แรงจูงใจ
ฮั่วเฉิงโจวจับเสิ่นอันอันอย่างเบามือ ต่างจากที่เจียงอี้เฉินทำวันนั้น
เขาไม่ได้ใช้กำลังใดๆ เลย เพียงวางฝ่ามือบนไหล่ของเธอเท่านั้น เขารู้ว่าคำพูดของเขาทำให้เธอใ แต่เมื่อเขาเลือกที่จะพูดออกไป เขาก็เตรียมใจไว้แล้ว
“ฉัน... ฉัน...”
เธอหวาดกลัวเล็กน้อยจนพูดติดอ่าง ปะติดปะต่อไม่เป็ประโยค
“ไม่ต้องกลัว ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก” ฮั่วเฉิงโจวปลอบเธออย่างนุ่มนวล เขากุมใบหน้าเล็กๆ ของเธอไว้ในมือและกดหน้าผากแนบเข้าด้วยกัน “ผมรู้ว่าการสารภาพแบบนี้มันกะทันหัน แต่ผมทนไม่ไหวแล้วจริงๆ”
เธอหลุบตาลง ในใจกระวนกระวายและสับสน
ความจริงแล้ว เด็กน้อยอย่างเจียงอี้เฉินเทียบกับฮั่วเฉิงโจวผู้มีเสน่ห์อย่างล้นเหลือไม่ได้เลยสักนิด
แต่เธอตกหลุมรักเขาั้แ่มัธยมปลายปีสาม ต่อด้วยสี่ปีในมหาวิทยาลัย และจากนั้นก็แต่งงานกันอีกสองปี
ความสัมพันธ์หกปีนั้นลึกซึ้งเกินไป ลึกซึ้งเสียจนเธอไม่สามารถมีชายอื่นในใจได้อีก
เสิ่นอันอันไม่ได้ผลักเขาออก น้ำเสียงของเธอแ่เบาเหมือนยุง “ฮั่วเฉิงโจว ฉัน...ฉันแต่งงานแล้ว”
“ผมรู้” เขาพูด “ผมยังรู้อีกด้วยว่าคุณกำลังจะหย่า”
“ถ้าฉันแต่งงานอีก มันจะเป็การแต่งงานครั้งที่สองแล้วนะ”
“ผมชอบคุณ ต่อให้คุณจะแต่งงานอีกยี่สิบครั้งมันก็ไม่สำคัญ”
“...”
“อันอัน คุณดีเหลือเกิน” ฮั่วเฉิงโจวจูบหน้าผากของเธอ รอยยิ้มที่ก้นสระ[1]ก็ค่อยๆ ผุดขึ้น “คุณค่าของคุณไม่ได้ขึ้นอยู่กับการแต่งงาน การดูแลคุณไม่ดีต่างหากที่เป็ความผิดของเจียงอี้เฉิน คุณอย่าดูถูกตัวเองเลย”
น้ำเสียงอ่อนโยนอันแ่เบาของเขาทำให้กำแพงของเสิ่นอันอันพังลง
หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้น ใบหน้ารูปไข่แดงก่ำ รู้สึกเหมือนจะต้านทานการโจมตีจากเขาไม่ไหว
ฮั่วเฉิงโจวมองใบหน้าเล็กที่สะท้อนแสงไฟ ลูกกระเดือกของเขาขยับเล็กน้อย ในลำคอก็แห้งผากราวกับทะเลทราย
ผีเสื้อน้อยตัวนี้ช่างเย้ายวนใจเสียเหลือเกิน ทว่าเธอกลับไม่รู้ตัวเลยสักนิด
เสิ่นอันอันกัดริมฝีปากอย่างกระวนกระวาย “ฉัน...ฉันอาจจะ...”
