เริ่มจากเื่ที่มีสองครอบครัวพาบุตรสาวมาให้เขาดูตัวถึงตลาดในอำเภอ
คนหนึ่งเป็สตรีอายุยี่สิบต้นๆ ทั้งยังมีบุตรสองคนด้วย กล่าวว่าไม่อาจใช้ชีวิตต่อไปได้ น่าสงสารเป็อย่างยิ่ง อยากให้หลี่ซานรับไว้
อีกคนหนึ่งเป็สตรีในห้องหอ อายุราวสิบแปดสิบเก้า แต่สตรีนางนี้เป็สตรีที่มีความบกพร่องทางร่างกาย
สตรีบกพร่องก็คือ สตรีที่ถึงวัยแล้วยังไม่มีประจำเดือน ไม่อาจตั้งครรภ์ได้
พี่น้องของสตรีนางนั้นแต่งงานและมีบุตรแล้ว ทำให้มีห้องไม่พออยู่ ้าส่งสตรีนางนี้ออกจากบ้าน ครอบครัวของนางกล่าวว่า ไม่้าเงินแม้แต่ทองแดงเดียว ให้เขารับสตรีนางนี้ไปและดูแลเื่อาหารการกินก็พอ
จ้าวซื่อรับฟังพลางคิดในใจว่า สตรีพวกนี้น่าไม่อายจริงๆ นางน่าสงสารแล้วจะมาเป็อนุภรรยาของครอบครัวตนได้หรือ เช่นนั้นตนเล่า ตนมอบสินเดิมทั้งหมดให้หลี่ซาน ลำบากเลี้ยงญาติผู้น้องของเขา ทั้งยังคลอดบุตรชายบุตรสาวรวมห้าคนให้กับเขาอีก ในท้องก็ยังมีบุตรชายแฝดของเขาอยู่อีก หลี่ซานเพิ่งมีเงินเล็กน้อยก็จะแต่งอนุภรรยาแล้ว นางไม่น่าสงสารกว่าหรือ ทั้งยังมีสตรีบกพร่องนางนั้นอีก แผ่นดินนี้มีบุรุษมากมาย เหตุใดต้องแต่งให้หลี่ซานที่มีภรรยาและบุตรแล้วด้วยเล่า มิใช่เป็เพราะหลี่ซานมีเงินหรือไร ช่างน่าเกลียดสิ้นดี
หลี่ซานกล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉย “พวกเขาเห็นข้าเป็คนโง่แท้ๆ เห็นได้ชัดว่า้าสูตรทำเต้าหู้ของตระกูลเรา จึง้าส่งบุตรสาวมาเป็อนุภรรยาหวังจะขโมยสูตร หากข้าตกหลุมพรางก็แปลกแล้ว”
จ้าวซื่อขมวดคิ้วถาม “แล้วอีกสองบ้านเล่า”
“อีกสองบ้านหรือ บ้านหนึ่งเป็ตระกูลของผู้ดูแลหอสุราในอำเภอ อีกบ้านหนึ่งเป็ผู้ดูแลร้านก๋วยเตี๋ยวที่ตำบลอิ๋นหนิว พวกเขา้าให้หลานสาวมาเป็อนุภรรยาข้า”
“แล้วท่านคิดเห็นอย่างไร”
