เย่เฟิงชะงักฝีเท้าทันทีที่ถูกซูเมิ่งหานเรียก
“ฉันจะกลับมาให้เร็วที่สุดนะ” เย่เฟิงหันกลับไปยิ้มให้เธอ “จริงสิ แก๊งอสรพิษ์จะช่วยเธอสืบเื่ของคุณยาย ดังนั้นเธอไม่ต้องกังวลนะ โอเคไหม?”
เขาชำเลืองมองชายหน้าเหลี่ยมอย่างซ่งหู่
“ได้เลยครับลูกพี่เย่” ซ่งหู่ตอบอย่างจริงจัง หลังจากเตาปาไปแล้ว เขาจะทำหน้าที่แทนหัวหน้าแก๊งอสรพิษ์ชั่วคราว ดังนั้นเขาควรจัดการเื่นี้
“อืม” ซูเมิ่งหานพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ ดวงตาคู่สวยไหววูบ เธอวิ่งไปกอดเย่เฟิงโดยไม่สนใจสายตาของคนมากมายที่อยู่โดยรอบสักนิด เธอกระชับอ้อมแขน
ร่างบางที่ทั้งหอมทั้งนุ่มนิ่มและอบอุ่นแนบชิดอยู่บนอกของเย่เฟิง ขณะนั้นเองเหมือนมีอะไรบางอย่างกระตุ้นชายหนุ่มมันคงไม่มีอะไรดีเท่ากับการได้อยู่แบบนี้ หรือได้เดินทางร่วมกับเธอตลอดโดยไม่ต้องคิดถึงสิ่งที่อยู่ในโลกวรยุทธ์อีกต่อไป แต่ความคิดนี้เกิดขึ้นชั่วอึดใจเท่านั้น ตอนนี้พบเบาะแสของซูเฟยหยิ่งแล้ว เย่เฟิงไม่สนใจไม่ได้
“ที่จริงไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร สองสามวันนี้เธออยู่คนเดียวก็ดูแลตัวเองด้วยนะ” เย่เฟิงตบไหล่เธอเบาๆ พลางปลอบโยนเธออย่างนุ่มนวลก่อนคลายมือออก ดวงตาคมไล่สายตาตามใบหน้าเนียนละเอียดที่เขาหวงแหนของเธอ และจดจำมันไว้ในใจอย่างดี
เขาหันกายเดินออกไป เด็กสาวทำได้แค่มองตามแผ่นหลังของเขาเท่านั้น
“ไม่ต้องห่วงหรอก เขาเองก็ไม่ใช่คนธรรมดา ไม่เกิดเื่แน่นอน” เตาปาพูดกับซูเมิ่งหานด้วยรอยยิ้มประดับบนใบหน้าโเี้ ก่อนรีบเดินตามเย่เฟิงไป
จ้าวอี้เปยรออยู่นอกภัตตาคาร ทั้งสองคนลงไปชั้นล่าง ทุกคนที่อยู่บนชั้นนั้นมองหลังเย่เฟิงกับเตาปาห่างออกไปโดยไม่เข้าใจสักนิดเดียว
ทำไมอยู่ๆ จะไปก็ไป แล้วไม่พาซูเมิ่งหานไปด้วยล่ะ?
ซูซิ่นชางรีบวิ่งเข้าไปถามทันที “เมิ่งหาน เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“ไม่เกี่ยวกับคุณหรอกค่ะ” เมื่อซูเมิ่งหานได้ยินเสียงของเขา เธอก็ตอบอย่างเ็า
“น้องสะใภ้เย่ เดี๋ยวพวกเราไปส่งเธอที่บ้านเอง” ซ่งหู่ในชุดสูทเรียบกริบเห็นซูซิ่นชางวิ่งเข้ามาก็ขยับกายขวางหน้าซูเมิ่งหาน ไม่อนุญาตให้อีกฝ่ายเข้าใกล้เธอ
เขาเอียงศีรษะมองเย่เฟิงกับเตาปาเดินออกไปด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก
“อืม” ซูเมิ่งหานพยักหน้า เย่เฟิงออกไปแล้ว เธอไม่้าเห็นซูซิ่นชางอีก ตอนนี้ข้างกายเธอมีแค่คนจากแก๊งอสรพิษ์คอยปกป้องเท่านั้น
เธอค่อนข้างวางใจคนของแก๊งอสรพิษ์เพราะเคยติดต่อกันหลายครั้ง คนในแก๊งต่างเคารพและเชื่อฟังเย่เฟิงมาก ถ้าให้พูดก็คือเย่เฟิงเป็ลูกพี่ลูกน้องของพี่ใหญ่พวกเขา อีกทั้งตอนนี้ยังอยู่ในฐานะเดียวกับตระกูลหลินแห่งเมืองเยี่ยนจิงอีก เธอเชื่อว่าไม่มีใครกล้าทำร้ายเย่เฟิง
ซ่งหู่โบกมือครั้งหนึ่งให้ทุกคนเก็บอาวุธแล้วคุ้มกันซูเมิ่งหานออกไป
ซูซิ่นชางขยับปากเหมือนจะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“สหายซู ฉันไปก่อนนะ” หลิวลี่ฮุยยิ้มหน้าบาน เขาเดินมาตบบ่าซูซิ่นชางก่อนพาร่างอ้วนท้วมตามออกไป แม้เขาจะไม่รู้ว่าเย่เฟิงมีธุระด่วนอะไร แต่เชื่อว่าการแสดงออกของเขาวันนี้ล้วนอยู่ในสายตาของเย่เฟิงแน่นอน
การสร้างสัมพันธ์อันดีกับคนอย่างเย่เฟิงช่างเป็อะไรที่เฉียบแหลมเหลือเกิน!
