เจินจูเลิกคิ้วสูง โอ๊ะ... มีเื่ราวดีเกิดขึ้นจริงด้วย
“มีเื่น่าดีใจอะไรหรือ แบ่งปันความสุขนั่นให้ฟังสักหน่อยได้หรือไม่?”
นางเล่นหูเล่นตาส่งไปให้โหยวอวี่เวยอย่างซุกซน
โหยวอวี่เวยชำเลืองมองนางด้วยใบหน้าขัดเขินแวบหนึ่ง คิดถึงเมื่อไม่กี่วันก่อนขึ้น นางแอบได้ยินคำพูดของท่านป้าตอนนางมาเยี่ยมท่านแม่
“เด็กสองคนก็ถึง่วัยที่เหมาะสมแล้ว ฉีเอ่อร์ก็ไม่ได้ติดขัดใจอะไร ข้าที่เป็แม่รู้สึกปลื้มใจอย่างท่วมท้นจริงๆ อวี่เวยยอมาเ็เพื่อช่วยชีวิตฉีเอ่อร์ นางช่างเป็สตรีจิตใจงดงามนัก ฉีเอ่อร์สามารถแต่งกับนางได้ถือเป็วาสนาของเขายิ่ง”
เื่การแต่งงานของนางกับพี่ห้าเตรียมจะกำหนดลงแล้ว!
ไม่กี่วันมานี้ จิตใจของนางราวกับลอยละล่องอยู่บนปุยเมฆก็ไม่ปาน ในใจมีนกน้อยร่าเริงะโโลดเต้นร้องรำทำเพลงตลอดเวลา
คำพูดของท่านป้าต้องผ่านการยินยอมจากพี่ห้ามาแล้วแน่นอน ในที่สุดเขาก็พยักหน้าตกลงเสียที ไม่ว่าจะเนื่องมาจากเหตุผลอะไร โหยวอวี่เวยก็ล้วนเบิกบานใจมากทั้งสิ้น
นางหน้าแดงลังเลใจอยู่นาน เื่การแต่งงานของพวกนางยังไม่ได้ตกลงอย่างแน่นอน นางไม่กล้ากล่าวออกไป
“ไม่มีเสียหน่อย แค่ได้เจอเ้าเลยดีใจไงล่ะ!”
“ฮ่าๆ!”
แน่นอนว่าเจินจูย่อมไม่เชื่อ แต่ไม่ได้ไล่เค้นหาสาเหตุที่แท้จริง หากนางอยากกล่าวก็คงกล่าวออกมาเอง
สองคนพูดคุยกันอีกพักหนึ่ง เจินจูพามาถึงหัวข้อของสถานที่อันเลื่องชื่อแห่งเมืองหลวง
“ข้าได้ยินมาว่าชานเมืองของเมืองหลวงมีคฤหาสน์ร้อยสัตว์ที่มีชื่อเสียงอย่างมาก ด้านในมีสัตว์ทุกชนิดเลย ไม่ทราบว่าเป็เช่นนั้นจริงหรือไม่?”
“อื้ม เป็ที่พักผ่อนของจวนเฉิงเอินโหว มีสัตว์ไม่น้อยจริงๆ พวกเสือ สิงโต ลิงอะไรล้วนมีหมดเลย ขังอยู่ในกรงใหญ่สามารถชมได้จากที่ไกลๆ”
“ว้าว คฤหาสน์แห่งนั้นให้คนเข้าไปสัญจรชมได้ไหม?”
เจินจูทำท่าทางสนใจเป็อย่างมาก
โหยวอวี่เวยส่ายหน้า “จวนเฉิงเอินโหวไม่ได้ใจกว้างเพียงนั้น มีเพียงจัดงานเลี้ยงที่นั่นเท่านั้น พวกเขาถึงจะเปิดประตูต้อนรับแขกอย่างดี”
“อย่างนั้นหรือ ช่างน่าเสียดายจริงๆ”
เจินจูเท้าคางทำใบหน้าผิดหวัง
โหยวอวี่เวยครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นก็ยิ้มและกล่าวขึ้น “มะรืนนี้หลินเยว่เหยาจะครบรอบอายุสิบสี่ปี งานเลี้ยงก็จะจัดอยู่ในคฤหาสน์ร้อยสัตว์นั้นด้วย ไม่อย่างนั้นเ้าจะไปกับข้าไหมล่ะ”
เจินจูดวงตาเป็ประกาย
“ได้หรือ?”
