เซียวจื่อเซวียนเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยยวี่หลัวอย่างฉับพลันแววตาฉายประกายสับสนงุนงง เสียงก็แข็งกระด้าง "พี่สะใภ้… ใหญ่..."
เซี่ยยวี่หลัวยกมือตะแคงตัวขยับเข้ามาใกล้เซียวจื่อเซวียนเล็กน้อย จากนั้นจึงหันกลับไป ห่มผ้าให้เซียวจื่อเมิ่ง
เมื่อครู่นางขยับตัวไม่ทันระวังจึงดึงผ้านวมที่ห่มหลังเซียวจื่อเมิ่งมาด้วย ไหล่มนโผล่ออกมาเซี่ยยวี่หลัวหันกลับไปห่มให้นาง
การกระทำอย่างระมัดระวังของเซี่ยยวี่หลัวเซียวจื่อเซวียนเห็นและจดจำไว้ในใจ
ทุกการกระทำของนางล้วนเต็มไปด้วยความห่วงใยที่มีต่อจื่อเมิ่งหากเป็เพียงการเสแสร้งแกล้งทำ ใครจะสนใจรายละเอียดปลีกย่อยเช่นนี้
"ข้าไม่ได้ทำดีต่อพวกเ้าเพราะพี่ใหญ่ของพวกเ้าไปสอบซิ่วไฉ"
เซี่ยยวี่หลัวมองเซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยท่าทางจริงจัง "ข้าแค่อยากใช้ชีวิตให้ดี เลี้ยงดูพวกเ้าให้เติบใหญ่! "
ไม่มีวาจาน่าซาบซึ้งใจไม่มีถ้อยคำสวยหรูมากมาย เพียงแค่อยากใช้ชีวิตดีๆ ดูแลพวกเ้าจนเติบใหญ่ไม่ให้พวกเ้าเผชิญกับชะตากรรมอันน่าเวทนาเหมือนที่เขียนไว้ในหนังสือ
คนที่เขลาก็เขลา คนที่ตายก็ตายสามพี่น้องสกุลเซียวที่เป็ที่พึ่งสุดท้ายของกันและกัน สุดท้ายเหลือเซียวยวี่คนเดียวที่ต้องเดินต่อไปอย่างเดียวดาย
ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว
เซี่ยยวี่หลัวคิดว่าเซียวยวี่ใน่หลังของหนังสือ แม้จะมีภรรยาผู้งดงามอยู่ข้างกาย กุมอำนาจไว้ในมือก็น่าจะรู้สึกอ้างว้างอยู่บ้าง
ไม่ว่าอย่างไรน้องชายน้องสาวที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข ซึ่งเป็ที่พึ่งสุดท้ายของกันและกันและมีสายเืเดียวกัน ล้วนไม่มีวันหวนกลับมาได้ ต่อให้เขามีอำนาจสูงเทียมฟ้าทุกสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ก็ไม่อาจหวนคืน
นางเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเซียวจื่อเซวียน ดวงตาสว่างดุจดวงดาราก็มิปาน
เซียวจื่อเซวียนมองเซี่ยยวี่หลัวด้วยสีหน้าประหลาดใจ"พี่สะใภ้ใหญ่..."
