พอนึกถึงกู้เฟิง ฉู่อี้ก็คิดทบทวนประสบการณ์ไม่กี่วันที่ผ่านมาของเขา อันที่จริงทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างฉุกละหุกมาก จนทำให้เขาไม่มีเวลามานั่งคิดไตร่ตรองให้ดี แต่ละวันเขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความอ่อนเพลีย และหลับไปพร้อมกับรสชาติของจุดสุดยอดที่คั่งค้างในกาย อันที่จริง เมื่อเทียบกับการฝึกร่างกายใน่ไม่กี่วันที่ผ่านมา การทรมานจิตใจในวันนี้กลับผ่อนคลายสำหรับฉู่อี้มากกว่า ฉู่อี้ผ่าน่วัยรุ่นที่เต็มไปด้วยความพุ่งพล่านมานานแล้ว แม้ว่าเขาจะดูแลตัวเองและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอมาโดยตลอด แถมอายุยังแค่ 28 ปีเท่านั้น แต่การหลั่งอย่างน้อยวันละสามครั้ง ต่อเนื่องกันเกินหนึ่งสัปดาห์ก็มากเกินไปหน่อย
ขอบคุณกู้เฟิงที่ทรมานเขาแบบนี้ ขอบคุณจริงๆ ในขณะที่คิดเช่นนั้น ฉู่อี้ก็ยกหลังมือขึ้นปิดปากหาว อย่างสง่างาม
สงสัยอาทิตย์นี้เขาคงจะเหนื่อยมากจริงๆ ขนาดฉู่อี้ที่ไม่ค่อยนอนหลับกลางวัน ยังรู้สึกง่วงงุน ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรให้ทำ งั้นหลับดีกว่า! ฉู่อี้เอนตัวเข้ามุม ปรับท่าทางให้สบายขึ้นเล็กน้อย แล้วจากนั้นก็ผล็อยหลับไปจริงๆ
กู้เฟิงที่นั่งเฝ้าหน้าจอภาพกล้องวงจรปิด แทบจะไม่ได้ปรบมือเลย เวลาที่คนส่วนใหญ่เข้าไปในสถานที่แบบนี้ จะรู้สึกสติแตกไปในทันที แม้ว่าจะปกปิดสีหน้าการแดสงออกได้ แต่อุณหภูมิร่างกายและการเต้นของหัวใจนั้นไม่สามารถทำได้ แต่ฉู่อี้กลับสบยายดี ไม่ต้องพูดถึงอุณหภูมิร่างกายและการเต้นของหัวใจที่ยังปกติดี เขาถึงขั้นสำรวจพื้นที่รอบๆ ตัวก่อนเสียด้วยซ้ำ จากนั้นก็เจอตำแหน่งของเซ็นเซอร์ตรวจจับความร้อนเจอเข้าจริงๆ แสดงให้เห็นถึงความละเอียดถี่ถ้วนและความอดทน พอเห็นแขนของฉู่อี้โบกตรงหน้ากล้องแล้ว กู้เฟิงก็จินตนาการว่าถ้าตอนนี้ได้เห็นหน้าฉู่อี้ หมอนั่นจะทำหน้าตากวนบาทาสักแค่ไหน
จากนั้นฉู่อี้ก็เฝ้ารอที่หน้าจอมอนิเตอร์ คอยดูว่าเมื่อไหร่ฉู่อี้จะหมดความอดทน เมื่อไหร่จะมีปฏิกิริยาเช่นหวุดหวินและวิตกกังวลออกมา แต่ไม่มีเลย หลังจากสำรวจทุกซอกทุกมุมเป็เวลานานกว่าสองชั่วโมง ไอ้หมอนั่นก็ผล็อยหลับตรงมุมห้องเนี่ยนะ?!
