คาถาหลอมลมปราณ เป็เพียงแค่คาถาวิเศษขั้นพื้นฐานที่สุด
ไม่เพียงแต่เด็กรุ่นเล็กของตระกูลเนี่ยเท่านั้นที่ฝึกคาถาบทนี้ เด็กแทบทุกคนที่อยู่ในขอบเขตหลอมลมปราณ คาถาวิเศษที่ฝึกฝนั้แ่เด็กก็ล้วนเป็คาถาหลอมลมปราณ
นี่คือคาถาวิเศษที่เข้าใจได้ง่ายซึ่งช่วยวางรากฐานให้กับเด็กๆ
ก่อนหน้าที่จะเข้าสู่ท้าย์ เด็กหนุ่มสาวของหอหลิงเป่า สำนักหลิงอวิ๋น หุบเขาเทาและอารามเสวียนอู้ต่างก็ฝึกคาถาหลอมลมปราณเป็หลัก
คาถาวิเศษที่ง่ายและเห็นได้ทั่วไปเช่นนี้ ตามหลักแล้วจะไม่มหัศจรรย์มากเท่าไหร่นัก
ทว่าคราวนี้เมื่อเนี่ยเทียนโคจรคาถาหลอมลมปราณ กลับััได้ถึงกระแสอบอุ่นมากมายหลายเส้นที่ไหลมารวมตัวกันที่มหาสมุทริญญาในจุดตันเถียนอย่างรวดเร็ว
จากการนอนหลับลึกก่อนหน้านี้ พละกำลังของเขาจึงฟื้นคืนกลับมาแล้ว เมื่อสำรวจกระแสจิตที่อยู่ภายใน เขาััได้อย่างชัดเจนว่ามหาสมุทริญญาของเขา... กำลังค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น!
ท่ามกลางการรับััจากจิติญญาของเขา มหาสมุทริญญาคือกลุ่มเมฆหมอกที่ขุ่นมัว
กลุ่มเมฆหมอกนั้นวนเวียนรอบพลังิญญาที่บริสุทธิ์ เมื่อเขา้า สามารถโยกย้ายมันออกมาจากมหาสมุทริญญา ผ่านเส้นเอ็นและชีพจร ผ่านตำแหน่งใดๆ ก็ตามในร่างกาย จากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็วิชาวิเศษมหัศจรรย์มากมาย
มหาสมุทริญญาคือต้นกำเนิดพลังงานของผู้ฝึกลมปราณ เป็สาเหตุที่ทำให้ผู้ฝึกลมปราณแข็งแกร่ง และก็เป็จุดที่ทำให้ผู้ฝึกลมปราณแตกต่างไปจากคนธรรมดา
ผู้ฝึกลมปราณที่อยู่ในขอบเขตหลอมลมปราณ คำว่าฝึกลมปราณก็คือรับเอาพลังิญญาฟ้าดินเข้ามาในมหาสมุทริญญาอย่างต่อเนื่อง ให้มหาสมุทริญญาที่เป็ดั่งกลุ่มเมฆหมอกค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
มหาสมุทริญญาสามารถมองเป็ภาชนะที่ใช้บรรจุพลังิญญา
ยิ่งมหาสมุทริญญาขยายใหญ่ขึ้น แน่นอนว่าพื้นที่ที่สามารถบรรจุพลังิญญาได้ก็ยิ่งมีเยอะเท่านั้น พลังงานที่ผู้ฝึกลมปราณสามารถโยกย้ายมาใช้ได้ก็เยอะตามไปด้วย
