ในวันรุ่งขึ้นอวิ๋นอี้ตื่นเช้ามาก ตอนที่หรงซิวตื่นไปทำงานตอนเช้า นางก็โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม ขยี้ตาที่ง่วงนอนแล้วถามว่า "ไปที่ใดเพคะ?"
หรงซิวหันกลับมามอง เขายิ้มอย่างมิคาดฝัน “เหตุใดจึงตื่นแล้วเล่า?”
เขารู้ว่าทุกวันนางจะต้องตื่นตอนสายๆ จึงรู้สึกไม่ชิน อวิ๋นอี้ตอบงึมงำ "ฝ่าาจะไปที่ใดเพคะ?"
"ทำงาน" หรงซิวโบกมือให้สาวใช้ พับแขนเสื้อแล้วเดินไปที่เตียง ลูบหัวนางเบาๆ "เ้านอนต่อเถิด"
"ฝ่าามิได้บอกว่าจะเชิญอาจารย์มาให้ข้าหรือ?" อวิ๋นอี้ตื่นขึ้นมาแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา
ดวงตาของนางเป็ประกายเจิดจ้า ทำให้หรงซิวเอื้อมมือออกไปจับคางของนาง แล้วลูบมันอย่างมิรู้ตัวถึงสองครา
ผิวของสตรีนั้นเนียนนุ่ม รู้สึกดีจนวางไม่ลง
อวิ๋นอี้ที่เพิ่งตื่น ี้เีราวกับแมวเซา นางลูบเข้าไปในมือเขาอย่างรักษาหน้า แล้วพูดซ้ำด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "หืม? อาจารย์จะมาเมื่อใดเพคะ?"
"เ้าตั้งใจกับเื่นี้มากเลยหรือ?” เขายิ้มและพูดปลอบโยน “ข้าจะให้เซียงเหอปลุกเ้าล่วงหน้า เ้านอนต่อสักหน่อยเถิด”
ข้างนอกยังพระอาทิตย์ไม่ขึ้น มืดสนิทอยู่
อวิ๋นอี้ทำเป็รับปาก ทว่าที่จริงแล้วหลังจากที่หรงซิวจากไป นางมิได้นอนต่อเยอะ ลุกตื่นขึ้นมา
หลังทานอาหารเช้าเสร็จ ก็เอากู่เจิงออกมาแล้วฝึกอีกกว่าชั่วยาม จนพ่อบ้านมารายงานบอกว่าแขกผู้มีเกียรติที่หรงซิวเชิญมาได้มาถึงแล้ว
อวิ๋นอี้กับเซียงเหอรีบไปทักทายเขาทันที
เดิมทีนางคิดว่าอาจารย์จะเป็ผู้สูงอายุ ทว่าคิดมิถึงเลยว่าจะเป็สตรีที่สง่างามและดูรุ่นราวคราวเดียวกันกับนาง
อวิ๋นอี้ยืนประหลาดใจอยู่กับที่ จนพ่อบ้านกระแอมเบาๆ นางถึงจะมีสติกลับมาได้ นางยิ้มและพยักหน้าทักทายอีกฝ่าย "เป็ท่านอาจารย์สอนกู่เจิงใช่หรือไม่เ้าคะ? เชิญมากับข้าเ้าค่ะ"
“พระชายามิต้องเกรงพระทัยเพคะ” สตรีผู้นั้นย่อตัวลงเคารพ "เรียกข้าว่าหมีอินเถิดเพคะ"
อวิ๋นอี้พาหมีอินไปที่ศาลากลางทะเลสาบ สั่งให้เซียงเหอไปเตรียมชาร้อน
ระหว่างทาง ทั้งสองได้ทำความรู้จักกันเล็กน้อย จากนั้นจึงได้รู้ว่าหมีอินเป็นางโลมจากหอนางโลมที่ใหญ่ที่สุด
อวิ๋นอี้มิได้ดูถูกตัวตนของนาง ทว่ามีความขุ่นเคืองเล็กน้อยต่อหรงซิว
เหอะเหอะ
เดี๋ยวจะต้องคิดบัญชีกับเขา!
ที่แท้บุรุษมิมีคนดีจริงๆ ได้โอกาสพลันไปหอนางโลม ฟังจากที่หมีอินพูดแล้ว หรงซิวดูจะไปบ่อยเสียด้วย
ไอ้บ้ากาม!
บุรุษชั่ว!
ไร้ยางอาย!