หลี่ซานส่ายหน้า “ก่อนหน้านี้ที่ข้าไปทำงานสร้างกำแพงเมืองที่เมืองเยี่ยน ข้าทำงานอยู่ที่นั่นอย่างลำบากยากเข็ญ เหตุใดจึงไม่มีคนคิดพาสตรีในบ้านมาให้เป็อนุภรรยาข้าเล่า ตอนนี้เห็นข้าขายเต้าหู้ได้ดีจึง้าหลอกเอาสูตรทำเต้าหู้ของตระกูลเราไปกระมัง จะดีจะร้ายข้าก็เคยเรียนรู้ตัวอักษรมาจากเ้า ทั้งยังเคยผ่านประสบการณ์เลวร้ายอย่างการหนีภัยโรคระบาดมาแล้ว จะถูกพวกเขาหลอกได้อย่างไร”
จ้าวซื่อเห็นหลี่ซานอธิบายได้อย่างกระจ่างชัดจึงเข้าใจดี ความขุ่นเคืองลดลงไปไม่น้อย “ท่านรู้จักคิดก็พอแล้ว เช่นนั้นข้าก็วางใจ”
หลี่ซานมองแก้มขาวอมชมพูของภรรยา หากมิใช่เพราะภัยโรคระบาดคราวนั้น สตรีดีๆ เช่นนี้จะมาแต่งกับเขาได้อย่างไร เขารู้สึกหวงแหนเป็อย่างยิ่ง จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ซู่เหมย หากไม่มีเ้าพวกเราสองพี่น้องก็ไม่มีวันนี้ เ้าวางใจเถิด ข้าจะไม่ทำเื่ผิดต่อเ้าเป็อันขาด”
จ้าวซื่อหลุบตาลง สีหน้าอ่อนโยนขึ้นมาก กล่าวไปอย่างแ่เบาว่า “ต่อไปหากมีเื่เช่นนี้ท่านต้องบอกข้า มิใช่ว่าข้าไม่เชื่อใจท่าน เพียงแต่ไม่อยากรู้เป็คนสุดท้าย”
“ได้ ต่อไปข้าจะบอกเ้าทุกเื่” หาได้ยากในบ้านที่สามีภรรยาจะเชื่อใจและเข้าใจกัน หลี่ซานรู้สึกรักใคร่ภรรยาอย่างลึกซึ้ง รีบจับมือจ้าวซื่อมาวางแนบอกตน “ข้าได้แต่งกับเ้าก็นับเป็บุญสามชาติภพแล้ว เ้าไม่รังเกียจที่ข้าหยาบกระด้างและโง่เขลาก็ดีมากแล้ว”
“หึ... ข้าว่าท่านไม่ได้โง่เขลาแม้แต่น้อย” หากโง่เขลาจะทำการค้าได้อย่างไร จะมองออกได้อย่างไรว่าผู้ที่ส่งบุตรีมาให้เ่าั้มีความคิดไม่ดี
หลี่ซานโอบภรรยาของตนพลางใช้มือลูบไปยังท้องที่ใหญ่โต เ้าตัวเล็กทั้งสองใกล้คลอดแล้ว คงใช้เวลาอีกไม่กี่เดือน ประเดี๋ยวเขาก็จะได้ใกล้ชิดภรรยามากขึ้นแล้ว
จ้าวซื่อใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าอกของหลี่ซาน “ท่านหัวเราะแปลกประหลาดเช่นนี้กำลังคิดฟุ้งซ่านอันใดอยู่?”