โดยทั่วไปแล้ว มีเพียงมหาสมุทริญญาที่มีพลังิญญาอยู่เต็มเปี่ยมจนไม่สามารถหลอมปราณิญญาเข้าไปในมหาสมุทริญญาแล้วเท่านั้น ผู้ฝึกลมปราณถึงจะสามารถใช้ปราณิญญาฟ้าดินนอกเหนือจากนั้นมาเต็มเติมมหาสมุทริญญา เปลี่ยนแปลงเพื่อยกระดับให้กับ “ภาชนะ” นี้ ทำให้มันยิ่งขยายใหญ่ สามารถบรรจุพลังิญญาได้มากขึ้น
ปกติแล้วเมื่อใช้การดูดซับปราณิญญาฟ้าดินเข้ามาในมหาสมุทริญญา เพื่อขยายมหาสมุทริญญาให้ใหญ่ขึ้น เขาแทบจะไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงใดๆ ของมหาสมุทริญญา
เพราะการฝึกบำเพ็ญตบะครั้งหนึ่ง ปราณฟ้าดินที่หลอมออกมามีขีดจำกัด มหาสมุทริญญาที่ขยายใหญ่เดิมทีจึงน้อยยิ่งกว่าน้อย
ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป มีเพียงฝึกฝนอย่างยากลำบากเป็เวลาหนึ่งเดือนเท่านั้น เขาถึงพอจะััได้ว่าปริมาณของมหาสมุทริญญาเพิ่มมากขึ้น
การฝึกบำเพ็ญตบะล้วนใช้หน่วยปีมาคำนวณ การฝ่าทะลุขอบเขตเล็กๆ ของการหลอมลมปราณแต่ละครั้งอย่างน้อยจำเป็ต้องใช้เวลาหนึ่งปี
ฝึกบำเพ็ญตบะไม่ยากลำบากมากพอ พร์ไม่เพียงพอ มักจำเป็ต้องใช้ระยะเวลาหลายปีถึงจะฝ่าทะลุขอบเขตเล็กๆ ขอบเขตหนึ่งไปได้
เดิมทีการบำเพ็ญตบะหนึ่งเดือน เขาถึงจะมองออกถึงการเปลี่ยนแปลงของมหาสมุทริญญา
ตอนนี้เมื่อใช้กระแสไออุ่นเ่าั้มาหลอมรวมในมหาสมุทริญญา เขากลับมองเห็นทันใดว่ามหาสมุทริญญาที่มีลักษณะราวกับกลุ่มเมฆหมอกก้อนนั้นของเขา กำลังแผ่ขยายทอดยาวออกไป
เห็นได้ชัดว่ามหาสมุทริญญากำลังอยู่ใน่ขยายขนาด!
อีกทั้งในขั้นตอนของการค่อยๆ ขยายขนาดนี้ เขายังััได้อย่างชัดเจนมากอีกด้วย
นี่คือประสบการณ์มหัศจรรย์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
“เนื้อของสัตว์วิเศษแฝงเร้นไว้ด้วยพลังงาน! พลังงานเ่าั้ก็คือปราณิญญาที่ผ่านการหล่อหลอมมาจากสัตว์วิเศษ หลังจากกลั่นหลอมปราณิญญาให้บริสุทธิ์แล้วถึงจะแผ่ขยายมายังเืเนื้อได้”
“พลังงานเ่าั้ก็คือพลังงานบริสุทธิ์ที่ผ่านการกลั่นหลอม เข้มข้นยิ่งกว่าปราณิญญาฟ้าดินเพียงอย่างเดียวเสียอีก!”
“เนื้อสัตว์วิเศษช่างเป็ยาบำรุงได้มากยิ่งนัก! ไม่เพียงแต่มีผลในการชุบหลอมเรือนกายของข้า ยังทำให้ข้าเปลี่ยนแปลงมหาสมุทริญญาให้กว้างใหญ่ขึ้นอีกด้วย ทำให้ความเร็วในการฝึกบำเพ็ญตบะของเขาเพิ่มขึ้นอย่างพรวดพราด!”