ทันใดนั้นกู้เฟิงก็คิดว่าเขาที่อยู่ข้างนอกรู้สึกเบื่อยิ่งกว่าฉู่อี้อยู่ในห้องขังเดี่ยวเสียอีก เขาเฝ้าดูคนคนหนึ่งหลับเป็เื่เป็ราว แถมยังไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้ ถ้าอีกฝ่ายเป็ลมก็ไม่เป็ไร เพราะเขาต้องจับตาดูคตวามเปลี่ยนแปลงของลมหายใจและอุณหภูมิร่างกาย เพื่อจะได้ตอบสนองอย่างทันท่วงที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝันกับอีกฝ่าย แต่ตอนนี้แน่ชัดแล้วว่าฉู่อี้กำลังชดเชยการนอนที่ขาดไปเนื่องจากถูกทรมานอย่างหนักมาหลายวันจริงๆ
กู้เฟิงนั่งดูฉู่อี้ผ่านหน้าจอมอนิเตอร์โดยไม่ขยับเขยื้อน แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้นั่งยาวถึงหกชั่วโมง ไอ้หมอนี่หลับลงจริงๆ แฮะ! เมื่อฉู่อี้ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา และยืดเอวบิดี้เีนั้น กู้เฟิงก็ตระหนักได้ว่าตนนั่งอยู่เป็เพื่อนเขาถึงหกชั่วโมง ทั้งที่มีหน้าจอมอนิเตอร์ หรือแม้กระทั่งห้องกั้นระหว่างทั้งคู่ เขาก็ยังผ่อนลมหายใจให้แ่เบาลงโดยไม่รู้ตัว ราวกับกลัวว่าจะไปรบกวนเขาอย่างไรอย่างนั้น ทีนี้พอเทียบกับฉู่อี้ที่นั่งหลับจนหลังแข็ง กับกู้เฟิงที่นั่งเฉยๆ เป็เวลาหกชั่วโมง กลับรู้สึกปวดมวดตามเนื้อตัวมากกว่า กู้เฟิงถือโอกาสลุกขึ้นยืน แต่สายตายังคงจับจ้องหน้าจอมอนิเตอร์ เพื่อดูว่าฉู่อี้ตื่นขึ้นมาแล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร จากนั้น ฉู่อี้ที่ปิดปากเงียบสนิทมาั้แ่ประตูห้องขังเดี่ยวถูกปิดลง จู่ๆ ก็ร้องเพลงขึ้นมาหลังจากผ่านไปแปดชั่วโมง?!
อันที่จริง แม้ว่าฉู่อี้จะเจอกล้องวงจรปิดแล้ว เขาก็ไม่ได้ฉุกคิดว่ากล้องจะมีฟังก์ชั่นดักฟังด้วย พูดอีกอย่างคือเขาไม่คิดว่ากู้เฟิงจะคอยฟังและเฝ้าดูเขาตลอดแปดชั่วโมง จากอีกฝั่งของหน้าจอมอนิเตอร์ ฉู่อี้ไม่มีนิสัยชอบคุยกับตัวเอง ที่จริงเขาพูดน้อยมาก ขนาดกับคนอื่นเขายังไม่อยากคุยด้วย นับประสาอะไรกับคุยกับตัวเอง? แต่สถานการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างจะพิเศษ ความพิเศษอย่างแรก คือตอนที่เขาเพื่งตื่น ปกติกผู้ชายเวลาที่เพิ่งตื่นนอน ร่างกาจะมีการตอบสนองแบบพิเศษที่เลี่ยงไม่ได้ แต่คนที่โดนรีดน้ำจนเพลียหลายวัน กลับะเิเสียงหัวเราะออกมาเมื่อเจอกับสถานการณ์นี้ ความพิเศษอย่างที่สอง เวลาที่ยาวนานถึงแปดชั่วโมง ทั้งกระเพาะอาหารและกระเพาะปัสสาวะเริ่มจะประท้วงกันเสียงขรม ฉู่อี้รู้ดีว่าในสถานการณ์นี้เขาต้องหาทางอื่นเพื่อเบี่ยนเบนความสนใจของตนเอง ควมพิเศษอย่างที่สาม คือความมืดสนิทรอบด้าน ความมือนั้นทำให้คนเกิดความรู้สึกและการเปลี่ยนแปลงที่ต่างกันออกไป ส่วนฉู่อี้เป็พวกที่กลายเป็คนโรแมนติกขึ้นมากะทันหันเมื่ออยู่ท่ามกลางความมืด ยกตัวอย่างเช่นในขณะนี้ฉู่อี้กำลังคิดว่าเขายืนอยู่ ณ ส่วนลึกของจักรวาล รอบข้างโอบล้อมด้วยทะเลดวงดาวสุกไส เขากำลัง...เอ่อ ร้องเพลงท่ามกลางดวงดาวงั้นเหรอ? จริงๆ จะบอกว่าเพลงก็ดูจะห่างไกลความเป็จริงไปหน่อย เขาแค่ฮัมเพลง ซึ่งส่วนใหญ่เป็เพลงบรรเลงเปียโน และบางเพลงเป็เพลงประกอบหนังเก่าๆ เขาใช้เสียงที่แหบต่ำเป็เอกลักษณ์หลังตื่นนอนอุมเพลงไปเรื่อยๆ เพลงแล้วเพลงเล่า