หลี่ซานกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “ครอบครัวเรามีชีวิตที่ดีแล้ว เ้าก็ไม่ต้องลำบากอีก ข้าย่อมอารมณ์ดี”
“เมื่อก่อนมีชีวิตลำบาก ทว่าข้ามิได้ลำบากอยู่ผู้เดียว ท่านก็ลำบากเป็เพื่อนข้ามิใช่หรือ” จ้าวซื่อย้อนคิดไปถึงเมื่อวันวาน หลี่ซานยอมไปทำงานหนักอยู่ข้างนอกเพื่อหาเงินให้ได้มากหน่อย ไม่ว่าจะเป็ฤดูใดหรือเทศกาลใดล้วนทำงานทั้งสิ้น โชคดีที่์มีตา ตระกูลหลี่จึงผ่านความยากลำบากมาได้ ตอนนี้อาศัยการขายอาหารทำเงินได้มาก ชีวิตเช่นนี้จะต้องรักษาและหวงแหนไว้ให้ดี
“เ้าลำบากกว่าข้ามากนัก ข้ายากจนมาั้แ่เด็ก ลำบากมาตลอดจึงไม่รู้สึกอันใด แต่เ้าไม่เหมือนกัน ยามที่เ้าอยู่บ้านเดิมเ้ามีชีวิตที่ดี แต่กลับต้องมาตกระกำลำบากกับข้า เ้าอยู่กับข้ามาหลายปี ลำบากเ้าแล้วจริงๆ ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีชีวิตที่ดีได้ ข้าย่อมไม่ปล่อยให้เ้าได้รับความอยุติธรรมอีก”
จ้าวซื่อซบไหล่หลี่ซาน นางซาบซึ้งจนน้ำตาคลอ
“ข้าจะไปตักน้ำ” หลี่ซานอยากทำงานให้มากสักหน่อย เช่นนี้น้องชายและบุตรสาวจะได้ทำงานน้อยลง
จ้าวซื่อกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “พี่ซาน ท่านไปต้มน้ำมาสักสองหม้อเถิด ประเดี๋ยวหรูอี้และเ้าก้อนหินกลับมาจะได้อาบน้ำร้อนเลย”
หลี่หรูอี้ขี่ลาเข้ามา ส่วนหลี่สือจูงแม่แพะตัวหนึ่งกลับมาด้วย ด้านหลังยังมีเด็กในหมู่บ้านเดินตามมาด้วยอีกหลายคน
แม่แพะส่งเสียงร้อง เด็กหลายคนที่ใจกล้าหน่อยก็ยื่นมือไปลูบขนของมัน
หลี่ซานกำลังตักน้ำอยู่ที่ลานบ้าน เห็นลาหูยาวสีน้ำตาลตัวใหญ่ ก็กล่าวอย่างแปลกใจว่า “นั่นไม่ใช่ลาของพวกเรานี่”
ต่อให้ลาสองตัวในบ้านถูกเผาเป็เถ้าถ่านเขาก็ยังจำได้ เมื่อครู่เขาเพิ่งไปดูลาที่ลานด้านหลัง พวกมันกำลังกินหญ้าอยู่ เช่นนั้นลาตัวนี้มาจากที่ใดกัน?
หลี่หรูอี้รู้อยู่แล้วว่าบิดาของตนจะต้องมีท่าทีแปลกใจเช่นนี้ จึงหัวเราะเสียงดังก่อนกล่าวไปว่า “นี่ลาของพวกเรา ข้าเพิ่งซื้อมาจากตลาดเ้าค่ะ”
คราวที่แล้วห้าพี่น้องไปซื้อลาด้วยกันโดยไม่มีผู้ใหญ่ไปด้วย เ้าของลาไม่วางใจจึงมาถามจ้าวซื่อถึงบ้านหลี่ คราวนี้นางพาหลี่สือไปด้วยเ้าของลาจึงวางใจ ฝ่ายหนึ่งมอบเงินอีกฝ่ายหนึ่งมอบลา สุดท้ายก็นำลามาให้นาง
หลี่สือกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านพี่ พี่สะใภ้ พวกเราซื้อลาหนึ่งตัวกับแม่แพะหนึ่งตัว!”