เขาตระหนักรู้ได้อย่างรวดเร็ว ใช้คาถาหลอมลมปราณที่เป็พื้นฐานที่สุด นำพลังงานในเืเนื้อที่มาจากสัตว์วิเศษซึ่งกำลังก่อกำเนิดขึ้นในช่องท้องรับเข้าไปไว้ในมหาสมุทริญญา
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เมื่อเขาััไม่ได้แล้วว่ามีพลังงานแผ่ออกมาจากช่องท้อง เขาถึงได้หยุดการบำเพ็ญตบะ
และการบำเพ็ญตบะครั้งนี้กลับทำให้มหาสมุทริญญาของเขาขยายกว้างออกไปถึงหนึ่งในสิบส่วน!
ตอนนี้เขาอยู่ในขั้นหลอมลมปราณที่หก ด้วยความเร็วในการบำเพ็ญตบะปกติของเขาตอนที่อยู่ตระกูลเนี่ย เขาอาจจำเป็ต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนครึ่งถึงจะได้ถึงระดับนี้
คิดจะฝ่าทะลุไปถึงหลอมลมปราณเจ็ด มหาสมุทริญญาของเขาในตอนนี้จำเป็ต้องขยายใหญ่ไปอีกหนึ่งเท่า เพื่อให้มหาสมุทริญญาบรรจุพลังิญญาเพิ่มมากขึ้นอีกหนึ่งเท่า
หากเขาฝึกบำเพ็ญตบะอยู่ที่ตระกูลเนี่ยตลอดเวลา ต่อให้ฝึกฝนอย่างยากลำบากทั้งวันทั้งคืน อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหนึ่งปีครึ่งถึงจะเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นที่เจ็ดได้
ทว่าเขาแค่สวาปามเนื้อสัตว์วิเศษอย่างบ้าคลั่งเพียงมื้อเดียวเท่านั้น พอฝึกบำเพ็ญตบะแค่ครั้งเดียว มหาสมุทริญญาก็ขยายไปถึงหนึ่งส่วน นี่เท่ากับการตั้งหน้าตั้งตาฝึกอย่างยากลำบากของเขาที่ตระกูลเนี่ยเป็เวลาหนึ่งเดือนทีเดียว!
“โลกมายามรกต ถือว่าข้าคิดถูกแล้วที่มา!”
ก่อนหน้าที่จะมาที่นี่ เขาไม่แน่ใจนัก เพียงแค่มองโลกมายามรกตเป็เพียงการขัดเกลาตัวเองครั้งหนึ่งเพียงเท่านั้น
เดิมทีนึกว่าปราณิญญาฟ้าดินในโลกมายามรกตนั้นเบาบาง อีกทั้งเขาจำเป็ต้องต่อสู้กับสัตว์วิเศษบ่อยๆ พลังิญญาในมหาสมุทริญญาของสัตว์วิเศษอาจอยู่ในสภาวะชักหน้าไม่ถึงหลังอย่างน่าสงสารมาเป็เวลายาวนาน
เขาไม่เคยคิดเื่การเพิ่มขอบเขตตบะของตัวเองในโลกมายามรกต
จนกระทั่งยามนี้ เมื่อเขาพบว่าในเืเนื้อของสัตว์วิเศษเ่าั้สามารถเพิ่มความเร็วในการบำเพ็ญตบะของเขาให้สูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เขาถึงได้มีเป้าหมายอย่างแท้จริง ตระหนักได้ว่าการประลองในโลกมายามรกตนั้นช่วยเหลือเขาได้มากเพียงใด
หลังจากที่พวกอันอิ่งฟื้นตัวกันได้อย่างสมบูรณ์แล้วก็พยายามตามไปสังหารงูเหลือมน้ำแข็งั์ที่อยู่ในจุดลึกของเกาะน้ำแข็งใหม่อีกครั้ง
น่าเสียดายที่ดูเหมือนว่างูเหลือมน้ำแข็งั์นั้นจะซ่อนตัวไปเสียแล้ว พวกเขาหาอยู่ในเกาะน้ำแข็งเป็เวลาสิบกว่าวันก็ยังไม่สามารถหางูเหลือมน้ำแข็งั์เจอ
ระหว่างนั้นพวกเขาได้เจอสัตว์วิเศษระดับหนึ่งที่อยู่กระจัดกระจายบางส่วน