คิ้วงามของเซี่ยยวี่หลัวโก่งโค้งดวงตาสว่างไสวประหนึ่งแสงไฟ "ดังนั้น เ้าเชื่อข้าหรือไม่? "
"ข้าเชื่อ! "เซียวจื่อเซวียนพยักหน้าด้วยท่าทางหนักแน่น
เขาเชื่อ
"เช่นนั้นก็พักผ่อนดีๆอย่าคิดฟุ้งซ่านอีก คนในครอบครัวรวมใจเป็หนึ่ง สามัคคีกันทุกสิ่งถึงจะราบรื่น พี่สะใภ้ใหญ่จะพยายามอย่างสุดความสามารถให้ครอบครัวของเราได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข"
เซียวจื่อเซวียนพยักหน้าอย่างหนักแน่น"อืม! "
เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม คิ้วงามโก่งโค้งดวงตาของนางงดงามมากจริงๆ
ตอนที่เซียวจื่อเซวียนออกมาก็ปลอดโปร่งโล่งใจ ความรู้สึกไม่พอใจและความหงุดหงิดเมื่อครู่หายไปจนสิ้น
เขาแหงนหน้ามองดาวบนท้องฟ้าสว่างระยิบระยับ เพียงแต่เซียวจื่อเซวียนรู้สึกว่ายังสว่างไม่พอยังสว่างไม่เท่าครึ่งหนึ่งของแสงเจิดจ้าในดวงตาพี่สะใภ้ใหญ่ด้วยซ้ำ
เื่บางอย่างหลังจากเปิดอกคุยกัน เซียวจื่อเซวียนก็ไม่มีความสงสัยในตัวเซี่ยยวี่หลัวอีกแม้แต่น้อย
เด็กสองคนเกาะติดนางตลอดเวลาเหมือนผ้าปิดแผลหนังสุนัขก็มิปานเอ่ยเรียกพี่สะใภ้ใหญ่ตลอดทั้งวันเรียกจนเซี่ยยวี่หลัวรู้สึกสุขใจเสียยิ่งกว่าอะไรที่ผ่านมาตอนที่เซียวจื่อเซวียนฟังนิทานใน่กลางคืนจะนั่งอยู่ริมเตียงเท่านั้นไม่กล้าขึ้นเตียง ในภายหลัง เมื่อเขาอาบน้ำจนสะอาดก็ขึ้นมานอนจนติดเตียงสุดท้ายติดเตียงจนไม่กลับห้องของตัวเอง บอกว่าจะนอนกับพี่สะใภ้ใหญ่
ยังดีที่เตียงของเซี่ยยวี่หลัวกว้างพอมีเด็กนอนเพิ่มอีกหนึ่งคนก็ไม่เบียดแม้แต่น้อย นางนำเครื่องนอนของเซียวจื่อเซวียนมาวางไว้ตรงริมสุด ทั้งสามคนนอนห้องเดียวกัน
หลังจากเข้าสู่เดือนสามอากาศก็ร้อนขึ้นเรื่อยๆ
เพื่อหาอาหารให้ได้มากขึ้นพวกเขาขึ้นูเาใน่เช้า ตอนบ่ายก็หักร้างถางพงสวนหลังบ้าน
บ้านเซียวยวี่อยู่ริมสุดของหมู่บ้านสกุลเซียวนอกจากที่ดินรกร้างซึ่งเป็สวนหลังบ้านห่างออกไปสิบเมตรก็เป็ผืนป่าของูเาด้านหลังที่มีต้นไม้ปกคลุมอย่างหนาแน่นปกติแทบไม่มีใครมาที่นี่ ถือว่าลับตาคนมาก
เซี่ยยวี่หลัวคิดจะล้อมรั้วที่ดินและหักร้างถางพงพื้นที่รกร้างนี้เพื่อปลูกผัก แก้ไขปัญหาด้านอาหารการกินก่อนค่อยคิดเื่การสร้างทัศนียภาพอันงดงาม
เซี่ยยวี่หลัวเป็สตรีจากยุคปัจจุบันจึงเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าความหิวโหยทัศนียภาพอันงดงามล้วนเป็เหมือนบุปผาในกระจกและเงาจันทร์ในน้ำเท่านั้นดูดีแต่ใช้การไม่ได้
เซี่ยยวี่หลัวยุ่งอยู่ทุกวันจนแทบไม่ได้พัก
