ั้แ่สารวัตรเหยียนนำทีมตำรวจและูเี่อันมาที่ตำบลแห่งนี้ฆาตกรต่อเนื่องก็หายเข้ากลีบเมฆไป เพราะการชันสูตรศพเหยื่อที่ผ่านมาทำได้ไม่ดีนักทำให้ไม่ได้เบาะเสที่เป็ประโยชน์ เมื่อูเี่อันมาถึง เธอ้าจะผ่าชันสูตรอีกครั้ง แต่ปัจจัยหลายๆ ก็ไม่เอื้ออำนวย
วันนี้ฆาตกรได้ลงมือก่อเหตุอีกครั้งสำหรับูเี่อันแล้วถือเป็โอกาสงามที่จะได้หลักฐานชิ้นสำคัญ
เธอจึงอยากรีบไปที่เกิดเหตุให้ทันการณ์ทำงานอย่างตั้งใจโดยลืมไปว่าตัวเองกำลังถูกทิ้งอยู่บนูเาร้างตามลำพังและไม่ได้สนใจท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้มขึ้นทุกที
จนกระทั่งลมหอบใหญ่พัดข้าวของของเธอจนกระจัดกระจายตามมาด้วยเม็ดฝนที่ตกลงมาไม่ยั้ง เมื่อเธอเงยหน้ามองฟ้า ก็เห็นกลุ่มเมฆดำครึ้มที่ครอบคลุมไปทั่วบริเวณ
แย่แล้ว!
ดูท่าพายุลูกใหญ่กำลังจะเข้าแน่ๆ
ูเี่อันรีบเก็บของเพื่อเตรียมลงจากเขาแต่เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เปรี้ยง! เสียงฟ้าผ่าดั่งสนั่นพร้อมสายฟ้าที่ฟาดลงมาต่อหน้าต่อตาราวกับจะแบ่งูเาออกเป็สองซีกก็ดังขึ้น
“กรี๊ด!”ูเี่อันกรีดร้องออกมา เธอทรุดลงนั่งกอดเข่าอย่างหวาดกลัว
ตอนนั้นเองฝนก็ตกหนักขึ้นกว่าเดิม เม็ดฝนที่เทลงมากระทบร่างกายเธอรู้สึกเจ็บ
ูเี่อันรีบควานหาเสื้อกันฝนในกระเป๋าออกมาสวมแต่มันก็ไม่ได้มีประโยชน์มากเท่าไร เม็ดฝนยังคงสาดเข้าหน้าเธอจนแทบลืมตาไม่ขึ้น น้ำฝนค่อยๆซึมลงไปตามลำคอและไหลๆลงไปเรื่อยๆจนร่างกายหนาวสั่น
แต่นั่นยังไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายที่สุด
เธอพอจะจำได้ว่าตัวเองขึ้นเขามายังไงแต่ถ้าจะลงจากเขาต้องไปทางไหนเธอไม่รู้เลย คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว
เมื่อมองไปรอบกายท่ามกลางหมอกฝนสีขาวคือูเาที่สลับซับซ้อน กลางป่ากลางดงแบบนี้มีเพียงเธอในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว
แต่จะว่าแบบนั้นก็ไม่ถูกนักเพราะด้านหลังเธอยังมีศพของหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายนอนอยู่ด้วย
ูเี่อันหันกลับไปมองเด็กสาววัยรุ่นอายุประมาณ 17-18 ปีที่อยู่ในชุดเดรสสีขาวนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้นเพราะไร้ซึ่งชีพจรอีกต่อไป ทำให้ใบหน้าเธอขาวซีดจนน่ากลัว เมื่อโดนน้ำฝนตกลงมากระทบแบบนี้ยิ่งทำให้ภาพตรงหน้าดูสยองกว่าเดิม
จู่ๆูเี่อันก็รู้สึกหนาวตามมาด้วยความหวาดกลัวที่เริ่มก่อตัวขึ้น
ในูเาอันกว้างใหญ่มีเพียงเธอกับศพเท่านั้น
หนี...คำนี้ผุดขึ้นมาในสมอง เธอไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว เธอจะต้องรีบลงจากเขาเธออยากกลับบ้าน