ยังพูดไม่ทันจบ ดวงตาสีอัลมอนด์ของเธอก็เบิกกว้าง
ใบหน้าหล่อเหลาคมคายขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าในชั่วพริบตา ประโยคที่กล่าวไม่จบของเธอถูกสกัดกั้น
ฮั่วเฉิงโจวตะโบมจูบเธออย่างดุเดือด ลมหายใจของเขาเร่าร้อนแผดเผา
เสิ่นอันอันตกตะลึงไปแล้ว สมองบอกเธอว่าควรผลักเขาออกไป แต่ร่างกายของเธอบอกว่าไม่
ระหว่างการจูบที่เร่าร้อน เขาก็อดไม่ได้ที่จะยกฝ่ามือลูบไล้ผิวเธอเบาๆ ผ่านเสื้อผ้า
เสิ่นอันอันรู้สึกว่าอุณหภูมิในห้องนั่งเล่นค่อยๆ สูงขึ้น และร้อนขึ้นเรื่อยๆ
เธอเงยศีรษะขึ้น เรือนผมสีดำขลับแนบชิดกับท้ายทอย การจ้องมองของเธอไร้เดียงสาราวกับผ้าขาวบริสุทธิ์ ปากเล็กๆ เปิดออกเล็กน้อยเนื่องจากหายใจไม่สะดวก และริมฝีปากของเธอก็ฉ่ำวาวราวผลเชอร์รี
ดวงตาของฮั่วเฉิงโจวเข้มขึ้นเรื่อยๆ และส่วนล่างของเขาก็ขยายตัวเช่นกัน
ผู้หญิงหลายคนคิดจะปีนเตียงเขาเพื่อเกาะกิ่งไม้สูงๆ พวกเธอเ่าั้มีทั้งความเร่าร้อนและความใสซื่อ แต่ไม่ว่าจะยั่วยวนอย่างไรก็ไม่อาจสั่นคลอนความมีเหตุผลของเขาได้
เขาไม่เคยมีความปรารถนาต่อพวกเธอแม้แต่นิด และไม่เคยแตะต้องพวกเธอเลยแม้แต่น้อย
มีเพียงเสิ่นอันอัน
เธอไม่ได้อวดเก่งและไม่ได้จงใจยั่วยวนเขา แต่กลับทำให้เขาหลงใหลได้
ฮั่วเฉิงโจวดันหลังเธอเบาๆ เมื่อเธอก้าวถอยหลัง เขาก็ก้าวเท้าตามไป
เสียงในใจของเขาดังขึ้นอย่างเงียบๆ ว่า “ฮั่วเฉิงโจว นายหันหลังกลับไม่ได้แล้ว”
ใช่ เขาหันหลังกลับไม่ได้แล้ว
จิตใจของเสิ่นอันอันสับสนวุ่นวายคล้ายตกอยู่ในภวังค์ มือของเธอคว้าโอบรอบคอเขาเหมือนเถาองุ่น
............................................................................................................................................
หอบกระเส่า
การคว้าสิ่งรอบตัวเมื่อกำลังจะทรุดเพราะหมดแรงนั้น เป็ปฏิกิริยาทางร่างกายของเสิ่นอันอัน แต่ในมุมของฮั่วเฉิงโจวแล้ว นี่ไม่ต่างอะไรกับการตอบสนองเขา
เขาจูบเธออย่างบ้าคลั่ง อยากจะขย้ำร่างผอมบางของเธอจนเหลือแต่กระดูก
ความคลั่งไคล้แปรเปลี่ยนเป็ความอ่อนโยนเมื่อถูกครอบงำด้วยตัณหา ดอกไม้สีขาวดอกเล็กๆ อยากจะปฏิเสธแต่ก็ไร้หนทางต้านทาน ความงามที่ถูกบุกรุกสะท้อนอยู่บนกำแพงที่มีแสงเงาสลัว
เสิ่นอันอันทนไม่ได้อีกต่อไป เสียงครวญครางแ่เบาดังออกมาจากริมฝีปาก “อืม...”
ฮั่วเฉิงโจวเลื่อนมือลงไปที่เอวบางคอดกิ่ว และปลดกระดุมกางเกงยีนของเธอ
ความเย็นแผ่ซ่านเข้ามาบริเวณช่องท้องส่วนล่าง ตรงข้ามกับจูบเร่าร้อนที่เขากำลังป้อน
เสิ่นอันอันสั่นสะท้านไปทั้งตัว เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเื่นี้เลย และไม่รู้ว่าทำไมสถานการณ์ถึงกลายเป็แบบนี้
เขาอุ้มเธอเข้าไปในห้องนอน วางเธอลงบนเตียง แล้วดันเธอเข้าข้างใน
เธอมองเขาเข้ามาใกล้ๆ ทีละนิด เรือนร่างผ่ายผอมก็สั่นเทา “ฮั่ว...ฮั่วเฉิงโจว...”
เขาก้มลงจับท้ายทอยของเธอ แล้วกดริมฝีปากลงมาอย่างแรงอีกครั้ง
“ฮู่ว...”