สัตว์วิเศษระดับหนึ่งเ่าั้ เมื่อถูกพวกเขาล้อมโจมตีก็ล้วนถูกสังหารไปทีละตัว
เนื้อนุ่มลิ้นรสเลิศของสัตว์วิเศษกลายมาเป็อาหารของทุกคน ถูกพวกเขานำมาแบ่งกันกิน
แรดเกราะน้ำแข็งตัวหนึ่งหนักหลายร้อยจินเกือบถึงพันจิน พวกเขาที่สูญเสียฉินซุ่นและจู่ฟางไปหลงเหลือกันอยู่แค่สิบสามคนเท่านั้น
ปริมาณอาหารของสิบสามคนนี้มากสุดก็แค่เนื้อสัตว์ร้อยจินเท่านั้น
พวกเขาทุกคนไม่สามารถพกเอาเนื้อหนักร้อยจินติดตัวไปทั่วทุกหนทุกแห่งได้ในขณะที่กำลังตามหางูเหลือมน้ำแข็งั์ซึ่งอยู่ในสภาพาเ็สาหัสได้
อีกอย่างในทุกระยะเวลา พวกเขาก็จะฆ่าสัตว์วิเศษตัวใหม่ได้
นี่ทำให้ทุกวันเนี่ยเทียนสามารถเขมือบกินเนื้อสัตว์ในปริมาณที่น่ากลัวได้มากพอ
เมื่อตระหนักได้ว่าเนื้อสัตว์ช่วยในการบำเพ็ญตบะของเขา สามารถเพิ่มพูนขอบเขตของเขา ความจุในการกินที่น่าหวาดผวาของเนี่ยเทียนจึงะเิออกมาอย่างเต็มที่
ทุกวัน เนื้อสัตว์วิเศษที่เขากินคนเดียวมากพอๆ กับปริมาณรวมของคนสิบสองคนที่เหลือ!
หลายวันมานี้ เื่ที่เขาทำในทุกวันก็คือกำจัดเนื้อสัตว์วิเศษที่ทุกคนกินเหลืออย่างสิ้นซาก
หากเป็ในส่วนที่กินไม่หมดจริงๆ เขาก็จะพยายามพกไปด้วยให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เขากินได้อย่างบ้าคลั่งต่อไปในเวลาที่ยังไม่เจอสัตว์วิเศษตัวใหม่
พวกอันอิ่งี้เีพกเนื้อสัตว์วิเศษปริมาณมากติดตัวไปด้วย เพราะเป็ไปได้อย่างยิ่งว่าการต่อสู้ครั้งต่อไปจะจับสัตว์วิเศษได้มากกว่าเดิม
แน่นอนว่าหากโชคร้ายจริงๆ ผ่านไปวันสองวันแล้วก็ยังไม่เจอสัตว์วิเศษ แน่นอนว่าพวกเขาย่อม้าอาหาร
ดังนั้นเนี่ยเทียนจึงกลายมาเป็คนที่ช่วยพกเนื้อสัตว์วิเศษแห้งให้กับทุกคน
เวลานี้ ความสามารถในการแบกรับอันน่าตื่นตะลึงของเนี่ยเทียนก็ค่อยๆ เป็ที่ประจักษ์แก่ทุกคน
นี่ยเทียนที่แบกเนื้อสัตว์วิเศษหลายร้อยจินเดินตามพวกเขามา กลับไม่แสดงให้เห็นถึงความเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย ยังคงก้าวเดินอย่างแข็งแรงมั่นคงราวกับบินเช่นเดิม
พวกเขาที่ไม่แน่ชัดถึงสาเหตุ ค่อนข้างพอใจกับความ “หนักเอาเบาสู้” ของเนี่ยเทียนอยู่มาก รู้สึกว่ามีคนเช่นนี้ช่วยเป็กองหนุนอยู่แนวหลังให้กับพวกเขา ทั้งยังช่วยพกเอาอาหารที่มากพอให้พวกเขากินไปอีกหลายวันแบบนี้ อันที่จริงแล้ว... ก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว
แม้แต่พวกถงฮ่าวที่ก่อนหน้านั้นไม่พอใจในตัวเนี่ยเทียน เมื่อรู้สึกหิวโหยในยามที่ไม่เจอสัตว์วิเศษหลายวัน พอได้กินเนื้อสัตว์วิเศษที่หนักอึ้งราวูเาซึ่งเนี่ยเทียนแบกมาแล้ว ก็ไม่มองเขาด้วยสายตาที่ขุ่นเคืองใจอีก
“เยี่ยมไปเลย!”
