Chapter 6
เอเดนจูบโจไซอากลางสายฝนอยู่นานหลายนาที ใช้เสื้อสูทสีดำของตัวเองคลุมศีรษะโจไซอาเอาไว้ บรรเทาความรู้สึกผิดที่พาอีกฝ่ายมายืนกลางสายฝนอย่างไร้สาเหตุ แต่โจไซอายินดีทำทุกอย่างที่เอเดน้าจึงโอบกอดและจูบตอบอย่างเต็มใจ
ฝนกระหน่ำเทลงมาแรงขึ้นจนิัที่รับเม็ดฝนโดยตรงเจ็บแสบทั้งคู่จึงจับมือกันวิ่งกลับไปที่รถสปอร์ตสีขาว เอเดนยังคงนั่งหลังพวงมาลัย ขับออกไปเส้นทางนอกเมืองจนสิ้นสุดเมฆฝนแล้วเปิดหน้าต่างรับลมของฤดูร้อนจนความเปียกโชกของทั้งคู่เหลือแต่ความเปียกหมาด
“คุณชอบทำอะไรบ้า ๆ หรือเปล่า” เอเดนถามขึ้นมาโดยสายตายังมองถนนเบื้องหน้า
“หมายถึงออกไปตากฝนแบบที่เราทำน่ะเหรอ” โจไซอาพูดกลั้วเสียงหัวเราะ เขาจินตนาการการทำอะไรบ้า ๆ มากกว่านี้ไม่ออก
“บ้ากว่านั้นอีกครับ” เอเดนเหยียดยิ้ม ดวงตาเป็ประกายซุกซนจนโจไซอาลุ้นรอคอยคำตอบ
“อะไร”
“ไปคฤหาสน์กริฟฟิน ผมอยากให้คุณเห็นห้องนอนของผม”
แปลก มีแต่เื่ให้แปลกใจ มีแต่ความคิดที่คาดเดาไม่ได้จากเอเดนอยู่เต็มไปหมด โจไซอาไม่เคยเดาถูกเลยสักครั้ง
“เอาสิ”
ทันทีที่โจไซอาตอบตกลง เอเดนกลับรถเพื่อเดินทางเข้าตัวเมืองหลวง ไม่ได้ใช้ความเร็วอย่างทีแรกเพียงแต่ขับไปตามเส้นถนนเรื่อย ๆ ไม่รีบร้อน ปล่อยให้ลมแรงที่พัดเข้าหน้าต่างทักทายเส้นผมจนความเปียกชุ่มหายไป
คฤหาสน์กริฟฟินอยู่ห่างออกไปจากใจกลางเมืองหลวงสิบห้านาที เป็บ้านหลังใหญ่ล้อมรอบด้วยเนื้อที่สวนขนาดกว้างขวาง ต้นไม้ใหญ่ปลูกเป็แนวกำแพงสูงเพื่อความเป็ส่วนตัวจากตึกสูงในตัวเมือง และเป็มรดกตกทอดจากรุ่นปู่ เขาเติบโตที่บ้านหลังนั้น ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งเกิดความรังเกียจ อยากหนีออกไปจากที่นั่นรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าจะหรูหราใหญ่โตและสวยงามแค่ไหนแต่มันคือคุกที่ใช้ขังเขา ห้องนอนส่วนตัวคือห้องเดียวที่เอเดนมีสิทธิ์ในการเลือกและกำหนดมันด้วยตัวเอง
รถสปอร์ตสีขาวเลี้ยวเข้าถนนแคบของคฤหาสน์กริฟฟิน ตึกสูงและถนนคอนกรีตเรียบกริบของเมืองหลวงแปรเปลี่ยนเป็ถนนแคบที่ปูด้วยหิน โดยรอบเต็มไปด้วยต้นไม้แทนตึกสูงจึงดูเหมือนที่นี่ไม่ใช่เขตเมือง โจไซอามองรอบ ๆ ในความมืด ประตูรั้วขนาดใหญ่สีดำกับกำแพงสูงดับความเป็มิตรของธรรมชาติสีเขียว ทำให้ที่นี่ดูน่ากลัว และน่าเกรงขาม
