บทที่ 117 ลู่จิ่งซานทำตัวอันธพาล
สวี่จือจือไม่มีทางรู้เลยว่าเหตุผลที่หวงรุ่ยเซิงได้โควต้ากลับเมืองหลวงนั้นเกี่ยวข้องกับเธอ
เมื่อปีนั้นคนคนนั้นทิ้งเบอร์โทรไว้ให้เธอ เธอคิดว่าชาตินี้คงไม่มีวันได้ใช้มัน
ยังไงซะการทิ้งสวี่จือจือให้ครอบครัวอย่างหวังซิ่วหลิงเลี้ยงดู ถูกด่าเป็นังแพศยาตัวซวยั้แ่เด็ก อายุสี่ห้าขวบก็เริ่มทำกับข้าว ให้อาหารหมู ทำงานบ้าน
เหอเสวี่ยฉินเคยแกล้งเดินผ่านไปดูมาแล้ว ตอนนั้นสวี่จือจือดูขี้ขลาดและขาดความมั่นใจ จนเธออดไม่ได้ที่จะเงยหน้าหัวเราะดังๆ
นังแพศยา แกเห็นไหม? เมื่อก่อนแกสูงส่งแค่ไหน แล้วตอนนี้ล่ะ? ลูกสาวแกถูกผู้หญิงต่ำต้อยที่สุดในประชาคมชีหลี่เลี้ยงดู ถูกขัดเกลาและทรมานทุกวัน มันช่างสะใจจริงๆ!
แต่เธอไม่เคยคาดคิดว่าชะตาแปดอักษรของสวี่จือจือจะเข้าตายายแก่จนได้เป็เมียของลู่จิ่งซาน ดังนั้นเธอจึงอยากสั่งสอนสวี่จือจือั้แ่แรก ทำลายชื่อเสียงของอีกฝ่าย เธอไม่เชื่อว่าผู้หญิงที่ขาดศีลธรรมจะยืนหยัดในตระกูลลู่ได้
แต่ใครจะรู้ว่าสวี่จือจือเก่งกาจ ไม่เพียงแต่เธอไม่สามารถล้มสวี่จือจือได้ ตัวเองยังต้องมาเจอเื่ยุ่งเหยิงเต็มไปหมด
นังแพศยานี่เกิดมาเพื่อพิฆาตเธอจริงๆ
สมัยก่อนเธอมีชื่อเสียงที่ดีทั้งในหมู่บ้านผานสือและประชาคมชีหลี่ แต่ตอนนี้เหม็นโฉ่จนเหม็นกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว! ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่เคยคิดเลยว่าน้ำแข็งร้อยปีอย่างลู่จิ่งซานจะสนใจสวี่จือจือ
เป็แบบนี้ได้ยังไง! ลูกสาวของนังแพศยานั่นไม่มีสิทธิ์มีความสุข!