กู้เฟิงที่อยู่หน้าจอมอนิเตอร์ะเิหัวเราะออกมา ไม่รู้ว่าจะโกรธหรือเอือมระอาดี ไอ้หมอนี้นี่! แต่เขามีเนื้อเสียงที่ดีจริงๆ แถมการขึ้นเสียงสูงต่ำยังทำได้ไม่เลวเลย ถ้าไม่ไปเป้นนักร้องละก็เสียดายแย่
หลังจากนั้นอีกประมาณสองชั่วโมง เสียงของฉู่อี้ก็เริ่มจะแหบแห้ง ในที่สุดเขาก็หยุดร้องแล้วหยัดกายลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นฉู่อี้หันซ้ายหันขวาไปมาในพื้นที่เล็กๆ อย่างร้อนรน กู้เฟิงยังไม่ทันรู้สึกอะไร ก็เห็นฉู่อี้บ่นพึมพำมาทางกล้อง "เฟิงจื่อ ถึงฉันจะโดนนายบังคับสวนล้างกับเข้าห้องน้ำบ่อยเป็ว่าเล่น แต่ถ้าฉี่ในนี้จะไม่เป็ไรใช่ไหม? นายจะทำความสะอาดได้หรือเปล่า?"
"หยุด!" ในที่สุดกู้เฟิงก็ดึงไมโครโฟนมา ะโพูดประโยคแรกในรอบสิบชั่วโมงกับคนในห้องขังเดี่ยว "นายอยู่ตรงนั้นแหละอย่าขยับนะ"
สามนาทีต่อมา ประตูห้องขังเดี่ยวก็ถูกเปิดออก แม้ว่าแสงไฟข้างนอกจะสลัวราง แต่กู้เฟิงก็ปิดตาฉู่อี้ก่อนที่จะปล่อยให้เขาออกมา หลังจากที่ค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับแสงได้แล้ว กู้เฟิงก็ผลักฉู่อี้เข้าไปในห้องน้ำที่มีแสงสว่างจ้า
ถึงได้บอกไงว่าคนคนนี้อ่อนโยนจริงๆ! ฉู่อี้ถอนหายใจออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ คนปกติที่ไหนจะใส่ใจกับเื่แบบนี้? เขาถูกลักพาตัวไปหลายครั้ง และถูกกักขังอีกหลายหน เมื่อก่อนจะมีพยาบาลคอยดูแล ถ้าไม่มีพยาบาลอยู่ในที่เกิดเหตุ เขาจะใช้แขนบังแสงเพื่อไม่ให้ตาพร่าหรือถึงขั้นตาบอด แต่สำหรับกู้เฟิง ต้องบอกว่าเป็มืออาชีพสินะ? ยิ่งไปกว่านั้น! เมื่อพิจารณาจากระดับความหิวโหยของเขาแล้ว เขาน่าจะถูกขังไว้ประมาณสิบสองชั่วโมง จากสิบสองชั่วโมงที่ไม่เจอแสง จู่ๆ ก็เผชิญกับแสงกะทันหัน ยังห่างไกลจากการสูญเสียความสามารถในการมองเห็นถาวร ไม่ถึงขั้นที่ดวงตาจะาเ็เสียด้วยซ้ำ อีกอย่างมันเป็แค่แสงจากหลอดไฟที่ไม่ได้แผดเผาดวงตามนุษย์แบบแสงแดด อย่างมากก็แค่รู้สึกเคืองตาเท่านั้นเอง แต่กู้เฟิงไม่เปิดโอกาสให้เขารู้สึกไม่สบายตัวเลยด้วยซ้ำ
หลังจากล้างมือและเดินออกมาจากห้องน้ำ กู้เฟิงก็ส่งเครื่องดื่มให้กับฉู่อี้ ฉู่อี้รับมา รสชาติออกหวานนิดๆ เจือด้วยรสแันเอกลัษณ์ของเครื่องดื่มเกลือแร่ ฉู่อี้รู้ว่าต้องมีสารบางอย่างที่เติมอิเล็กโทรไลต์ เกลือแร่ในร่างกาและน้ำตาล เหมือนกับเครื่องดื่มที่กู้เฟิงให้เขาดื่มทุกครั้งหลังออกกำลังกายหนักเกินไป
ฉู่อี้ค่อยๆ ดื่มเครื่องดื่มจนหมดแล้วส่งคืนให้กับกู้เฟิง เขาอดถามไม่ได้ "ต้องเข้าไปอีกไหม?"