ในกลางดึกที่ฝนเพิ่งหยุดเช่นนี้ประตูปิดสนิท และไม่มีใครอยู่เวรเฝ้ายาม เอเดนลงจากรถเพื่อเปิดมันออกด้วยตัวเองอย่างคล่องแคล่ว มองซ้ายขวาระแวดระวังเพราะเป็คนมีความผิดที่กำลังย่องเข้าบ้านของตัวเอง แถมยังพาคนแปลกหน้ามาด้วย โจไซอายิ้มขำท่าทางแบบนั้น จึงใช้อำนาจวิเศษของตัวเองสั่งให้คนทั้งคฤหาสน์หลับสนิทจนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้น
ในกรณีนี้ถือว่าเขาไม่ได้ทำผิดกฎเทพเพราะไม่เป็อันตราย เทพหลายองค์มักใช้วิธีนี้เมื่อปรากฏตัวในโลกมนุษย์หรือเมื่อทำภารกิจเป็ปกติอยู่แล้ว
นิ้วเรียวถูริมฝีปาก มองตามชายหนุ่มที่เสื้อเชิ้ตสีขาวยังเปียกอยู่เล็กน้อยจึงแนบเนื้อเห็นรูปร่างดูดี และกำลังสาวเท้ามาขึ้นรถเพื่อพาแขกอย่างโจไซอาย่องเข้าบ้านในกลางดึก เขาััได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นระรัวในอกเอเดน รู้ว่าอีกฝ่ายตื่นเต้นปะปนกับความหวาดกลัวเพราะไม่รู้ว่าพ่อแม่จะหาวิธีลงโทษเขาอย่างไร แต่ไม่มีบทลงโทษไหนที่เอเดนต้องเจออีกแล้ว เพราะโจไซอาจะปกป้องทุกหนทาง
“ตื่นเต้นเหรอ”
“ไม่นี่ครับ” เอเดนโกหกเขา โจไซอาเอื้อมมือไปบีบแตรรถยนต์จนเสียงดังลั่นถนนแคบก่อนถึงคฤหาสน์
“เฮเซล!”
“ฮ่า ๆๆๆ”
เอเดนคว้าข้อมือของโจไซอาเอาไว้ ะโเรียกชื่อเสียงดังด้วยความใพร้อมดวงตาเบิกกว้าง โจไซอากลับนั่งหัวเราะพึงพอใจที่ได้แกล้งอีกฝ่าย เพราะรู้ดีว่าต่อให้เสียงดังแค่ไหนก็ไม่มีใครตื่นขึ้นมาได้ยิน คนไม่รู้อย่างเอเดนใจเต้นรัว เหลือบมองรอบนอกรถพบว่าไม่มีใคร และหัวเราะตาม
เอเดนขับรถสปอร์ตมาจอดไว้ด้านนอกโรงรถ ในมุมอับที่มองจากไกล ๆ จะมีต้นไม้แผ่กิ่งก้านบดบังเอาไว้ แต่การปกปิดรถแข่งสีขาวโดดเด่นเช่นนี้ไม่ใช่เื่ง่าย ถึงอย่างไรก็ต้องมีคนเห็นมัน
“เชิญครับ” เขาอ้อมมาที่ฝั่งเบาะข้างคนขับ ชิงเปิดประตูให้โจไซอาก่อน และผายมือรออีกฝ่ายลงจากรถราวเป็แขกผู้มีเกียรติคนสำคัญ
โจไซอาก้าวขาเหยียบพื้นหญ้า โดยรอบแทบมืดสนิท มีแสงไฟจากด้านหน้าคฤหาสน์และตามแนวโรงรถช่วยให้พอมองเห็นทาง เอเดนจึงจับมือของโจไซอาไว้แน่น เป็ผู้นำทางที่ดีด้วยการเดินอย่างระมัดระวัง และหันมองอีกฝ่ายเป็ระยะ
ทั้งคู่เดินผ่านโรงจอดรถ ไฟสนามสีส้มหลายดวงเริ่มให้ความสว่างมากขึ้น เท้าของทั้งคู่ก้าวออกจากพื้นหญ้าและเหยียบพื้นหิน มีผืนผ้าใบปริศนาสีเข้มตกอยู่บนพื้น โจไซอาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เอเดนจำมันได้ดี ดวงตาสีเฮเซลสั่นไหว กระวนกระวายกวาดตามองรอบตัวและมองเห็นบทลงโทษของตนเองที่ด้านหน้าประตูโรงจอดรถ