ที่นี่เหลือเพียงกลุ่มคนตระกูลเซี่ยและซูซิ่นชางซึ่งยังยืนอึ้งอยู่ที่เดิม การปรากฏตัวของผู้าุโหลินสร้างแรงกดดันให้พวกเขามาก
“ซิ่นชาง เื่ครั้งนี้ฉันต้องบอกเลยว่านายทำไม่ถูก” เซี่ยผิงฮุยยืนขึ้นกระแอมก่อนพูดกับซูซิ่นชาง
“ไงล่ะ เื้ัของเขาก็ไม่ตรวจสอบให้ชัดเจน แล้ว...” เซี่ยิ่ชี้หน้าด่าสามี
“นี่โทษฉันเหรอ?” ซูซิ่นชางหงุดหงิดเป็ทุนเดิม ‘คนของตัวเอง’ ยังต่อว่าซ้ำอีก ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดีขนาดไหน
“นี่เป็เื่ธรรมดา” เซี่ยผิงฮุยพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ยังไงครั้งนี้พวกเราทำให้ตระกูลหลินขุ่นเคืองแล้ว ควรสละหุ้นบางส่วนของซูเซิ่งกรุ๊ป...”
เมื่อคำพูดนี้ออกจากปาก ซูซิ่นชางก็เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายทันที
เซี่ยผิงฮุย้าขายหุ้นบางส่วนของซูเซิ่งกรุ๊ปให้ตระกูลหลินในราคาที่ต่ำกว่าปกติ! และหุ้นส่วนนี้ต้องแบ่งจากมือของซูซิ่นชาง ไม่ว่าส่วนใดของซูเซิ่งกรุ๊ปล้วนถูกควบคุมใต้เงื้อมมือของตระกูลเซี่ย ซูซิ่นชางไม่สามารถปฏิเสธความ้าของพ่อตาได้เลย
ซูเซิ่งกรุ๊ปเป็เพียงหนึ่งในอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลเซี่ย แต่สำหรับซูซิ่นชางมันคือทุกอย่าง ตอนนี้หุ้นในมือของเขาก็มีไม่มากอยู่แล้ว ถ้าขายส่วนหนึ่งให้ตระกูลหลินอีก เขาก็จะไม่มีอำนาจในคณะกรรมการบริหารของซูเซิ่งกรุ๊ปเลย
แค่ประโยคเดียว ฐานะทางสังคมกับทรัพย์สินของเขาก็ดำดิ่งลงทันที!
...............
เมื่อเย่เฟิงกับเตาปาลงมาชั้นล่างก็พบกับผู้จัดการของภัตตาคารจิงเฉิงที่โถงใหญ่ของโรงแรม
ชายหนุ่มคนนี้ดูอายุยังน้อย ท่าทางสุภาพมีมารยาท ใส่แว่นตากรอบบางอยู่ในชุดสูทผูกเนกไทเรียบร้อย ไหล่ของเขาสั่นเทาเล็กน้อย
เขาเพิ่งรายงานเื่ที่เกิดขึ้นต่อเถ้าแก่ใหญ่ของภัตตาคารจิงเฉิง แม้แต่เถ้าแก่ใหญ่ก็ยังไม่กล้าออกหน้า แค่คิดก็รู้แล้วว่ากลัวฐานะของคนก่อเื่ในคืนนี้ขนาดไหน
อีกทั้งตำรวจอาชญากรรมกลุ่มใหญ่ที่มาแล้วก็จากไป นี่มันไม่เล่นเป็เด็กไปหน่อยเหรอ? พวกแก๊งมาเฟียก็ไม่มีใครถูกจับ แบบนี้ตำรวจพวกนั้นจะทำมาหากินอะไรได้?