แน่นอนกู้เฟิงรู้ว่าเขากำลังพูดถึงห้องขัง แต่เห็นสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องของเขา กู้เฟิงก็รู้สึกว่าเสียเวลาเปล่า
"บางทีเราน่าจะลองใช้วิธีอื่น" กู้เฟิงแสยะยิ้มชั่วร้ายทันที
ฉู่อี้ไม่คิดว่ากู้เฟิงจะทรมานเขาด้วยวิธีการนี้ นี่อาจจะเป็บทลงโทษอีกแบบหนึ่ง นั่นคือไม่อนุาตให้นอนหลับ การนอนหลับไม่เพียงพอทำให้เกิดการสะสมของสารพิษในร่างกาย สมองขาดออกซิเจน และความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ผู้คนจึงสูญเสียการควบคุมตนเอง หงุดหงิดฉุนเฉียว จนถึงขั้นมีอาการประสาทหลอนและวิกลจริต
ฉู่อี้ไม่ได้นอนมาเป็เวลาสามวัน 72 ชั่วโมงแล้ว เมื่อใดก็ตามที่เขากำลังจะหลับ กู้เฟิงจะปลุกเขาขึ้นมาด้วยวิธีต่างๆ ตอนแรกเขาใช้วิธีฉุดกระชากตนไปบนปากเหวจวนเจียนจะถึงจุดสุขสม ต่อมาเมื่อปฏิกิริยาทางกายภาพไม่สามารถต้านทานอาการง่วงได้ กู้เฟิงก็เปลี่ยนไปใช้แส้เฆี่ยนตีเขา แต่ท้ายที่สุด ไม่รู้ว่ากู้เฟิงเองที่อยู่กับเขาตลอดเวลาเองก็อาจจะหมดแรงเหมือนกัน จึงเลิกใช้แส้แล้วหันมาใช้กระแสไฟฟ้ระดับกลางมาช็อตเขาให้ตื่นแทน
"ที่จริงฉันไม่อยากจะบอกนานหรอกนะ ว่าที่นายทำไปไม่ได้ประโยชน์ ่ที่งานเร่งๆ ฉันเคยลองไม่หลับเลยเจ็ดวันติด นายจะแข่งกับฉันเื่ความอดทนจริงๆ เหรอ?" เวลาล่วงเลยมาถึงป่านนี้แล้ว ฉู่อี้ยังพูดคุยกับกู้เฟิงได้ด้วรอยิ้ม
สิ่งที่เขาไม่รู้คิือ เมื่อเทียบกันั้แ่ตอนที่เขานอนหลับอยู่ในห้องขังเดี่ยวแล้ว กู้เฟิงไม่ได้นอนเป็เวลา 82 ชั่วโมงเป็อย่างต่ำ
"โอ้? งั้นเหรอ? เจ็ดวันเลยเหรอ? แล้วเจ็ดวันต่อมาล่ะ?" กู้เฟิงนั่งบนเก้าอี้อย่างเอื่อยเฉื่อย มองดูคนที่ถูกมัดติดกับแท่นสูงตรงหน้าด้วยดวงตาที่เปิดเพียงครึ่งเดียว พลางคิดในใจว่าใกล้จะได้เวลาหยอดข้าวต้มเต็มทีแล้ว
"เจ็ดวันต่อมา ฮะๆ ฉันอ้วกออกมาเป็เืแล้วถูกหามตัวส่งโรงพยาบาล" ฉู่อี้แสยะยิ้มอย่างไร้ความปรานี ในขณะที่กู้เฟิงขมวดคิ้วฟังเขาพูด
เืออกในกระเพาะอาหารงั้นเหรอ? ถ้าเป็แบบนั้นจริงๆ ฉู่อี้อาจจะไม่เหมาะกับวิธีการฝึกแบบนี้ แถมยังไม่ดีต่อท้องไส้ที่อ่อนแอของเขาอีก
"เฮ้ นายไปกินมื้อค่ำหน่อยไหม?" ไม่รู้ว่าทำไม แต่ฉู่อี้ไม่ชอบเห็นกู้เฟิงขมวดคิ้ว ดังนั้นเขาจึงพยายามเบี่ยงเบนความสนใจ