เธอต้องหาหนทาง ดังนั้นเธอจึงหยิบที่อยู่ของคนคนนั้นออกมา เขียนจดหมายฉบับนั้นส่งไป
ตอนแรกเหอเสวี่ยฉินไม่ได้คิดว่าจะได้คำตอบ แต่เธอได้รับมันจริงๆ แถมจดหมายตอบกลับยังเป็แบบด่วนพิเศษว่า ตราบใดที่เธอพาสวี่จือจือกลับเมืองหลวงได้ เธออยากได้อะไรก็ขอได้เลย
เหอเสวี่ยฉินไม่อยากออกหน้าเองจึงมอบเื่นี้ให้หวังซิ่วหลิง เพราะให้หวังซิ่วหลิงจัดการคือวิธีที่มั่นคงที่สุด
เงื่อนไขแน่นอนว่าไม่ใช่แค่ให้โอกาสหวงรุ่ยเซิงกลับเมืองหลวง เหอเสวี่ยฉินยังขอโควต้ามหาวิทยาลัยเกษตรกรและทหารให้ลู่หลิงซานด้วย และเพื่อแสดงความจริงใจ ฝ่ายนั้นยังส่งหนังสือรับรองของลู่หลิงซานมาด้วย
แน่นอนว่าหวังซิ่วหลิงไม่รู้เื่นี้
คืนนี้ ถ้าผ่านคืนนี้ไปได้ นังแพศยาสวี่จือจือจะหายไปจากประชาคมชีหลี่
เพมื่อนึกถึงคนที่เมืองหลวง เหอเสวี่ยฉินยิ้มอย่างพึงพอใจ แต่รอยยิ้มนั้นยังไม่ทันอยู่นานก็ได้ยินเสียงดังจากนอกประตู เหอเสวี่ยฉินตอนแรกไม่ได้สนใจ แต่ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกผิดปกติ เธอเหมือนได้ยินเสียงของสวี่จือจือ
เหอเสวี่ยฉินนอนต่อไม่ไหว รีบลงจากเตียงเปิดประตู
ใต้แสงจันทร์ เหอเสวี่ยฉินเห็นลู่ซือหยวนเข็นลู่จิ่งซาน ข้างรถเข็นมีเด็กสาวร่างบางยืนอยู่
สวี่จือจือ!
กลับมาอีกได้ยังไง?
ตระกูลสวี่กับหวังซิ่วหลิงทำอะไรกินกันอยู่ ทำไมถึงปล่อยให้สวี่จือจือมาถึงตระกูลลู่?
หวังซิ่วหลิงทำอะไรอยู่ เื่ง่ายๆ แค่นี้ยังทำไม่ได้! หรืออีกฝ่ายไม่อยากให้ลูกสาวและลูกเขยกลับเมืองหลวง?
ลู่ซือหยวนเพิ่งก้าวเข้ามาในประตูก็ถูกสายตาดุร้ายของเหอเสวี่ยฉินทำให้ใ ร้องออกมาด้วยสัญชาตญาณ
สวี่จือจือมองไป เห็นว่าใต้แสงไฟ สีหน้าหดหู่ของเหอเสวี่ยฉินยังเก็บไม่ทัน
“เอ๊ะ?” สวี่จือจือยิ้มแล้วพูด “น้าเหอยังไม่นอนอีกเหรอ? เป็ห่วงหนูเหรอคะ?”
เป็ห่วงแกไม่ตายเร็วมากกว่าๆ!
เหอเสวี่ยฉินมองสวี่จือจือเ็า แล้วหันหลังเข้าห้องตัวเอง
“ประสาท” สวี่จือจือพูดเบาๆ สองคำ รู้สึกว่าเหอเสวี่ยฉินในคืนนี้แปลกมาก แต่จะบอกว่าแปลกยังไง เธอก็พูดไม่ถูก
พอกลับถึงห้อง สวี่จือจือล้างหน้าล้างตาแล้วนอนเลย ไม่สนใจลู่จิ่งซาน ลู่จิ่งซานก็ไม่โกรธ พอสวี่จือจือรู้ตัว ชุดที่เธอถอดไว้เขาก็เอาไปซักแล้ว
สวี่จือจือหน้าแดงเรื่อ แล้วรีบะโลงจากเตียง “นั่น…ฉันจะซักเองพรุ่งนี้ คุณรีบไปนอนเถอะ” ดึกดื่นแล้วจะวุ่นวายอะไร
“เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” ลู่จิ่งซานพูด “หน้าหนาวชุดแห้งยาก ซักเร็วก็แห้งเร็ว” แล้วยังเอารองเท้าผ้าฝ้ายของเธอไปวางในช่องเตียง เพื่อให้เช้าขึ้นมารองเท้าจะอุ่น