ผู้จัดการหนุ่มหดหู่อย่างไม่มีอะไรมาเปรียบแต่ไม่กล้าปริปากพูด โดยเฉพาะตอนอยู่ต่อหน้าเย่เฟิงและเตาปาแบบนี้ ถึงอย่างนั้นก็รีบยิ้มแล้วเข้าไปต้อนรับพวกเขาทันที
“คุณชายทั้งสองกรุณารอสักครู่...” เขาหยุดหน้าเย่เฟิงแล้วกล่าวอย่างสุภาพ
“มีอะไรหรือครับ?” เย่เฟิงขมวดคิ้ว ตอนนี้นักล่าหลุมศพจูไป่เหนี่ยวรออยู่ที่ร้านขายของโบราณโอวซื่อ และเขาไม่้าเสียเวลากับเื่น่าเบื่อพวกนี้
“ไม่มีอะไรก็หลบไป” เตาปาไม่ได้มีมารยาทเหมือนเย่เฟิง เขาเอ่ยเพียงประโยคเดียวด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
เมื่อผู้จัดการเจออย่างนี้ก็ใจนถอยหลังไปสองสามก้าวแล้วปาดเหงื่อบนหน้าผาก จากนั้นอธิบาย “ตอนนี้ภัตตาคารของเราจัดเตรียมบัตรสมาชิกระดับไดมอนด์ให้คุณชายเย่ครับ คุณชายจะได้รับส่วนลดสามสิบเปอร์เซ็นต์…”
“ขอโทษครับ แต่ผมไม่มีเวลาแล้ว” เมื่อพูดจบ ชายหนุ่มก็เดินไปทางประตูทันที
“เดี๋ยวก่อนครับคุณชายเย่...” ผู้จัดการใเล็กน้อย ชายหนุ่มคนนี้เป็ใครกันแน่? ภัตตาคารจิงเฉิงถือเป็หนึ่งในร้านอาหารชั้นนำของเมืองเยี่ยนจิง เรามอบบัตรสมาชิกระดับไดมอนด์ให้เขา แต่เขากลับไม่้า?
“ถ้าอยากมอบบัตร ก็เอาไปให้เด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังเถอะ” เย่เฟิงเบื่อที่ต้องคุยกับอีกฝ่ายเต็มทน เมื่อหันกลับไปเจอซูเมิ่งหานกับซ่งหู่เดินออกจากลิฟต์พอดี จึงพูดประโยคนั้นออกไป
“คือ...” ผู้จัดการลังเลเล็กน้อยเพราะเถ้าแก่สั่งทำบัตรเพื่อมอบให้ชายหนุ่มตรงหน้า หากเขาทำไม่สำเร็จ ตำแหน่งผู้จัดการของเขาคงต้องสั่นคลอน
“ลูกพี่เย่บอกให้คุณเอาไปให้น้องสะใภ้เย่ก็เอาไปให้เธอสิ มัวยืนรออะไรอยู่ล่ะ?” เตาปาผลักอีกฝ่ายออกไปแล้วะโสองสามประโยคตามอารมณ์ แต่กลับเป็การเผยสถานะของซูเมิ่งหานออกมา จากนั้นก็ตามเย่เฟิงออกจากภัตตาคารไป
ผู้จัดการเข้าใจแล้วว่าหญิงสาวสวยหมดจดตรงหน้าคือแฟนสาวของเย่เฟิงนั่นเอง!
บัตรสมาชิกระดับไดมอนด์ของภัตตาคารจิงเฉิง มีเพียงไม่กี่คนในเมืองเยี่ยนจิงที่ได้
เมื่อซูเมิ่งหานได้รับบัตรสมาชิกที่มีเพชรเม็ดเล็กฝังอยู่ก็แปลกใจอย่างบอกไม่ถูก แม้แต่พ่อของเธอยังเป็แค่สมาชิกระดับซิลเวอร์ของภัตตาคารจิงเฉิงเลย ระดับชั้นมันห่างกันสุดๆ!
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าช่องว่างระหว่างตัวเองกับเย่เฟิงเหมือนจะห่างออกไป...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้