่ห้าตารางเมตรบนพื้นเต็มไปด้วยหญ้ารกจนกลายเป็หลุมกลมดูท่าทางแล้วนี่เป็ที่ที่หมีดำใช้พักผ่อน
แต่ว่าลิงพวกนั้นไม่ได้บอกว่าในถ้ำของหมีดำมีสมบัติอยู่หรอกเหรอตอนนี้ที่นี่มองดูแล้วก็ธรรมดาทั่วไป นอกเสียจากกองหญ้าแล้วจะมีสมบัติอะไรอยู่ที่ไหนกันล่ะ?
ในขณะที่หลินลั่วหรานกำลังสงสัยและลังเลอยู่นั้นอยู่ๆ ท่านเทพป๋ายก็เปิดปากพูดออกมา “เ้าเผามันไหม้ไปหมดแล้ว”
เผาไหม้ไปแล้ว? หลินลั่วหรานนิ่งไปสักพักด้วยทัศนวิสัยของเธอในตอนนี้แล้ว การแยกแยะสิ่งต่างๆในความมืดแบบนี้นั้นไม่ใช่เื่ยากแต่เมื่อมองในความมืดแล้วเธอเองก็อยากจะมีแสงสว่าง มันเป็ความเคยชินไปเสียแล้ว...
เธอหยุดพูด ก่อนจะคลายเวทที่ปลายนิ้วไปก่อนจะพบว่าในรังหญ้ารกรุงรังที่อยู่ใต้เท้าของเธอนั้นดูเหมือนว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงประหลาดบางอย่างขึ้น...