เข้าหน้าหนาวแล้ว เตียงเตาในบ้านจะร้อนผ่าว ตอนนี้ไม่มีเตาหรือเครื่องทำความร้อนอะไร ทำได้แค่นั่งบนเตียงเพื่อรับความอบอุ่นเท่านั้น
สวี่จือจือไม่รู้จะพูดอะไร ดวงตาเริ่มร้อนผ่าว
ลู่จิ่งซานเก็บของเสร็จก็เห็นสวี่จือจือนอนอยู่ด้านในเตียง หันหลังให้เขาอยู่
ผ้าห่มของเขาก็ถูกเธอปูไว้ให้แล้ว ลู่จิ่งซานยกมุมปากเล็กน้อย ใช้มือยันขอบเตียงแล้วขึ้นเตียงด้วยท่วงท่าสวยงาม
สวี่จือจือยังไม่หลับ การเคลื่อนไหวด้านหลังเหมือนถูกขยายในคืนนี้หลายเท่า ผู้ชายขึ้นเตียงเธอก็รู้สึกได้ จากนั้นได้ยินน้ำเสียงทุ้มมีเสน่ห์ของเขา “รอเปิดต้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้าผมอยากไปเมืองหลวงสักครั้ง” ไปตรวจสอบอย่างละเอียด
่ที่ขาาเ็ ลู่จิ่งซานรู้สึกหดหู่มาก บางครั้งถึงขั้นปล่อยตัว ดังนั้นทัศนคติต่อการรักษาก็ไม่ค่อยกระตือรือร้น
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิม เขาอยากรักษาขาให้หาย ถึงจะไม่เหมือนเดิมแต่ขอแค่ยืนได้ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจะได้ยืนปกป้องเธอได้
สวี่จือจือพลิกตัวนอนหงายมองเพดาน ไม่รู้คิดอะไรอยู่ แล้วตอบอืมทีหนึ่ง
“ได้ยินว่า” ลู่จิ่งซานพูดต่อ “สมัยก่อนโรงพยาบาลเมืองหลวงมีหมอเก่งเื่กระดูก หลังปีใหม่ผมอยากไปหาเขาดู”
เซียวติ้งจวินบอกเขาก่อนไปว่าพวกเขากำลังพยายามตามหาคุณหมอท่านนี้ ได้ยินว่าถูกส่งไปฟาร์มแห่งหนึ่ง
สวี่จือจือพยักหน้าอยู่ในใจ หมอที่ลู่จิ่งซานพูดถึงน่าจะเป็หมอในนิยายที่รักษาขาเขาจนหายดี
“คุณ…” น้ำเสียงทุ้มของเขาดังมาอีกครั้ง “ไปเป็เพื่อนผมได้ไหม?”
สวี่จือจือไม่ตอบ คิดว่าที่เขาพูดนี่มันเื่ไร้สาระ เขาจะไปเมืองหลวงรักษา เธอไม่ไปเป็เพื่อนแล้วใครจะไป?
ลู่จิ่งซานเข้าใจผิด คิดว่าเธอไม่อยากไป จึงยิ้มขมขื่น
ทันใดนั้นขณะที่สวี่จือจือกำลังจะพูด มือที่วางบนผ้าห่มถูกจับไว้ มือใหญ่แสนอบอุ่นของเขาคลุมมือขาวนวลที่อยู่นอกผ้าห่มของเธอ ความอบอุ่นจากมือส่งผ่านมาถึงหัวใจ
สวี่จือจืออยากสะบัดออก แต่ผู้ชายคนนี้ดื้อมาก แรงไม่เยอะ ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด แต่สะบัดยังไงก็ไม่ออก
“ลู่จิ่งซาน ปล่อยฉันนะ” สวี่จือจือขมวดคิ้วพูด
“ไม่” ชายหนุ่มพูด
“ทำไมล่ะ?” เด็กสาวยกตัวครึ่งหนึ่งเพื่อจ้องเขา “ตอนนี้คุณเก่งแล้วเหรอ? ยังจะทำตัวอันธพาลได้อีก”
“ผมจะทำตัวอันธพาล คุณจะทำอะไรได้?”
สวี่จือจือ “…”
.............................