“ได้สิ นางเชิญสตรีครอบครัวขุนนางั้แ่ระดับสี่ขึ้นไปทั้งเมืองหลวง ถึงตอนนั้นคนจะมากมายเลยล่ะ อีกอย่างเพราะคฤหาสน์นั่นมีชื่อเสียงมาก แต่ก่อนก็มีสตรีไม่น้อยที่พาพี่น้องไปด้วยเช่นกัน เ้าสวมรอยเป็ญาติผู้น้องของข้าสักหน่อย เข้าไปชมรอบหนึ่งย่อมได้อย่างแน่นอน” โหยวอวี่เวยออกความเห็นยิ้มจนดวงตาหยี ต่อให้มีคนมองออกก็ไม่เห็นเป็ไร นางจะปกป้องเจินจูเอง
คำอธิบายว่าญาติผู้น้องอะไรนี่ยุ่งยากเกินไป ยังต้องปั้นเื่ภูมิหลังครอบครัวอีก หางตาเจินจูกระตุกเล็กน้อย
“ไม่อย่างนั้น ข้าแต่งเป็สาวรับใช้ของท่านเถอะ ท่านไปเข้าร่วมงานเลี้ยง ข้าก็เดินชมบริเวณโดยรอบ หากมีคนถามขึ้นมาข้าแค่บอกว่าเป็สาวรับใช้ของท่าน ท่านทำไข่มุกหล่นหายไปเม็ดหนึ่ง ข้าเลยกำลังหากลับไปให้ท่าน”
กล่าวจบนางก็ล้วงไข่มุกที่เสี่ยวฮุยเคยมอบให้นางออกมาจากในอกหรือก็คือจากในมิติช่องว่าง
“ไอ๊หยา นี่เป็ไข่มุกตะวันออก [1] รูปร่างใหญ่จริงๆ งดงามยิ่งนัก”
นางหยิบขึ้นมาจากในมือเจินจูด้วยความระมัดระวัง สำรวจอย่างละเอียด
“ใช่ไหมล่ะ ข้าก็ไม่ค่อยรู้จัก ไข่มุกนี่เป็ข้าเก็บได้ในูเาน่ะ”
“โอ้โห เ้านี่โชคดีจริงๆ สิ่งนี้คือไข่มุกตะวันออก เม็ดกลมอิ่มเอิบและเต็มไปด้วยความมันวาว ท่านป้าของข้ามีสร้อยเม็ดไข่มุกตะวันออกอยู่หนึ่งเส้น ขนาดยังไม่ใหญ่เท่าของเ้าเลย นางหวงแหนมากเลยล่ะ ตัดใจสวมออกมาได้เฉพาะในโอกาสสำคัญเท่านั้น ส่วนท่านแม่ข้าก็มีปิ่นปักผมเม็ดไข่มุกตะวันออกเช่นกัน งานเฉลิมฉลองเทศกาลสำคัญเช่นปีใหม่ถึงจะสวมออกมาต่อหน้าธารกำนัลได้”
“เช่นนี้นี่เอง ไข่มุกตะวันออกหายากเพียงนี้ เช่นนั้นไข่มุกเม็ดนี้ข้ามอบให้ท่านแล้วกัน”
หากนางเก็บไว้ก็คงวางไว้ในมิติช่องว่างกลายเป็ไข่มุกเปื้อนฝุ่นเท่านั้นแล้ว
“ฮะ?”
โหยวอวี่เวยกะพริบตาปริบๆ ประหลาดใจเล็กน้อย แม้ไข่มุกตะวันออกเม็ดใหญ่นี้ไม่นับว่าเป็ของที่มีคุณค่าอะไรมาก แต่ราคาก็ไม่เบาเลยเช่นกัน นางจะมอบให้คนอย่างง่ายดายเช่นนี้เลยหรือ?