ด้านหลังหมู่บ้านสกุลเซียวเป็ูเาลูกหนึ่งทุกสิ่งทุกอย่างบนูเาล้วนเป็ของชาวบ้านในหมู่บ้านสกุลเซียวไม่ว่าจะเป็ต้นไม้ใบหญ้า หรือสายน้ำและสัตว์ป่าบนูเา ขอเพียงคนในหมู่บ้านอยากได้ก็สามารถไปหาบนูเาได้ ไม่มีใครว่าอะไร
บนเขามีป่าไผ่พอดี เซี่ยยวี่หลัวเลือกต้นไผ่ขนาดใหญ่ที่แข็งแรงตัดวันละต้น ใช้มีดตัดต้นไผ่ให้มีความสูงประมาณสองเมตรไผ่ต้นหนึ่งมีความสูงประมาณสิบเมตร สามารถตัดแบ่งได้ประมาณห้าท่อนจากนั้นจึงหั่นแบ่งกึ่งตรงกลาง แยกเป็สองซีก กองไว้ในสวนหลังบ้านก่อนสะสมวันละเล็กวันละน้อยจนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผ่านไปเจ็ดถึงแปดวันก็มีท่อนไผ่กว่าร้อยท่อน
เพียงแต่พื้นที่กว้างเกินไปหากคิดจะล้อมรั้วสวนหลังบ้านทั้งหมด เกรงว่าต้องใช้ไม้ไผ่สองพันถึงสามพันชิ้นเซี่ยยวี่หลัวก็ไม่รีบร้อน ทุกวันหลังตื่นนอน ยังคงไปจับปลาและหาผักป่าบนูเาตามเดิม สามารถจับปลากลับมาได้วันละห้าถึงหกตัวทุกวัน ส่วนผักป่าจะพบเป็บางครั้ง หากพบแล้ว ก็พอเก็บกินไปอีกสองถึงสามวัน
ในภายหลัง นางพบผักหลีฮาวป่าซึ่งขึ้นอยู่ริมแม่น้ำที่ไม่ห่างมากนัก
ผักหลีฮาวหอมมาก ในโลกปัจจุบันหากผัดผักเปล่าหรือผัดกับเนื้อหมูพันปี [1] ก็จะหอมอร่อยจนแทบจะกลืนลิ้นได้เลย เดิมทีเซี่ยยวี่หลัวคิดจะเก็บให้มากหน่อยเพื่อนำไปขายในตัวเมืองแต่ในภายหลัง ทั้งสามคนใช้เวลาหนึ่งวันเพิ่งเก็บได้แค่ครึ่งตะกร้าเซี่ยยวี่หลัวจึงได้แต่ล้มเลิกความคิด
ปริมาณเท่านี้ยังไม่พอผัดให้ได้สามถึงสี่จานด้วยซ้ำยังไม่พูดถึงเื่ที่ภัตตาคารจะรับซื้อหรือไม่ ผักหลีฮาวที่ขายครั้งแรกย่อมขายได้ราคาไม่ดีมิสู้ไม่นำไปขาย
เซี่ยยวี่หลัวเพียงผัดกินเองผัดผักเปล่าๆ ไม่มีเนื้อหมูพันปีให้ผัดด้วย แต่ก็หอมเสียยิ่งกว่าอะไรเด็กสองคนบอกว่าหอมอร่อยจนแทบจะกลืนลิ้นตัวเองลงไป
ผักหลีฮาวตรงนั้นยังเจริญเติบโตได้อีกเจ็ดถึงแปดวัน ทว่าเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ ผักหลีฮาวก็จะแก่เกินไป กินไม่ได้เซี่ยยวี่หลัวจึงไปจับปลาและเก็บผักหลีฮาวที่ริมแม่น้ำกับเด็กๆทุกวัน
ตอนนี้เป็่เวลาที่ปลาจี้วางไข่่เวลานี้จะยาวนานไปจนถึงเดือนเจ็ด ระยะนี้ ในท้องปลาจี้จะมีไข่ปลาเด็กสองคนล้วนชอบกินไข่ปลา เซี่ยยวี่หลัวจึงคิดหาวิธีให้เด็กสองคนได้กิน
เมื่อน้ำอุ่นขึ้นปลาก็มีจำนวนมากขึ้น เซี่ยยวี่หลัวไม่พึงพอใจกับการใช้ตะกร้าสานช้อนปลานางคิดอยากทำแห ขอเพียงขวางปลาในคูน้ำได้เพียงพอแล้ว
เมื่อได้ยินว่าเซี่ยยวี่หลัวอยากได้แหจับปลาเซียวจื่อเซวียนก็รีบไปรื้อค้นทันที