"ทำไม? นายชอบโดนผู้ช่วยของฉันเฆี่ยน มากกว่าให้ฉันอยู่กับนายงั้นเหรอ" กู้เฟิงถามพร้อมกับเลิกคิ้ว เวลาที่กู้เฟิงออกไปทานข้าว มักจะให้ผู้ช่วยมาเฝ้าฉู่อี้แทน แต่มือใหม่ย่อมมีทักษะที่ด้อยกว่า และมักจะดูไม่ออกว่าฉู่อี้กำลังจะผล็อยหลับหรือเปล่า ดังนั้นจึงใช้วิธีเฆี่ยนด้วยแส้ทุกๆสองถึงสามนาทีแทน
"อันที่จริงถึงผู้ช่วยของนายจะเฆี่ยนฉันตลอดแปดชั่วโมงฉันก็ไม่สนใจหรอก" ฉู่อี้เลิกคิ้วเลียนแบบกู้เฟิง เห็นได้ชัดว่านี่เป็การกวนประสาท กู้เฟิงออกไปทุกครั้งใช้เวลาไม่เกินหนึ่งชั่วโมง ดังนั้นจึงไม่สามารถไปนอนชดเชยได้ การที่ฉู่อี้บอกว่าแปดชั่วโมง เป็การบอกให้กู้เฟิงไปนอน ซึ่งเป็การบีบบังคับให้เขายอมรับความพ่ายแพ้
"อยู่ดีๆ ฉันก็สงสัยแฮะ ว่านายทำงานอะไรกันแน่? เพราะบางทีนายก็กวนส้นเก่งเหลือเกิน" จู่ๆ กู้เฟิงก็หัวเราะออกมา
"ฉันบอกไปแล้วว่าฉันเป็ซีอีโอของฉู่กรุ๊ป นายก็ไม่เชื่อ!" ฉู่อี้กลอกตาใส่กู้เฟิง
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการอดนอนเป็เวลานานทำให้ความสามารถในการควบคุมตัวเองของทั้งคู่ลดน้อยลง พฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างที่ปกติพวกเขาไม่ค่อยพูดหรือทำ ก็แค่อยๆ ถูกเปิดเผยออกมาทีละน้อย
กู้เฟิงเงียบและจ้องมองฉู่อี้เนิ่นนาน ทีแรกเขาไม่เชื่อคำพูดของฉู่อี้ ไม่คิดจะเก็บมาใส่ใจด้วยซ้ำไป ถึงเขาจะรู้ว่าฉู่อี้ไม่ใช่คนธรรมดา แต่ความปรารถนาที่จะพิชิตและท้าทายของเขากลับสูงเกินกว่าจะไตร่ตรองถึงเื่อื่นๆ ในมุมมองของเขา นี่เป็เพียงทาสที่ส่งมาให้เขาฝึกฝน ส่วนตัวตนของทาสจะเป็ใคร อันที่จริงครูฝึกไม่จำเป็ต้องใส่ใจ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของตน แต่ในฐานะผู้ถือหุ้นคนหนึ่งของร้าน เขาต้องไตร่ตรองให้มากขึ้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงเตือนผู้ถือหุ้นอีกคน ซึ่งทำหน้าที่เป็ผู้จัดการร้านด้วย ซึ่งก็คือเย่ถานนั่นเอง แต่เนื่องจากในบรรดาผู้ถือหุ้นใหญ่สุดสามคน เย่ถานเป็ผู้จัดการที่ถูกแนะนำต่อสาธารณชน ดังนั้นไม่ว่าเย่ถานจะตัดสินใจอย่างไร เขาก็ต้องเคารพและปฏิบัติตาม แต่ทำไมตอนนี้ จู่ๆ เขาก็อยากจะปฏิเสธการตัดสินใจของเย่ถานเหลือเกิน?!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้