จื่อยู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังโหยวอวี่เวยอย่างเงียบเชียบตลอดมาก็ประหลาดใจจนสองตาจ้องกลมโต แม้สกุลหูอยู่ในชนบทจะนับว่าเป็ครอบครัวที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลในหมู่บ้าน แต่อย่างไรแล้วก็ยังห่างไกลจากผู้ร่ำรวยมหาเศรษฐีอีกมาก แม่นางสกุลหูใจกว้างเพียงนี้เลยหรือนี่ หยิบไข่มุกตะวันออกที่มีค่าสูงมอบให้คนได้อย่างตามแต่ใจเช่นนี้เลยเชียว
“มอบให้ท่าน ไข่มุกตะวันออกจึงจะสะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของมันออกมาได้ ทิ้งไว้ในมือข้าก็เก็บไว้อยู่ตลอด ไม่มีประโยชน์และไม่มีคุณค่าเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นท่านเก็บไว้เถอะ นับเป็สินเดิมเ้าสาวที่ข้าให้ท่าน”
นางหันใบหน้าซุกซนไปทำหน้าทะเล้นใส่โหยวอวี่เวย
ใบหน้าโหยวอวี่เวยแดงขึ้นมาดังคาด นางมองเจินจูอย่างขุ่นเคืองกระเง้ากระงอดอย่างน่ารักหนึ่งที พลางลูบไข่มุกสีขาวเงางามอิ่มเอิบและเรียบลื่นในมือ นางชื่นชอบมันมากเลยล่ะ
“เช่นนั้นข้าจะรับไว้ รอตอนเ้าแต่งงานข้าก็จะให้สินเดิมฝ่ายเ้าสาวกับเ้าด้วย”
นางยักคิ้วหลิ่วตาโต้ตอบกลับมา
“ฮ่าๆ ได้เลย”
สองคนหัวเราะด้วยความสนุกสนานอยู่พักหนึ่ง จึงกำหนดเื่ที่เจินจูจะปลอมเป็สาวรับใช้ติดตามโหยวอวี่เวยเข้าคฤหาสน์จนเรียบร้อย
จื่อยู่ฟังความคิดเห็นที่พวกนางคิดออกมาก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด แม้คฤหาสน์ร้อยสัตว์จะเป็ทรัพย์สมบัติของจวนเฉิงเอินโหว แต่สำหรับคุณหนูของพวกนางแล้ว จะพาคนเข้าไปชมสัตว์สักสองสามคนก็ไม่ใช่เื่ยากอะไรเลย
เมื่อเื่มีการตัดสินใจที่แน่นอนได้เช่นนี้ เจินจูก็แอบผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอกอยู่ ทว่านางกลับคิดถึงอีกเื่หนึ่งขึ้นได้ทันที
แต่จื่อยู่ยังยืนอยู่ข้างหลังโหยวอวี่เวย เื่ส่วนตัวที่เกี่ยวเนื่องไปถึงสกุลโหยว นางเอ่ยออกมาได้ไม่ง่ายจริงๆ
“จื่อยู่ เ้าไปเปลี่ยนถ่านไฟในเตาทองเหลืองที่อังมือหน่อยสิ”
โหยวอวี่เวยสั่งให้จื่อยู่ออกไป
เจินจูประหลาดใจจนอ้าปากค้างเล็กน้อย โหยวอวี่เวยเฉลียวฉลาดเพียงนี้เลยหรือนี่ รู้ว่านางมีเื่ที่จะคุยด้วยเป็การส่วนตัวเชียวหรือ
แต่ผู้ใดจะรู้ โหยวอวี่เวยคิดกับตัวเองอยู่นานหลายตลบ จนในที่สุดก็รู้สึกว่าต้องบอกเื่นี้กับนางล่วงหน้า
“น้องสาวเจินจู ข้ามีเื่หนึ่งจะบอกกับเ้า” โหยวอวี่เวยบิดผ้าเช็ดหน้า นางกัดริมฝีปากล่าง และมองสีหน้าหญิงสาวตรงหน้าอย่างระมัดระวัง “ข้าอาจตกลงหมั้นหมายกับพี่ห้าแล้ว”
“เอ๋ จริงหรือนี่? ยอดเยี่ยมยิ่งนัก! ข้ายินดีกับพวกท่านด้วย!” ในที่สุดกู้ฉีผู้นั้นก็คิดได้แล้วใช่หรือไม่? หรือความเพียรพยายามของโหยวอวี่เวยทำให้เขาประทับใจเข้า? เจินจูประหลาดใจขึ้นมาเป็สิ่งแรก หลังจากนั้นจึงแสดงความยินดีต่อพวกเขาด้วยความจริงใจ