“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านอยากได้เ้านี่หรือ? ”
เซียวจื่อเซวียนถือแหจับปลาที่เต็มไปด้วยรอยขาดอยู่ในมือ
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกยินดียิ่ง “เอามาจากที่ไหน? ”
“เก็บมา” เซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยท่าทางเก้อเขิน“คนในหมู่บ้านโยนทิ้ง ข้าเก็บกลับมา”
แต่ไม่รู้ว่าใช้อย่างไรจึงเก็บไว้ในห้องมาตลอด ไม่เคยนำออกมา
แหจับปลาขาดจนไม่มีชิ้นดีไม่อย่างนั้นตามวิถีชีวิตเรียบง่ายและใช้จ่ายอย่างมัธยัสถ์ของคนในหมู่บ้านหากไม่ใช่เพราะขาดจนใช้การไม่ได้แล้ว ก็คงไม่โยนทิ้งไป
เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้ใช้แหขนาดใหญ่นางเพียง้าขนาดที่ขวางปลาในแม่น้ำได้ แหจับปลาที่ฉีกขาด เย็บซ่อมเสียหน่อยก็ใช้ได้แล้ว
ตัดส่วนที่ขาดของแหจับปลาทิ้งไปจากนั้นจึงเย็บซ่อม ก็สามารถทำแหจับปลาขนาดเล็กขึ้นมาได้ เช้าวันรุ่งขึ้นหลังกินอาหารเช้า ทั้งสามคนจึงไปริมแม่น้ำ
เซี่ยยวี่หลัวเสียบท่อนไม้ไว้สองฝั่งแม่น้ำนำแหจับปลามาผูกไว้บนท่อนไม้ แหจับปลาที่เหลือลอยไปลอยมาอยู่ในแม่น้ำเซี่ยยวี่หลัวเก็บหินมาหลายก้อนเพื่อทับแหไว้ สร้างทางปิดแบบหยาบๆ
ขึ้นมา
เมื่อปลาว่ายมา ไม่อาจหาทางออกได้น้ำก็ไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง ว่ายกลับไปไม่ได้ทำได้เพียงว่ายวนเวียนไปมาอยู่แถวแหจับปลา
และนี่ก็เป็โอกาสดีเซี่ยยวี่หลัวรีบใช้ตะกร้าสานช้อนขึ้นมา ครั้งแรกก็จับปลาได้สามถึงสี่ตัวหลังจากช้อนขึ้นมาอีกหลายครั้ง โดยพื้นฐานแล้วทุกครั้งที่ช้อนก็จะได้ปลา
ปลามีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วยาม ก็จับได้กว่าครึ่งตะกร้า
เชิงอรรถ
หมูพันปีหรือ 腊肉 เป็วิธีการถนอมอาหารของคนจีนยูนนาน โดยการนำหมูไปหมักกับเครื่องปรุงสูตรเฉพาะของแต่ละบ้าน แล้วนำไปรมควันตากน้ำค้างจนหมูแห้ง สามารถเก็บไว้ทานตลอดทั้งปี ด้วยรสชาติที่เค็มนิดๆ หอมกลิ่นเหล้าจางๆ ทำให้ปรุงเป็เมนูไหนก็อร่อย เอาไปผัดกับพริกหนุ่ม หรือจะใส่หมูพันปีลงไปทั้งชิ้นต้มจนหมูนุ่มนำออกมาหั่นสไลด์เป็แผ่นๆ จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดก็คือเด็ด ปกติจะหาทานได้เฉพาะแถบภาคเหนือที่มีชาวจีนยูนนานอพยพมาอยู่กันเยอะ
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.tpa.or.th/writer/read_this_book_topic.php?bookID=4653&pageid=3&read=true&count=true