อุณหภูมิในห้องยังคงเพิ่มสูงขึ้น และกว่าเธอจะรู้สึกตัว เธอก็โดนถอดเสื้อผ้าออกหมดแล้ว
เมื่อฮั่วเฉิงโจวถอดเสื้อผ้าของเธอเสร็จ เขาก็ค่อยๆ ถอดของตัวเองออก
รูปร่างของเขาดูซูบผอมเมื่อสวมเสื้อผ้า แต่กลับดูเ้าเนื้อเมื่อไม่ได้แต่งตัว หน้าอกสีน้ำผึ้งที่เต่งตึงแข็งขึงของเขา แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในทุกส่วน
“เฉิง...เฉิงโจว พวกเราไม่ควรเป็แบบนี้...”
เสิ่นอันอันลองใช้เหตุผลกับตัวเอง ก่อนจะพูดประโยคนี้ออกมา
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาที่ปกติดูอ่อนโยนนุ่มนวล ถึงได้ดูเหมือนสัตว์ร้ายที่มีเขี้ยวแหลมคมมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นนี้
“ไม่มีอะไรที่ควรหรือไม่ควร” ฮั่วเฉิงโจวที่กำลังรังแกเธอพูดขึ้น “อันอัน คุณคือคนที่ถูกทำให้ผิดหวัง ดังนั้นไม่ต้องรู้สึกผิด ผมเองก็ไม่มีแฟน และพวกเราก็ไม่ได้ละเมิดศีลธรรมหรือกฎหมาย”
นี่คือ...เหตุผลหรือ?
เสิ่นอันอันคิดมาเสมอว่าเธอฉลาด มิฉะนั้นคงไม่สามารถดูแลจิ่งเซิ่งได้ แต่ตอนนี้...
จู่ๆ เธอก็คิดว่าเธอไม่สามารถแยกแยะคำพูดถูกผิดของเขาได้
ฮั่วเฉิงโจวถอดเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายบนร่างกายออก
ตอนนี้เขาและเธอกำลังเปลือยกาย ไร้สิ่งใดปกปิด
ความปรารถนาระหว่างขาของเขาเริ่มแข็งและบวมขึ้น หลังจากโซ่แห่งความยับยั้งชั่งใจถูกปลด ใจเขาก็โผบินตามความ้าอย่างอิสระ
เสิ่นอันอันมีชีวิตมายี่สิบห้าปี และนี่ก็เป็ครั้งแรกที่เธอได้เห็นผู้ชายเปลือยกาย
ความรู้ในหนังสือนั้นช่างผิวเผิน เธอไม่เคยรู้เลยว่าเมื่อส่วนนั้นขยายตัว มันจะใหญ่ได้ถึงขนาดนี้...
ฮั่วเฉิงโจวดึงเธอเข้ามากอด มือข้างหนึ่งดึงข้อมือของเธอขึ้นเหนือหัว ส่วนอีกข้างหนึ่งก็แยกขาของเธอออกจากกันและพาตัวเองเข้าไปตรงกลาง
เสิ่นอันอันอ้าปากค้าง จ้องมองวัตถุขนาดั์ด้วยความใ
“ไม่...ไม่ได้ เฉิงโจว...”
เขาเมินความตื่นตระหนกของเธอ แล้วโน้มใบหน้าหล่อเหลาและอ่อนโยนเข้าหา
ฮั่วเฉิงโจวถอดแว่นกรอบทองของเขาออก เมื่อไม่มีเลนส์ปิดกั้น ดวงตาเรียวคู่นั้นก็เต็มไปด้วยความชั่วร้ายและความปรารถนา
นิ้วเรียวยาวของเขาลูบริมฝีปากสีแดงของเธอเบาๆ “อันอัน เด็กดี”
เสิ่นอันอันยังคงกลัวอยู่ ร่างกายของเธอสั่นอย่างช่วยไม่ได้
“ผมจะไม่ทำร้ายคุณ ไม่ต้องกลัว” เขาเลื่อนมือจากริมฝีปากของเธอไปที่ลำคอ ััที่อ่อนโยนและละเอียดอ่อนทำให้เธอรู้สึกเสียวซ่านอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“เฉิงโจว...” เสิ่นอันอันหอบหายใจจากการกระทำของเขา “อืม...”
[1] รอยยิ้มหายาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้