สองคนเป็คู่กิ่งทองใบหยก เหมาะสมกันมากจริงๆ
โหยวอวี่เวยเห็นนางยินดีด้วยอย่างไม่มีความขัดข้องใจเลยสักนิด จิตใจที่ตึงเครียดเป็กังวลเล็กน้อยจึงผ่อนคลายลง นี่นางไม่มีพี่ห้าอยู่ในใจจริงๆ ด้วยสินะ
นางแก้มแดงขึ้นพร้อมกับกล่าวออกมาอย่างไม่เป็ธรรมชาติ “ขอบคุณ แต่ยังไม่ได้ตกลงหมั้นหมายกันอย่างเป็ทางการ แค่ท่านป้ามาหารือกับท่านแม่ข้าเป็การส่วนตัวเท่านั้นเอง”
“เช่นนั้นก็คงใกล้แล้วล่ะ หากพ่อแม่สองฝ่ายล้วนเห็นด้วย การแต่งงานก็แน่นอนได้แล้ว ครั้งหน้าที่ได้เจอท่านอีกครั้งคงต้องเรียกท่านว่าฮูหยินกู้แล้วกระมัง” เจินจูกล่าวหยอกล้อนาง
กู้ฉีกับโหยวอวี่เวยสองคนสามารถมีผลสุดท้ายที่ออกมาดีได้ นางดีใจแทนพวกเขาจริงๆ ชายหนุ่มที่หน้าตาสง่างามร่างกายอ่อนแอขี้โรค กลับมีชีวิตอยู่อย่างแข็งแรงมาจนถึง่วัยแต่งภรรยามีบุตร หญิงสาวหน้าตางดงามสดใสร่าเริงได้แต่งงานกับคนที่หมายปองสมดังปรารถนา บทสรุปอย่างกับเ้าชายเ้าหญิงยิ่งนัก
บนใบหน้าโหยวอวี่เวยร้อนจัด แผดเผาขึ้นมาอย่างสะกดกลั้นไม่ได้
ทั้งสองคนหัวเราะคิกคักอยู่พักหนึ่ง
เจินจูจึงปรับสีหน้าให้เป็ปกติ “พี่สาวสกุลโหยว วันก่อนระหว่างที่ข้ากับผิงอันไปวัดต้าเอิน ได้เห็นลูกผู้พี่คนรองของท่านด้วย”
“ลูกผู้พี่คนรอง? โหยวเสวี่ยชิง? นางทำไมหรือ?”
นานแล้วที่โหยวอวี่เวยไม่ได้เจอลูกผู้พี่คนรอง หลังโหยวเสวี่ยชิงแต่งงานไป เพราะถูกท่านปู่รังเกียจก็เลยห้ามไม่ให้นางเข้าออกจวนท่านโหวตามอำเภอใจ
เจินจูเล่าสถานการณ์ที่ได้เห็นในวันนั้นให้โหยวอวี่เวยฟังอย่างละเอียด
อะไรนะ? โหยวเสวี่ยชิงแอบนัดพบชายหน้าตาน่าเกรงขามท่าทางสูงส่งคนหนึ่ง?
ทั่วทั้งใบหน้าโหยวอวี่เวยเต็มไปด้วยความตกตะลึงไม่อยากเชื่อ
โหยวเสวี่ยชิงแต่งให้กับลี่ปู้ซื่อหลางจั่วฉงจง [2] ขุนนางขั้นสี่เป็ภรรยาทดแทน [3] เมื่อปีที่แล้ว
จั่วฉงจงอายุประมาณสามสิบห้าปี อ้วนเตี้ยและดูปลิ้นปล้อน เดินบนเส้นทางพรรคพวกขององค์ไท่จื่อ ผู้เฒ่าโหวไม่เห็นด้วยมาโดยตลอดที่โหยวเสวี่ยชิงจะแต่งกับเขาในฐานะภรรยาทดแทน แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อโหยวเสวี่ยชิงยืนหยัดว่าจะแต่งงาน ตอนแอบพบหน้ากันกับจั่วฉงจงเป็การส่วนตัวและถูกคนพบเข้า ตอนนั้นข่าวลือซุบซิบไปทั่ว ผู้เฒ่าโหวโมโหอย่างมาก ตัดครอบครัวรองออกจากจวนท่านโหวเหวินชาง ปล่อยให้เป็ไปตามยถากรรม
โหยวเสวี่ยชิงแต่งให้กับจั่วฉงจงได้อย่างสมหวัง เป็ภรรยาที่ถูกต้องของขุนนางผู้ใหญ่ขั้นสี่
แต่เพิ่งแต่งงานไปได้หนึ่งปี โหยวเสวี่ยชิงกลับมาลอบนัดพบชายอื่นเสียนี่
หลังจากโหยวอวี่เวยตื่นใก็เกิดความโกรธขึ้นมาฉับพลัน เหตุใดนางถึงได้ทำลายชื่อเสียงของสกุลโหยวเช่นนี้ นี่จะทำให้พวกเด็กสาวสกุลโหยวยืนหยัดอยู่ในแวดวงของครอบครัวขุนนางในวันข้างหน้าที่เมืองหลวงได้อย่างไร
“น้องสาวเจินจู เ้าเห็นใบหน้าของชายผู้นั้นชัดไหม?”