นางด่าหรงซิวอยู่ในใจมิได้หยุด หมีอินที่อยู่ข้างๆ ได้ตัดบทเข้าเื่ "พระชายาเพคะ ฝ่าาเชิญข้ามา บอกว่าจะให้ข้าช่วยดูท่านเล่นกู่เจิง ท่านคิดว่าเพลานี้จะเป็โอกาสหรือไม่เพคะ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว” อวิ๋นอี้กลับมามีสติอีกครา ฝีมือของนางแย่เกินไปนัก เวลาคับขันมาก ไม่อาจจะเสียเวลาไปได้อีก รีบพูดต่อว่า “เช่นนั้นเราเริ่มกันเลยดีหรือไม่เ้าคะแม่นางหมีอิน”
"เพคะ เช่นนั้นรบกวนพระชายาเล่นให้ข้าฟังสักหน่อย ข้าจะฟังดูว่าเป็อย่างไร" นางทำท่าเชิญ ยิ้มเล็กน้อยอย่างอ่อนโยนและมีเสน่ห์ "รบกวนด้วยเพคะ"
อวิ๋นอี้สูดหายใจลึกๆ แล้วพยักหน้า
นางจัดกู่เจิงให้ตำแหน่งถูกต้อง หากบอกว่ามิได้ประหม่าจะเป็การโกหก แม้แต่นิ้วของนางสั่นยังเล็กน้อย
หมีอินมองออก นางรินน้ำชาให้นางแล้วยื่นให้ พลันยิ้มและตบไหล่นางเบาๆ “มิต้องประหม่าเพคะพระชายา สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนักแสดงคือการเอาชนะสภาพจิตใจ หายใจเข้าลึกๆ เพคะ ลองดูใหม่ คิดเสียว่าข้ามิมีตัวตน หรือคิดเสียว่าข้าเป็เศษขอนไม้ คิดเสียว่าสิ่งทุกอย่างนอกเหนือจากท่านเองเป็ขอนไม้ ยังจะประหม่าหรือไม่เพคะ?”
นางพูดอย่างอ่อนโยนและมีไหวพริบ พูดช้าๆ และระหว่างคำพูดเ่าั้ทำให้อวิ๋นอี้ใจเย็นลงได้ "ขอบใจเ้าค่ะ ข้าจะพยายาม"
อวิ๋นอี้เลือกเพลงที่ฝึกได้ชำนาญที่สุด และแน่นอนว่าระดับความยากของมันค่อนข้างน้อย
หลังจากปรับตัวเมื่อวานนี้ นางเล่นมันได้หมดในลมหายใจเดียว จังหวะค่อนข้างราบรื่น เมื่อจบลง นางพลันมองหมีอินด้วยความคาดหวัง ราวกับกระต่ายน้อยยกหูถาม "ท่านอาจารย์ ท่านคิดว่า...เป็อย่างไรบ้างเ้าคะ?”
“พระชายาเคยฝึกกู่เจิงมากี่ปีเพคะ?” หมีอินขยับริมฝีปากยิ้มดูจริงใจมากทำให้อวิ๋นอี้ผ่อนคลายลง นางหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบ “ประมาณสี่ปีเ้าคะ”
"ฟังออกว่ามีพื้นฐานเพคะ" นางพูดให้ความมั่นใจก่อน แล้วจึงเปลี่ยนเื่ "ทว่ายังมีที่ให้พัฒนาอีกมากเพคะ"
หมายความว่า...การเล่นของนางไม่ค่อยดีสินะ
อวิ๋นอี้รู้อยู่แก่ใจ หลังจากได้รับความวิจารณ์เช่นนี้ก็ยอมรับอย่างใจเย็น แล้วขอคำแนะนำอย่างถ่อมตน "หวังว่าท่านอาจารย์จะชี้แนะให้ข้าได้นะเ้าคะ"
"มิต้องกังวลเพคะ ท่านกับข้าเรามีชะตาต้องกัน แม้ว่าในวันนี้ท่านจะความสามารถอ่อนไปสักนิด ทว่าท่านมีศักยภาพ ซ้อมหนักเป็เวลาหนึ่งเดือน ข้าเชื่อว่าจะทำให้ผู้ชมตาเป็ประกายได้เลยเพคะ” หมีอินกลัวว่านางจะไม่เชื่อ จึงจงใจพูดย้ำ “จริงๆ นะเพคะ มิต้องกังวลเพคะ ให้ข้าจัดการเอง ปัญหาเล็กน้อยเพคะ"
มิใช่ว่าหมีอินจะพูดโอ้อวดเลยจริงๆ จากนั้นนางเล่นบทเพลงหนึ่งให้ฟัง อวิ๋นอี้เอ่ยชมอย่างตกตะลึง เพลงนี้น่าจะมีแค่บนสรวง์เท่านั้น ในโลกมนุษย์จะหาฟังได้จากที่ใด