รถจักรยานยนต์คู่ใจของเอเดน สิ่งที่เอเดนรัก สิ่งที่พาเขาออกไปจากบ้านหลังนี้และมอบความรู้สึกอิสระแม้เพียงชั่วครู่ให้ จอดนอนทิ้งอยู่ที่พื้นมีชิ้นส่วนแตกกระจายโดยรอบ ทั่วทั้งคันมีรอยทุบ บางที่มีรอยฟันด้วยของมีคน ของรักของหวงของเอเดนตอนนี้เหมือนเศษเหล็กไร้ค่า เขาบีบมือโจไซอาแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว จ้องมองซากรถด้วยความเ็ป และพูดอะไรไม่ออก
“ฉันหามาให้ใหม่” โจไซอาเอ่ยด้วยเสียงจริงจัง ตั้งมั่นกับตัวเองว่าต่อให้มันยากแค่ไหนเขาก็จะหามาให้เอเดนให้ได้
“แล้วรถฉัน เธอชอบหรือเปล่า ถ้าชอบฉันยกให้”
แต่เอเดนยังคงยืนมองซากรถนิ่ง ค่อย ๆ หันสบตาโจไซอาเชื่องช้าแล้วยกยิ้มที่แสนขมขื่นเหมือนคนปลงตกกับชีวิตไร้หนทาง มันไม่ใช่ครั้งแรกของบทลงโทษเช่นนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขารักจะถูกทำลายได้เสมอถ้าเขาต่อต้านคำสั่งของครอบครัว หากหนีไปไกลอีกฟากโลก คนของพ่อจะตามหาจนเจอ หากยืนต่อสู้กับคำสั่งด้วยตัวเอง สิ่งที่ถูกทุบตีอาจเป็ร่างกายของเขา
“ช่างเถอะครับ มันก็แค่สิ่งของ”
อย่างน้อยสิ่งที่ถูกทุบถูกฟันก็ไม่ใช่ตัวเขา หรือสิ่งมีชีวิตบริสุทธิ์ เอเดนทำใจเดินผ่านเศษเหล็ก จับจูงให้โจไซอาเดินตามจนถึงประตูเล็ก ๆ ทางเข้าลับที่เชื่อมกับลานจอดรถ กระทั่งรองเท้าหนังของทั้งคู่ส่งเสียงดังก้องเพราะเดินบนพื้นหินอ่อน เอเดนยกนิ้วชี้แตะริมฝีปากให้โจไซอาเดินค่อยกว่านี้ลงอีกสักนิด
“แน่ใจนะว่าไม่เป็ไร” โจไซอายังคงกังวลเื่รถที่ถูกทำลาย เอเดนตอบคำถามส่ง ๆ ด้วยการยักไหล่ เป็การบอกทางอ้อมว่าเขาไม่อยากพูดถึงเื่นี้ซ้ำอีก
“ห้องผมอยู่ที่ชั้นสามครับ”
เอเดนพาโจไซอาเดินผ่านห้องโถงใหญ่ที่ใช้จัดงานเลี้ยงวันเกิดอายุ 25 ปี ตอนนี้มันไม่ได้ตกแต่งด้วยกุหลาบสีแดงเหมือนวันงาน แต่มีเครื่องเรือนหรูหราเพราะเป็ของสั่งทำจากช่างฝีมือดีและหายาก ทั้งชุดเก้าอี้บุนวม หรือแม้แต่ของตกแต่งเล็ก ๆ น้อย ๆ บ่งบอกรสนิยมว่าเ้าของต้องเป็คนร่ำรวยและโอ้อวดกันมาั้แ่รุ่นปู่
ร่างสูงกดลิฟต์ที่ซ่อนอยู่หลังบันไดหินขนาดใหญ่ และก้าวเข้าไปด้านในก่อนจะกดเลขสาม มือของเอเดนยังคงไม่ปล่อยจากมือโจไซอา ดวงตากลมเฉี่ยวก้มมองมือที่จับกันอยู่แล้วเงยหน้ามองเอเดน เห็นว่าอีกฝ่ายไม่เหลือแววตาของความเ็ปอยู่แล้ว พลางคิดว่ามนุษย์คนนี้คงเก่งเื่การฝังกลบความเศร้าของตัวเองได้ดีน่าดู ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าเป็ความสามารถพิเศษของเอเดนได้หรือไม่ เพราะฟังดูขมขื่นมากกว่า
“บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้คงไม่มีใครรู้ว่าเรามาหรอกมั้ง” โจไซอาพูดระหว่างลิฟต์พาพวกเขาส่งที่ชั้นสาม
“ผมซ่อนคุณจนถึงเช้ายังได้” เอเดนยิ้ม แล้วหันมาสบตาด้วยแววตาเป็ประกายออดอ้อน “แต่คุณอยากอยู่กับผมถึงเช้าไหมครับ”
“ได้สิ”
โจไซอาตอบตกลงทันที ก่อนที่เอเดนจะพูดจบเสียอีก
ทั้งคู่ไม่จำเป็ต้องเดินเสียงเบาอีกต่อไปเมื่อมาถึงห้องนอนของเอเดน เ้าของห้องล็อกลูกบิดกระตูจากด้านใน และใส่ตัวล็อกที่เป็คนติดเองเพิ่มอีกชั้น เขาเปิดไฟหมดทุกดวง ปล่อยให้โจไซอาเดินสำรวจห้องที่เขาภูมิใจนำเสนอมากที่สุด
โจไซอากวาดตามองช้า ๆ แทบทุกอย่างในห้องนี้ล้วนเป็สีดำและเทาเข้ม ดูทันสมัยแตกต่างจากห้องอื่น ๆ หรือตัวบ้านราวกับหลงยุค เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเห็นหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่เต็มบานเป็อย่างแรก พร้อมผ้าม่านโปร่งสีขาวที่ปิดบานกระจกอยู่ ส่วนผ้าม่านทึบสีเทาเข้มกำลังเลื่อนมากันตามการกดปุ่มจากรีโมตในมือเอเดน
ทั้งห้องนอนขนาดใหญ่นี้เชื่อมถึงกันหมด แต่มีลูกกรงเป็ซี่ ๆ สีดำกั้นแต่ละส่วนเอาไว้ ริมชิดผนังด้านซ้ายคั่นด้วยเตาผิงแบบประยุกต์ให้ดูทันสมัยมีกระจกครอบ ถัดไปเป็ซี่ลูกกรงสีดำกั้นมุมแต่งตัวและเก็บเสื้อผ้า มีประตูห้องน้ำที่อยู่ติดกัน และที่ชิดกับหน้าต่างกระจกเต็มบานเป็มุมรวมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดย่อม ๆ ของเอเดน ทั้งคอมพิวเตอร์จอโค้งขนาดใหญ่ กับวิดีโอเกมที่โจไซอาแก่เกินจะศึกษาของพวกนี้ตามยุคสมัย
อีกฝั่งหนึ่งของห้องเป็เตียงนอนชิดผนัง สิ่งที่ดึงดูดสายตาของโจไซอาให้ยืนนิ่งมองอยู่นานคือผนังตรงหัวเตียงที่ไม่เหมือนกับส่วนอื่น มันเจาะลึกเข้าไปและเป็หินขรุขระสีเทาเข้มเหมือนกับผนังถ้ำ ติดไฟสีขาวแนวยาวเป็เส้นตรงแนวตั้งที่รอยเชื่อมผนังทั้งสองฝั่ง ผ้าปูที่นอนเป็สีเทาเข้ม พรมเป็สีเทาอ่อน เก้าอี้บุนวมตัวเล็กที่เอาไว้นั่งอ่านหนังสือติดกับหน้าต่างยังเป็สีเทา
“หินของจริงเหรอ”
“ของปลอมครับ ช่างเป็คนทำ ผมไม่อยากทุบเอาหินแผ่นใหญ่ขนาดนี้มาหรอก” โจไซอาพยักหน้าเชื่องช้าระหว่างทำความเข้าใจ เขาเพิ่งรู้ว่ามนุษย์ทำสิ่งแบบนี้ขึ้นมาได้
“เธอเลือกเองหมดเลยเหรอ”
“ผมเป็คนออกแบบครับ” โจไซอาหันมองคนที่มายืนซ้อนหลังใกล้ชิดด้วยความคิดค้านในอก เพราะได้ยินว่าเอเดนเรียนด้านบริหาร
“อะไร ไม่เชื่อเหรอ”
“เธอมีแต่เื่ที่ทำให้แปลกใจรู้ไหม” เอเดนยิ้มและถือว่านี่เป็คำชม
“เปลี่ยนเสื้อผ้ากันเถอะครับ”