ต้องทราบให้แน่ชัดว่าชายที่นางลอบพบคือผู้ใด จึงจะให้ท่านปู่ลงโทษนางได้
เจินจูบรรยายใบหน้าชายที่มีกลิ่นอายแผ่ออกมาอย่างเคร่งขรึมและหนาวเย็นอย่างละเอียด ในขณะที่นางกล่าวว่าใต้ดวงตาของชายผู้นั้นมีไฝเม็ดเล็ก สีหน้าของโหยวอวี่เวยก็ควบคุมไว้ไม่อยู่
“ไฝเม็ดนั้นอยู่ด้านซ้ายหรือขวา?”
เสียงของนางกำลังสั่นเทา
“อยู่ใต้ตาด้านซ้าย”
ได้รับปฏิกิริยาเด่นชัดเช่นนี้ ดูท่าน่าจะเป็คนที่นางรู้จัก เจินจูมองใบหน้าซีดเผือดของนาง คงเป็คนที่ดุร้ายมากด้วยสินะ
สูงส่ง ผอมแห้ง ให้อารมณ์มืดครึ้มหนาวเย็น น่าเกรงขาม ใต้ตาซ้ายมีไฝหนึ่งเม็ด ทั้งเมืองหลวงมีคนที่สอดคล้องเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น โหยวอวี่เวยสั่นเทาขึ้นทันที
“ท่านรู้จักเขาหรือ?” เจินจูถามเสียงเบา
โหยวอวี่เวยไม่กล้าบอกนางว่านั่นคือองค์ไท่จื่อ หากไม่ตรวจสอบให้แน่ชัด อาจเป็ภัยต่อนางได้ นางจึงส่ายหน้า “ข้าไม่กล้ามั่นใจ เื่นี้ข้าต้องบอกพวกท่านพ่อกับท่านลุงใหญ่ ให้พวกเขาทำการตัดสินใจอีกที ขอบใจเ้านัก น้องสาวเจินจู เ้าช่วยเก็บเื่นี้ไว้เป็ความลับสักหน่อยนะ”
“ท่านวางใจ ข้าทราบดี หากเื่เช่นนี้เกิดขึ้นกับสกุลใดก็ล้วนเกิดความลำบากทั้งสิ้น”
ชายผู้นั้นต้องเป็บุคคลที่มีอำนาจและมีอิทธิพลมากแน่นอน ถึงได้ทำให้โหยวเสวี่ยชิงพร้อมใจยินดีไปพึ่งพิง และยังทำให้โหยวอวี่เวยใจนรักษาสีหน้าไว้ไม่อยู่ได้
โหยวอวี่เวยลุกยืนขึ้น เื่ราวใหญ่โตเกี่ยวโยงกับคนสำคัญเช่นนี้ นางต้องรีบไปบอกบิดาให้รับทราบ
นอกประตู เสียงของจื่อยู่ดังขึ้น “คุณชาย”
กู้ฉีมาแล้ว
สีหน้าโหยวอวี่เวยแดงขึ้นฉับพลัน
วันนั้นหลังจากที่นางได้ยินบทสนทนาของท่านป้ากับท่านแม่ ก็ไม่ได้ไปจวนสกุลกู้อยู่หลายวัน
เจินจูจูงนางออกไปต้อนรับ
กู้ฉียังไม่ทันได้ออกจากกว๋อจื่อเจี้ยน ก็มีคนไปรายงานกับเขาแล้วว่าโหยวอวี่เวยไปเยี่ยมสองพี่น้องสกุลหูที่โรงเตี๊ยม
เขาจึงรีบขี่ม้ามุ่งตรงมาโรงเตี๊ยมกว่างฟาโดยไม่เสียเวลาคิดเลยสักนิด
มีคนประเภทหนึ่งที่ร่างกายมีออร่ามาแต่กำเนิด เขาเพียงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ ก็สามารถดึงดูดสายตาของผู้คนทั้งหมดได้แล้ว