มีความสามารถที่แข็งแกร่งของหมีอินเปรียบเทียบ ทำให้นางยิ่งมีแรงผลักดันมากยิ่งขึ้น
ทั้งสองอยู่ในศาลาตลอดทั้งบ่าย หลังจากวิเคราะห์ปัญหาต่างๆ ในการเล่นของนางแล้ว หมีอินเริ่มแก้ไขจากการใช้นิ้วขั้นพื้นฐานที่สุด
จนถึงกลางคืน นางเข้าใจชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องปรับและเื่ที่ต้องพัฒนา
“วันนี้ฝึกแค่นี้เถิดเพคะ ข้ากลับไปคืนนี้และวางแผนสำหรับเวลาและเนื้อหาการฝึกต่อไป พรุ่งนี้ข้ามา เราจะเริ่มดำเนินการตามแผนนั่น” หมีอินเก็บกู่เจิงพลางพูดกับนาง
อวิ๋นอี้ว่านอนสอนง่าย ยิ่งไปกว่านั้นคือประหลาดใจกับความรับผิดชอบของหมีอินจึงขอบใจนางอย่างสุดซึ้ง "ขอบพระทัยท่านอาจารย์เ้าค่ะ"
"ท่านกับข้ามิจำเป็ต้องสุภาพต่อกันได้เพคะ ในเมื่อท่านเรียกข้าว่าอาจารย์ ข้าย่อมต้องทำให้เต็มที่อยู่แล้ว” หมีอินเก็บข้าวของเสร็จก็เตรียมตัวจากไป อวิ๋นอี้กำลังจะไปส่ง นางชี้ไปที่พ่อบ้านส่งสัญญาณบอกว่าไม่ต้อง
อวิ๋นอี้รับปาก ทว่ายังพานางไปส่งถึงประตู มองดูนางขึ้นรถม้าไป ถึงจะเดินกลับ
จากความรู้สึกเพียงวันเดียว ความเข้าใจของนางที่มีต่อหมีอินเปลี่ยนไปมาก
นางเป็สตรีที่มีความสามารถมาก ทั้งยังเป็สตรีที่เย่อหยิ่งในตนเองด้วย แม้ว่านางจะอยู่ในโลกที่สกปรก ทว่านางมิยอมให้หัวใจถูกปกคลุมไปด้วยความสกปรก
สิ่งที่นางคิดไปเองระหว่างหมีอินและหรงซิวก่อนหน้านี้ ถูกโยนทิ้งไป
เพราะเช่นนั้นเมื่อหรงซิวกลับถึงบ้านในตอนกลางคืนจึงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากสตรีตัวน้อยอย่างที่มิเคยเป็มาก่อน
นางนั่งลง รอให้เขาเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วพาเขาไปทานอาหารเย็นด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าจะขอให้นางขัดหลังให้ นางก็ตอบรับยินยอมด้วยใบหน้าเขินแดง
หรงซิวแช่ตัวในอ่าง แขนพาดเหนือขอบ สตรีตัวน้อยยืนอยู่ข้างหลังเขา มือเล็กๆ อันอบอุ่นของนางลูบไล้ผิวของเขา มือที่นุ่มนวลและอ่อนโยนนั้นทำให้เขารู้สึกตื่นเต้น
“พอแล้ว” เขาเรียกให้หยุดด้วยน้ำเสียงแหบห้าว เสียใจที่เหตุใดตนเองถึงเอ่ยคำขอนี้ เพราะสุดท้ายคนที่ต้องทนทุกข์เป็เขาเอง
อวิ๋นอี้โผล่หัวออกมาทางด้านหลัง ลมหายใจร้อนที่หายใจออกตกลงมาที่หูของเขา "ข้ายังเช็ดมิเสร็จเลย!"
"มิต้องแล้ว" เขาถอนหายใจแล้วจับมือเล็กๆ ของนาง เอาผ้าที่เปียกโชกโยนลงอ่างอาบน้ำ พลันเงยหน้าขึ้นมองนาง
ั์ตาสีเข้มที่มีไฟลุกโชนอยู่ภายในนั้นชัดเจนและสดใส
หรงซิวจูบนางบนใบหน้า เปียกไปหมด เสียงของเขาดูเหมือนจะปกคลุมไปด้วยไอน้ำ "หากทำต่อไป ข้าจะอดมิไหวแล้ว"
เขายกคางขึ้นแล้วชี้ไปที่เตียงใหญ่หลังฉากกั้น “ไปรอที่เตียงเถิด ที่เหลือข้าจะจัดการเอง”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้