มือใหญ่จูงมือโจไซอาไปที่มุมแต่งตัว มองร่างเพรียวบางที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีอ่อนตัวใหญ่ กับกางเกงสีครีมทรงหลวม และทรงผมเปียกไม่เป็ทรงจึงต้องเสยอย่างลวก ๆ ไปด้านหลัง เอเดนยิ้มแสดงแววตาแพรวพราวโดยไม่รู้สาเหตุ ก่อนจะเปิดตู้เพื่อหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำให้อีกฝ่าย
“ยิ้มอะไรเอเดน”
“ตอนคุณเปียกก็เซ็กซี่ดีเหมือนกันนะ”
ความเ้าเล่ห์ในแววตาและรอยยิ้มมุมปากของเอเดนกลับมาอีกครั้ง เสียงทุ้มหวานเอ่ยพร้อมปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวเปียกหมาดที่สวมอยู่ทีละเม็ดจนหมด เห็นกล้ามเนื้อที่แผ่นอกกับหน้าท้อง และเป็อีกครั้งที่โจไซอาไม่ได้เขินอายกับการหยอดคำหวานใด ๆ เขากลับเหยียดยิ้มหวานให้อีกฝ่ายบ้าง แล้วก้าวเท้าเข้าหาใกล้ชิด สะบัดรองเท้าหนังของตัวเองออก แล้ววางมือที่ขอบกางเกงสแล็กส์สีดำของเอเดน
“ช่วยถอดดีไหม”
เอเดนพยักหน้ายินดีรับความช่วยเหลือทันที เสื้อเชิ้ตของเขาจึงหลุดร่วงทิ้งลงพื้นห้องด้วยฝีมือของโจไซอา รวมถึงกระดุมกางเกงสแล็กส์ มือหนาช่วยโจไซอาปลดกระดุมทีละเม็ดเช่นเดียวกัน พร้อมกับสายตาที่ชื่นชมความงดงามของอีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ยังคงไม่เบื่อที่จะมองเลยสักครั้ง
“ผมชอบตอนคุณใส่เสื้อผ้าสีอ่อน ๆ นะเฮเซล” เอเดนถอดเสื้อเชิ้ตออกจากตัวของโจไซอาขณะที่พูด
“แต่งห้องมืดขนาดนี้ เธอดูไม่ใช่คนชอบสีอ่อนเลยนะ”
“มันดูดีตอนอยู่บนตัวคุณครับ” กางเกงสีดำรวมถึงชั้นในหลุดออกจากตัวของเอเดนด้วยมือของโจไซอากระทั่งร่างกายเปลือยเปล่าพอดีเมื่อพูดจบ เขาหันไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำสีเทาเข้มมาสวมโดยไม่ผูกเชือกให้เรียบร้อยดี แต่เลือกที่จะปลดกระดุมกางเกงของโจไซอาก่อน
ทันทีที่กระดุมถูกปลด และซิปรูดต่ำลงกางเกงสีครีมก็ร่วงลงพื้นทันที เหลือเพียงชั้นในสีขาวทรงสามเหลี่ยมที่ทำให้เอเดนใจเต้นแรง แล้วหักห้ามความรู้สึกเอาไว้ เขาหยิบเสื้อคลุมแบบเดียวกันกับตัวเองสวมให้อีกฝ่าย บรรจงผูกเชือกอย่างดี แล้วมองสำรวจความงดงามอีกหน
“สีเข้มที่อยู่บนตัวคุณก็ดูดีเหมือนกันนะครับ”
“แล้วเธอชอบสีอะไร” โจไซอาผูกปมเชือกเสื้อคลุมอาบน้ำให้อีกฝ่ายบ้าง
“สีแดงเข้ม” ร่างเพรียวบางพยักหน้าพลางคิดว่าสีแดงช่างเป็สีที่เหมาะกับเอเดนเหลือเกิน
“แล้วคุณชอบผมตอนใส่สีอะไรเฮเซล” เขาเหยียดยิ้มหวานแล้วเงยหน้าช้อนตามอง ขยับเข้าหาอีกหนึ่งเก้าจนปลายเท้าเกยกัน