ูเี่อันวางสิ่งของที่พกติดตัวมาไว้ใต้โคนต้นไม้ต้นหนึ่งก่อนจะหยิบขวดน้ำไปเธอเดินลงเขาไปตามสัญชาตญาณและเส้นทางที่เลือนรางอยู่ในความทรงจำ
เธอไม่อาจยืนอยู่ที่เดิมได้เพราะคงไม่มีใครมาตามหาเธอ สารวัตรเหยียนกับคนในทีมคนอื่นกำลังออกไปปฏิบัติหน้าที่ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไร แถมอากาศยังเป็แบบนี้ต่อให้พวกเขากลับมาแล้วพบว่าเธออยู่บนเขา ก็ไม่แน่ว่าจะขึ้นมาช่วยเธอได้หรือเปล่า
เพราะฉะนั้นการเดินลงเขาด้วยตัวเองจึงเป็ตัวเลือกที่ดีที่สุด
สายฝนที่รุนแรงสาดลงบนทางเดินที่คับแคบทำให้พื้นดินลื่นไถลน้ำฝนที่ซึมเข้ามาในร่างกายส่งผลให้เสื้อผ้าเปียกแนบเนื้อ การเดินแต่ละครั้งจึงยิ่งลำบากมากขึ้น
เธอเดินเกาะไปตามต้นไม้ข้างทางแต่เพราะรองเท้าผ้าใบที่สวมใส่ไม่ได้กันลื่น ทำให้หกล้มอยู่หลายครั้ง
ทุกครั้งที่ล้มลงเธอไม่มีแม้แต่เวลามาดูว่าแผลเป็ยังไง ไม่ได้ร้องออกมาด้วยความเ็ปเธอรีบลุกขึ้นยืนและก้าวเดินต่อไปอย่างเร่งรีบ
ฝนตกหนักขึ้นทุกทีถ้าเธอยังไปไม่ถึงตีนเขาก่อนที่พายุลูกใหญ่จะพัดเข้ามาล่ะก็เธอไม่กล้าคิดเลยว่าตัวเองจะรอดพ้นจากสถานการณ์นี้ได้ยังไง
เธอก้มหน้าก้มตาเดินต่อร่างกายหนาวสั่นแต่ขอบตาของเธอกลับร้อนขึ้นทุกที
ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้คิดถึงลู่เป๋าเหยียนขึ้นมา
ถ้ามีเขาอยู่ข้างกายก็คงดีเธอจะได้ไม่ต้องกลัว และไม่ได้รู้สึกอับจนหนทางขนาดนี้
ทว่าตอนนี้เขาอยู่ที่เมืองAอยู่ห่างจากเธอกว่า 3000 กิโลเมตร อีกทั้งต่อจากนี้ระหว่างเธอกับเขาอาจจะไม่เกี่ยวข้องกันอีกเมื่อตกอยู่ในอันตราย เธอคงไม่สามารถเฝ้ารอให้เขามาช่วยเหลือเหมือนทุกครั้งได้อีกแล้ว
เปรี้ยงงง!
ทันใดนั้นเสียงฟ้าผ่าก็ดังกึกก้องไปทั่ว
บนูเาร้างแบบนี้เสียงฟ้าผ่าน่ากลัวกว่าที่ไหนๆ สายฟ้าฟาดผ่านลงมาราวกับอยู่ตรงหน้าูเี่อัน เธอกลัวฟ้าผ่าเป็ทุนเดิมอยู่แล้วพอมาเจอแบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่
เธอปล่อยมือออกจากต้นไม้ที่เกาะกุมก่อนจะทรุดตัวลงที่พื้นพลางขดตัวอย่างหวาดหวั่น
ท่าทางแบบนี้คือกลไกการป้องกันตัวเองอย่างหนึ่งร่างกายของเธอสั่นเทิ้มเล็กน้อย เธอไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไปสายฝนและหยดน้ำตารวมกันเป็หนึ่งก่อนจะไหลลงมาเรื่อยๆ
ถ้าอยากกลับบ้านเธอก็ต้องลงจากเขาให้ได้ ว่าแล้วเธอจึงแข็งใจลุกขึ้นเดินต่อ
ไม่รู้ว่าเธอเดินมาไกลแค่ไหนแต่เมื่อหยุดฝีก้าวและมองไปรอบกายก็พบว่าทางตรงหน้าช่างแปลกตาเหลือเกิน
ตอนที่เริ่มเดินลงเขามาเธอจำได้ว่าตัวเองเดินอยู่ตามเส้นทางที่ใช้ขึ้นเขา เธอเองก็ไม่รู้ว่าเดินผิดทางมาั้แ่เมื่อไร