“การเดินทางมาโลกมายามรกตครั้งนี้ อาจเป็ประสบการณ์ที่มีความสุขที่สุดที่ข้าได้เจอในชีวิตนี้เลยก็ว่าได้!”
“วันนี้! มหาสมุทริญญาขยายไปอีกหนึ่งส่วนแล้ว หากลองคำนวณดู ระดับการขยายของมหาสมุทริญญาเพิ่มขึ้นมาตั้งเก้าส่วนเต็มเมื่อเทียบตอนก่อนเข้ามา!”
“อีกสองวัน! แค่ให้เวลาข้าอีกสองวัน ข้าก็จะฝ่าทะลุหลอมลมปราณขั้นเจ็ด!”
ทุกวันเนี่ยเทียนจะจมจ่อมอยู่กับความปีติยินดีอย่างยิ่ง แอบพึงพอใจอยู่กับตัวเอง
ทุกวันเขาล้วนััได้ถึงความก้าวหน้าของร่างกายตัวเอง!
งานหนักที่น่าใอย่างการแบกเนื้อสัตว์วิเศษหนักหลายร้อยจินเช่นนี้ เดิมทีก็คือการฝึกฝนพลังกล้ามเนื้ออย่างหนึ่ง
เขารู้ดีว่าด้วยร่างกายของเขา การแบกภาระหนักเช่นนี้ถือเป็การฝึกฝนที่พอดิบพอดี
ด้านหนึ่งแบกเนื้อหนักหลายร้อยจินเพื่อฝึกฝนพลังกล้ามเนื้อ อีกด้านหนึ่งอาศัยการกินเนื้อสัตว์วิเศษอย่างต่อเนื่องมาเปลี่ยนแปลงมหาสมุทริญญา และถือโอกาสทำให้กล้ามเนื้อแข็งแกร่งขึ้นด้วย นี่ทำให้ชีวิต่นี้ของเขามีรสชาติขึ้นมามากเลยทีเดียว
เขาถึงขั้นอยากอยู่ในสภาวะเช่นนี้ตลอดไปด้วยซ้ำ
งูเหลือมน้ำแข็งั์อะไร กิ้งก่าดินอะไร การประลองโลกมายามรกตอะไร ของรางวัลนอกโลกเ่าั้ล้วนไม่สำคัญสำหรับเขา
เพราะเขาสามารถััได้ทุกเวลาทุกนาทีว่าตัวเองกำลังแข็งแกร่งขึ้นทุกขณะ!
วันนี้ ขณะที่พวกอันอิ่งนั่งพักผ่อนล้อมรอบกองไฟ คุยโวโอ้อวดกันอย่างสนุกสนาน เนี่ยเทียนที่กำลังนั่งโคจรคาถาหลอมลมปราณห่างจากพวกเขาไปสิบเมตร ร่างก็พลันสั่นะเืขึ้นมา ดวงตาที่ลืมขึ้นมาเต็มไปด้วยความเบิกบานอย่างบ้าคลั่ง
“หลอมลมปราณขั้นเจ็ด!”
------