“ตอนไม่ใส่”
คำตอบตรงไปตรงมาฟังดูน่ามันเขี้ยวจนเอเดนเชยคางโจไซอาแล้วกดจูบที่ริมฝีปาก เขาผละออกในเสี้ยววินาทีแล้วมองดวงตากลมเฉี่ยวอารมณ์ดี ยามนี้โจไซอาร่าเริงเป็พิเศษเพราะได้อยู่กับเอเดน และเพื่อไม่ให้เอเดนรู้สึกแย่กับเื่ที่เกิดขึ้น ริมฝีปากที่เพิ่งห่างกันได้ไม่นานของทั้งคู่ประกบแนบเข้าหากันอีกครั้ง จูบดูดดึงแ่เบาไม่รีบร้อน มือสวยวางที่แผ่นอกััการเต้นของหัวใจที่อยู่ภายใน เอเดนโอบกอดร่างเพรียวบางจนกายแนบชิดกัน
“แช่น้ำอุ่นด้วยกันไหมเอเดน” ถึงแม้โจไซอาจะไม่เขินอายกับคำชมที่ว่าตนเองดูเซ็กซี่เวลาเปียกน้ำ แต่เหลิงกับคำชมนั้นพอสมควร แล้วอยากจะตัวเปียกให้เอเดนเห็นอีกรอบ
“อ่างของผมไม่ได้กว้างนักหรอกครับ”
“ก็ดีไม่ใช่เหรอ”
“คุณนี่จริง ๆ เลย” เอเดนพ่ายแพ้ให้กับการยั่วยวน แล้วกดจูบเสียงดังที่ซอกคอโจไซอา
“หรือเธอมีที่ที่กว้างกว่าอ่างล่ะเอเดน”
“สระว่ายน้ำ…” เสียงทุ้มเพียงแค่พึมพำเมื่อนึกถึงมันขึ้นมา
“พาไปหน่อย” เขาไม่ได้ชอบการว่ายน้ำหรือออกแรงนักหรอก เพียงแค่คิดว่าคงสนุกกว่าการอยู่ในห้องนอน
เอเดนลังเลเพราะความหวาดระแวงแล่นขึ้นมาจุกที่ลำคอ บ้านหลังนี้เน้นเื่ความเป็ส่วนตัวมากจึงไม่มีพ่อบ้านหรือแม่บ้านเดินวนเวียนอยู่ในเขตคฤหาสน์กลางดึกเช่นนี้ แต่เขากลัวว่าอีกสองคนที่รอคอยทำโทษเขาอยู่จะมาเห็น เขาไม่อยากถูกขัดจังหวะ พร้อมกับความบ้าระห่ำของเขาบอกว่าให้ตามใจโจไซอา
“ไหนว่าอยากทำอะไรบ้า ๆ ไงเอเดน ไม่มีใครมาเห็นเราหรอก ฉันพนันได้เลย” โจไซอาพูดความจริงด้วยเสียงหนักแน่น คนในคฤหาสน์กริฟฟิน รวมถึงคนงานที่อยู่บ้านพักด้านหลังหลับสนิทแล้วทั้งหมด
“ครับ”
โจไซอายกยิ้ม ภาคภูมิใจในความสามารถโน้มน้าวจิตใจมนุษย์ให้คล้อยตามโดยไม่ใช้มนตร์สะกดจิตของตัวเองเลยสักนิด หารู้ไม่ว่าการคล้อยตามของเอเดนไม่ใช่เพราะคำพูดโน้มน้าว แต่คือห้วงอารมณ์ความลุ่มหลง ที่โจไซอาเองก็มีให้เอเดนมากพอกัน ทั้งคู่จึงยอมทำตามที่อีกฝ่ายของ่าย ๆ โดยไม่ตั้งคำถาม
“ไปกันเถอะครับ”
“เดี๋ยวก่อน”
ก่อนที่เอเดนจะจูงมือโจไซอาออกไปสระว่ายน้ำในร่มซึ่งอยู่ชั้นหนึ่งปีกซ้ายสุดของคฤหาสน์ โจไซอาหยุดยืนนิ่งกับที่แล้วล้วงมือเข้าไปในเสื้อคลุมอาบน้ำเพื่อถอดกางเกงชั้นในสีขาวทรงสามเหลี่ยม เขาชูมันขึ้นระดับอกให้เอเดนเห็น
“เธอลืมถอดอันนี้ได้ไง” เขาพูดติดตลก โยนมันรวมกับกองเสื้อผ้าที่เพิ่งถอดก่อนหน้านี้ท่ามกลางเสียงหัวเราะทุ้มต่ำของเอเดน