“ใช้เงินอีกแล้ว” หลี่ซานรู้สึกเ็ปใจยิ่งนัก หว่างคิ้วขมวดมุ่นเป็ปม ซื้อลากับแม่แพะมาอย่างละหนึ่งตัวเป็เงินเท่ากับที่ดินหนึ่งหมู่กว่าเลยทีเดียว
“ท่านพ่อ ต้องจ่ายเงินจึงจะหาเงินได้”
“เ้าใช้เงินเร็วเกินไปแล้ว” เงินที่เพิ่งหาได้วันนี้ถูกจ่ายออกไปไม่น้อย อีกทั้งในบ้านยังมีปากท้องเพิ่มขึ้นมาอีกสองตัว
หลี่หรูอี้เห็นจ้าวซื่อเดินออกมาจากห้องนอน จึงโบกมือให้นาง “ท่านแม่ ท่านมาดูเร็วเข้า แม่แพะตัวนี้เป็อย่างไรเ้าคะ”
“ไหน ข้าดูหน่อย” จ้าวซื่อสายตาไม่ค่อยดีจึงมองเห็นไม่ชัด นางเดินยิ้มเข้ามา เมื่อเห็นแม่แพะที่มีเต้านมหลายเต้า แสดงให้เห็นว่าอยู่ใน่มีน้ำนมพอดี นี่นับเป็เื่ดีจริงๆ ทำให้นางหมดกังวลเื่น้ำนมไปได้ “แพะตัวนี้ไม่เลวเลย เ้ารีดนมแพะเป็หรือไม่”
“คนขายแพะสอนมาแล้วเ้าค่ะ ข้าทำเป็ ท่านอารองก็ทำเป็ ประเดี๋ยวพวกเราจะรีดนมแพะให้ท่านดื่มเอง” หลี่หรูอี้เห็นหลี่ซานกล่าวตำหนิสองสามประโยค ทว่าไม่ได้บันดาลโทสะก็รู้สึกมีความสุขยิ่ง
หลี่ซานขมวดคิ้วถาม “ซู่เหมย เ้ารู้หรือว่าหรูอี้จะไปซื้อลากับแพะ?”
“รู้ วันนี้ตอนหรูอี้ออกจากบ้านนางบอกข้าแล้ว” จ้าวซื่อปรายตามองหลี่ซาน “ทำไม ท่านปิดบังข้าได้ แต่ไม่อนุญาตให้ข้าปิดบังท่านหรือ”
หลี่หรูอี้ฟังแล้วรู้สึกว่าคำพูดของจ้าวซื่อแฝงความนัยบางอย่าง จึงรีบถามขึ้นว่า “ท่านแม่ ท่านพ่อปิดบังอะไรท่านหรือ”
หลี่ซานรีบกระแอมออกมา ท่าทางไม่สบายใจนัก หากบุตรสาวทราบเื่นี้ ด้วยนิสัยของนางอาจกล่าวจนบิดาเช่นเขาขายหน้าก็เป็ได้ “ซู่เหมย ให้ข้าประคองเ้าไปเดินเล่นที่ลานด้านหลังเถิด”
“หรูอี้ บิดาเ้าต้มน้ำไว้ให้ เ้าไปอาบน้ำเถิด” จ้าวซื่อส่งสายตาให้หลี่หรูอี้ จากนั้นจึงไปที่ลานด้านหลังกับหลี่ซานเพื่อจัดการเื่ลาตัวใหม่
หลี่หรูอี้รู้สึกดีใจเป็อย่างยิ่ง แต่ก็เหนื่อยมากเช่นกัน รู้สึกอยากะโลงไปแช่ในบ่อน้ำร้อนแล้วนอนหลับฝันหวานสักตื่นจริงๆ “ท่านอารอง ท่านรีดนมแพะแล้วนำไปเก็บไว้ที่ห้องครัวนะเ้าคะ ประเดี๋ยวข้าจะต้มนมแพะให้พวกท่านดื่ม นมแพะที่ข้าต้มรับรองว่าไม่มีกลิ่นคาว พวกท่านดื่มแล้วต้องบอกว่าอร่อยแน่นอน”
ณ จวนเยี่ยนอ๋อง คนกลุ่มหนึ่งขี่ม้านำของสองคันรถทยอยออกมาจากประตูด้านข้าง ผู้นำขบวนเป็ชายวัยกลางคน เขาก็คือจ้าวอี้ รองผู้ดูแลของจวนนั่นเอง ผู้ที่ถูกขนาบอยู่ตรงกลางก็คือ ชายหนุ่มในอาภรณ์สีม่วง ซึ่งก็คือโจวโม่เสวียน ที่ระยะนี้ไปอยู่ในค่ายทหาร แต่กลับก่อเื่จนโจวปิงขุ่นเคืองไปหลายรอบแล้ว
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้