ูเี่อันยืนนิ่งอึ้งอยู่ท่ามกลางพายุฝนอย่างหมดหวัง
ตอนนั้นเองลมพายุก็เริ่มพัดเข้ามาไม่หยั้ง ูเี่อันไม่มีอะไรให้ยึดจับร่างผอมบางของเธอจึงล้มลง และเพราะไม่ทันตั้งตัวทำให้เธอล้มกลิ้งลงไปตามเนินลาดชัน
“กรี๊ด!”เมื่อรู้ตัวอีกทีเธอจึงได้แต่กรีดร้อง
เธอกลิ้งลงบนพื้นหญ้าผ่านเถาวัลย์ที่มีหนามแหลมและกิ่งไม้ที่ทิ่มแทงกายจนเจ็บไปทั้งร่าง เธอไม่แน่ใจว่าความเ็ปที่เกิดขึ้นเกิดจากกระดูกหักจากการกระแทกโดนอะไรสักอย่างหรือเพราะเม็ดฝนที่กระทบร่างกายกันแน่ เธอรู้สึกแค่ว่าเธอเจ็บมาก จึงพยายามไขว่คว้าหาที่ยึดเหนี่ยวแต่สิ่งที่เธอคว้าได้มีเพียงหญ้าบนพื้นดินที่บาดมือเธอจนเืออก
ท่ามกลางความเ็ปที่ได้รับเธอคิดถึงลู่เป๋าเหยียนอีกครั้ง และรู้สึกเสียใจขึ้นมา
เธอเสียใจที่ตั้งใจยั่วโมโหเขาว่าเธอชอบเจียงเส้าข่ายวันนี้ถ้าเธอตายไป คงไม่มีโอกาสบอกลู่เป๋าเหยียนถึงความในใจว่าคนที่เธอชอบแท้จริงแล้วก็คือเขา
ไม่ได้เธอจะปล่อยให้ทุกอย่างจบลงแบบนี้ไม่ได้!
ความอยากมีชีวิตรอดทำให้เธอฮึดขึ้นมาอีกครั้งเธอคว้าเถาวัลย์ที่อยู่ตามทางแต่มันก็ไม่ช่วยอะไร จนท้ายที่สุด ศีรษะของเธอกระแทกกับอะไรเข้าสักอย่างเอวของเธอก็เหมือนถูกอะไรมาชนจนไม่อาจขยับตัวไปไหนได้
เจ็บเธอเจ็บไปทั้งร่าง เม็ดฝนที่ตกปะทะใบหน้า ลำคอ ภาพทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเลือนรางขนาดความเ็ปบนร่างกายก็เริ่มหายไป...
เปลือกตาของเธอปิดลงสิ่งสุดท้ายที่โผล่เข้ามาในสมองก่อนสติของเธอจะจางหายคือใบหน้าของลู่เป๋าเหยียน
ชีวิตของเธอคงจะจบแค่นี้แล้วสินะ
เธอไม่เคยนึกเลยว่าตัวเองจะตายเร็วขนาดนี้เธอยังไม่ทันได้บอกกับลู่เป๋าเหยียนเลยว่า...
ไม่นะเธอจะต้องไม่ยอมแพ้แบบนี้
ไม่รู้ว่าูเี่อันไปเอาแรงมาจากเธอค่อยๆลืมตาพลางมองไปรอบกาย จึงพบว่าห่างไปทางซ้ายมือไม่เกิน 5 เมตรมีถ้ำเล็กๆอยู่ ถ้าเข้าไปหลบในนั้น อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องตากฝน
เพราะไม่อาจลุกขึ้นยืนได้เธอจึงได้แต่คลานตรงไป เอวและขาของเธอเจ็บไปหมด หัวของเธอก็หนักอึ้งระยะห่างไม่ถึง 5 เมตรแต่เธอรู้สึกเหมือนไกลแสนไกลกว่าจะถึงถ้ำ ในที่สุดเธอก็ไม่ต้องโดนฝนอีกแล้ว
เธอแค้นพลังออกมาใช้จนหมดเมื่อถึงที่หมายจึงสลบไป
ตอนนั้นเองพายุลูกที่สองก็เริ่มแผลงฤทธิ์ เสียงฟ้าร้องดังกึกก้องกว่าเมื่อครู่ลมหอบใหญ่พัดเข้ามาในถ้ำผ่านร่างกายของูเี่อัน แต่เธอไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว
ไม่นานหลังจากนั้นูเี่อันรู้สึกเหมือนตัวเองได้สติฟื้นขึ้นมาแต่เธอได้ยินแค่เสียงลมฝน และสายฟ้าที่สว่างวาบ เธอรู้สึกหมดหวังที่จะได้เห็นหน้าของลู่เป๋าเหยียนอีกครั้ง