การถอดเสื้อผ้ากองทิ้งกับพื้นไม่เก็บให้เป็ระเบียบเป็เื่ที่เอเดนรับไม่ได้ ไม่ว่าตัวเองจะเป็คนทำ หรือคนอื่นทำเช่นนี้ในห้องนอนของเขา แต่กับโจไซอาเขาให้เป็ข้อยกเว้น เพิกเฉยต่อความไม่เรียบร้อยแล้วโอบเอวพาร่างเพรียวบางไปที่สระว่ายน้ำตามความ้า
ที่นี่เป็สระว่ายน้ำทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่เล็กกว่าสระสำหรับการแข่งขันไม่มาก โดยรอบเป็หินอ่อนลวดลายสีครีมสลับสีขาวหม่น มีเสาแบบโรมันตั้งเรียงกัน เก้าอี้เอนหลังจัดวางเป็คู่ ๆ ที่ริมสระว่ายน้ำ น้ำภายในสระใสเป็ประกายเล่นกับแสงไฟที่เปิดใต้สระ มันนิ่งสงบจนกระทั่งโจไซอานั่งที่ขอบสระแล้วหย่อนขาลงไปแช่ อุณหภูมิน้ำค่อนข้างเย็น ซึ่งเหมาะกับอากาศอบอ้าว่หน้าร้อน
“ชอบไหมครับ”
“อือ ถ้ามีเหล้าด้วยจะชอบมากกว่านี้”
สระว่ายน้ำในร่มเหมาะกับการจัดงานเลี้ยงพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากที่สุดจนโจไซอาต้องเอ่ยถึงเครื่องดื่มที่โปรดปราน เขาไม่คาดหวังว่าเอเดนจะไปหามาให้ได้ เพียงแค่พูดขึ้นมาโดยไม่คิดอะไร เพราะจำได้แม่นว่าเอเดนไม่ชอบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ร่างสูงกลับเดินไปที่มุมหนึ่ง ซึ่งเป็บาร์หินอ่อน มีตู้และชั้นวางเป็ไม้สีเข้ม มือแสนวิเศษของเอเดนหยิบขวดคอนญักออกมา ดวงตากลมเฉี่ยวสีน้ำตาลจึงลุกวาวเป็ประกาย
“เป็ไปได้ไงเนี่ย” ร่างเพรียวบางรีบลุกขึ้นไปที่บาร์ รับขวดคอนญักจากมือเอเดนมามองสำรวจ แล้วมองขวดเหล้าหลากหลายชนิดที่เรียงรายในตู้
“ผมไม่ค่อยรู้จักเท่าไร ถ้าคุณพอจะเลือกขวดที่รสไม่ขมและเบาที่สุดให้ผมได้ ผมจะดื่มเป็เพื่อน” โจไซอาหัวเราะกับคำขอร้องน่าเอ็นดู แล้วพยายามกวาดตามองตู้ด้านล่าง รวมถึงตู้แขวน และพบเพียงเหล้ารสชาติแรง เพราะนี่เป็บาร์สำหรับเตรียมเครื่องดื่มค็อกเทล
“เสียใจด้วยนะเอเดน แต่ว่าไม่มีเลยสักอย่าง”
ความดีใจที่ได้เหล้าคอนญักอายุหลายปีคุณภาพดีมาไว้ในอ้อมแขนทำให้มีรอยยิ้มอารมณ์ดีปรากฏบนใบหน้าสวยแทบตลอดเวลา ความสุขจากเขาแผ่ไปถึงเอเดน ครอบคลุมและฟุ้งอยู่ในอากาศ ราวกับเป็หมอกบางที่ความหวานหอมกั้นทั้งคู่ออกจากคุกโหดร้ายของตระกูลกริฟฟิน
โจไซอาเปิดตู้แขวนเพื่อตามหาแก้วสำหรับคอนญัก จนเจอแก้วทรงอวบอ้วนก้นกว้างมีฐานและก้านสั้น ๆ อยู่ที่้าสุด เขาเขย่งปลายเท้ายังไม่ทันได้เอื้อมแขนขึ้นไป เอเดนก็ชิงคว้าไปก่อนโดยที่ไม่ต้องเขย่งด้วยซ้ำ อีกฝ่ายยืนซ้อนหลังจนแนบชิด แล้วส่งแก้วให้เขาด้วยแววตาที่มองมาอย่างเร่าร้อน