เส้นผมหนาดำสนิทของเขามัดยกขึ้นสูง ใช้กวานหยกสีขาวโปร่งแสงแวววาวหนึ่งชิ้นรัดไว้ เห็นได้ชัดว่ารูปงามมีสง่า ลักษณะสูงศักดิ์ไม่ธรรมดา
เขาถอดเสื้อคลุมขนพังพอนตัวใหญ่ออก และยื่นให้กับผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างหลัง เผยให้เห็นชุดผ้าแพรตัวหนาสีฟ้าน้ำทะเลสาบ ส่วนบนและปลายกระบอกแขนเสื้อปักด้วยลวดลายสลับซับซ้อนอันประณีตงดงาม ขับให้กายเขาดูเต็มไปด้วยความสูงส่งมีฐานะ
น้อยครั้งนักที่เจินจูจะได้เห็นเขาสวมเครื่องแต่งกายอย่างเป็ทางการเช่นนี้ เมื่อก่อนมักสวมเสื้อผ้าสีเรียบขาวนวลสบายๆ เมื่อเปลี่ยนมาสวมเครื่องแต่งกายประณีตสวยหรู บนกายยิ่งแผ่กลิ่นอายของลูกหลานครอบครัวขุนนางให้ประจักษ์แจ้งขึ้นมาอีก
โหยวอวี่เวยเกี่ยวมือของเจินจู แอบมองกู้ฉีด้วยใบหน้าแดงเรื่อ ด้านในของดวงตาปิดบังความดีใจและความรักใคร่ชื่นชมไว้ไม่มิด
“พี่ชายกู้อู่” เจินจูยิ้มและทักทายขึ้น
“พี่ห้า” โหยวอวี่เวยกัดริมฝีปากล่าง ร้องเรียกเสียงแ่เบา
เมื่อมีแขกผู้ชาย ย่อมไม่เหมาะกับการต้อนรับอยู่ในห้องพัก พวกนางจึงย้ายกันมาในห้องรับแขก
ผิงอันก็ออกมาต้อนรับแขกด้วยเช่นกัน เมื่อวานเขามีหลิวอี้เป็เพื่อนร่วมเดินทางไปด้วย จึงซื้อตำราที่ร้านหนังสือบริเวณใกล้เคียงมามากมาย ส่วนใหญ่ล้วนเป็ตำราที่พวกเขาพบได้น้อยในเมืองที่พวกเขาอยู่ หลังจากเขาซื้อกลับมาก็พักอยู่ในห้องของตัวเองและก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่ตลอด
จื่อยู่สั่งเสี่ยวเอ้อให้ยกน้ำชาร้อนๆ เข้ามา
โหยวอวี่เวยนั่งหลุบตาลง มือสองข้างแอบบีบจับกันแน่นอยู่ในแขนเสื้อ นางคิดถึงคำพูดที่มารดากล่าวกับนางเป็การส่วนตัว ใบหน้าก็ยิ่งแดงเสียจนเหมือนแสงรุ่งอรุณยามเช้า
“อวี่เวย ในที่สุดเ้าก็จะสมความปรารถนาแล้ว ท่านป้าของเ้าบอกว่าสิ้นปีไปจะส่งแม่สื่อมา”
ยังมีเวลาอีกหนึ่งเดือนกว่า นางก็จะกลายเป็ว่าที่เ้าสาวของเขาได้จริงๆ แล้ว
เชิงอรรถ
[1] ไข่มุกตะวันออก คือ ไข่มุกน้ำจืดสีขาวบริสุทธิ์ เป็สิ่งล้ำค่าและมีคุณค่าทางจิตใจของชาวแมนจูมาก
[2] ลี่ปู้ซื่อหลาง คือ รองเ้ากรมฝ่ายขุนนางข้าราชการพลเรือน
[3] ภรรยาทดแทน คือ ภรรยาที่ถูกแต่งเข้ามาเมื่อภรรยาเก่าเสียชีวิต