ชีวิตของเธอคงสิ้นสุดลงที่นี่แล้วจริงๆ
ตกบ่ายฝนก็เริ่มซาลง แต่ท้องฟ้ากลับมืดครึ้มขึ้นเรื่อยๆ
ตามพยากรณ์อากาศคืนนี้ยังจะมีฝนตกหนักและลมแรง ก่อนฟ้ามืดหากยังหาตัวูเี่อันไม่พบล่ะก็คืนนี้เธอจะได้รับอันตราย
ทางสถานีตำรวจส่งคนที่ชำนาญทางบนเขามาช่วยกันค้นหาอีกทั้งยังส่งคนกว่าสิบคนมาเข้าทีมกู้ภัยแต่การหาคนในูเาร้างแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทร จนกระทั่งห้าโมงก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเจอตัวูเี่อัน
ไฟฉายในมือลู่เป๋าเหยียนสาดส่องไปทั่วทุกซอกทุกมุมสีหน้าของเขาราบเรียบ ทว่าในใจร้อนรุ่มจนแทบบ้า
เขายอมเสียทุกสิ่งทุกอย่างต่อให้เป็เครือลู่ก็ตามแต่เขาจะสูญเสียูเี่อันไปไม่ได้
สิบปีที่ผ่านมาทุกครั้งที่เขาตัดสินใจทำเื่อะไร เขามักจะคิดถึงเธอก่อนเสมอเพราะรู้ดีว่าหลังเรียนจบเธอจะต้องกลับมาที่จีนเขาจึงยอมเสี่ยงตั้งสำนักงานใหญ่ที่เมือง A
ไม่ว่าเขาจะอยากได้หรือต้องเสียสละอะไรนั่นก็เป็เพราะูเี่อัน
ยังมีเื่อีกมากที่เขายังไม่ได้พูดกับเธอเพราะฉะนั้นเขาจะมาเสียเธอไปแบบนี้ไม่ได้
“ทางผมยังไม่พบอะไรเลยครับ”เสียงของวังหยางดังผ่านวิทยุสื่อสาร “ทีมหัวหน้าหลงก็เหมือนกันทางเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยก็ยังไม่เจอตัว ผมเป็ห่วงว่า... ถ้าอาซ้อไปเจอกับฆาตกรเข้าจะทำยังไงดีครับ?”
ฆาตกรคนนั้นโเี้แค่ไหนลู่เป๋าเหยียนรู้ดีถ้าูเี่อันโชคร้ายไปเจอกับมันเข้าล่ะก็...
“เรียกทุกคนที่อยู่ใกล้เมืองA” ลู่เป๋าเหยียนสั่งเสียงเฉียบ “ให้พวกเขารีบมาที่นี่โดยเร็วที่สุด!” ก่อนฟ้าจะมืดสนิทเขาจะต้องหาตัวูเี่อันให้เจอให้ได้
“ครับ!”
วังหยางรีบทำตามคำสั่งลู่เป๋าเหยียนเองก็ก้าวฝีเท้าให้เร็วขึ้น
ฝนเริ่มซาลงแล้วลู่เป๋าเหยียนจึงถอดเสื้อกันฝนออกเขาปรับไฟฉายในมือให้สว่างขึ้นแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเจอตัวูเี่อัน เขาได้ยินแต่เสียงร้องะโของหน่วยกู้ภัยและแสงไฟฉายในมือของพวกเขา
ถ้าเขาจำไม่ผิดหากเดินขึ้นเขาไปอีกนิด จะเป็จุดที่พบศพเหยื่อฆาตกรรมถ้าูเี่อันจะลงเขาไปเพราะหนีพายุแล้วล่ะก็ เธอคงเริ่มออกเดินจากจุดนั้น
ตอนนั้นเองวังหยางก็เดินขึ้นมาบนจุดเกิดเหตุเช่นเดียวกันเมื่อเห็นศพหญิงสาวในชุดเดรสสีขาวนอนแน่นิ่งอยู่ เขาก็ใจนแทบทรุด
“ต่อให้พายุไม่เข้าูเาลูกนี้ก็น่ากลัวอยู่ดีนะเนี่ย” วังหยางเอ่ยเสียงสั่น“อาซ้อขึ้นมาชันสูตรศพบนนี้คนเดียวได้ ช่างกล้าหาญเหลือเกิน”
ลู่เป๋าเหยียนไม่ว่างมาสนใจวังหยางเขาเริ่มเดินลงเขาไป