“ขอบคุณเอเดน” เทพแห่งการร่วมประเวณีกลับเพิกเฉยความ้าของมนุษย์เพราะเขาสนใจเหล้ามากกว่า โจไซอาเปิดฝาแล้วรินมัน ยกแก้วทรงเตี้ยในมือขึ้นดมกลิ่นก็รู้สึกถึงรสชาติดีเยี่ยม
“คุณดูชอบมันมากเลยนะ” เสียงทุ้มแสดงความน้อยใจจนโจไซอาหัวเราะ แล้วกอดขวดคอนญักที่แขนซ้าย ส่วนมือขวาถือแก้วในอุ้งมือเดินจิบเล็กน้อยระหว่างเดินไปนั่งแช่ขาที่ริมสระ
โจไซอาจิบเครื่องดื่มคอนญักที่ไม่ได้ผ่านลิ้นและลำคอมาหลายสิบปี เพราะพ่อของเขาให้เลิกดื่มเหล้าชนิดนี้จากเหตุการณ์ครั้งก่อนที่สร้างความวุ่นวายในโลกมนุษย์ด้วยความมึนเมา แม้ไม่ผิดกฎเทพ แต่ผิดกฎหมายของมนุษย์เพราะเขาทำลายทรัพย์สินหลายอย่างจนพ่อต้องตามเก็บสะสางให้ แต่ยามนี้เขาได้นั่งดื่มมันอย่างสบายอารมณ์ แกว่งขาแช่น้ำเย็นในสระไปมาจนเกิดกระแสคลื่นเล็ก ๆ
เสียงผ้าตกลงบนพื้นดังขึ้นข้างหูจากการปลดปมเชือกเสื้อคลุมอาบน้ำและถอดมันออกจากกาย ตามมาด้วยชายหนุ่มรูปร่างดีที่ะโลงสระว่ายน้ำจนสายน้ำกระเด็นโดนโจไซอา เขายิ้มหัวเราะเสียงหวานน่าฟัง ส่งต่อความอารมณ์ดีให้เอเดนที่ขึ้นมาจากน้ำ แล้วยกมือเสยผมสีดำไปด้านหลัง ก่อนจะค่อย ๆ เดินมาวางแขนซ้อนกันตรงขอบสระ ชิดต้นขาโจไซอา
“นี่เรียกว่าคอนญัก?”
“อือ” โจไซอายักคิ้ว กระดกอึกสุดท้ายจนหมดแก้ว และหันไปเปิดจุกขวดเพื่อรินแก้วที่สอง “เธอลองชิมดูสิเอเดน”
“ไม่ครับ ขอบคุณ” เอเดนใช้แขนสองข้างดันตัวเองออกจากขอบสระ แล้วมุดลงใต้น้ำหลบหนี แค่การกระทำง่ายดายเ่าั้ทำให้โจไซอาหัวเราะได้ และเขายิ้มหัวเราะเพราะเอเดนในวันนี้มากกว่าตอนอยู่ที่เมืองเทพสิบวันรวมกัน
โจไซอาคิดว่าเขาต้องหยุด เพราะร่างกายมึนเมาได้รวดเร็วหากดื่มคอนญัก เขารินแก้วสุดท้ายให้ตัวเองเพียงแค่ให้ดื่มอีกอึกสองอึก แทบลืมสนิทว่ามีชายหนุ่มหุ่นดีแช่ตัวอยู่ในน้ำครึ่งหนึ่งเป็อาหารตาให้เขาอยู่ จนเอเดนโผล่ขึ้นจากน้ำตรงกลางระหว่างขาสองข้างของเขาจึงรู้สึกตัว
“ผมคิดผิดแล้วที่เอาให้คุณดื่ม”
“ฮ่า ๆๆ แก้วสุดท้ายแล้ว”
ระหว่างที่โจไซอาดื่มแก้วสุดท้าย เอเดนช้อนตามองคนที่นั่งอยู่ขอบสระด้วยห้วงความลุ่มหลงมหาศาล เสื้อคลุมสีเทาเข้มตัดกับผิวสีนวลเนียนและผมสีทองหม่นได้ดี และสาบเสื้อคลุมแหวกออกจากกันจนเห็นแผ่นอกบางซึ่งคนสวมไม่คิดจะกระชับเสื้อมาปกปิด มือหนาจับข้อเท้าเรียวบางใต้น้ำ ยกมันขึ้นมาและลูบไล้ด้วยปลายนิ้วอย่างชื่นชม ค่อย ๆ กดจูบหลังเท้าอย่างที่เคยทำ เรียกร้องความสนใจจนโจไซอาเหลือบมองโดยที่ยังมีแก้วติดกับริมฝีปาก
“ผมชอบคุณมากเลยนะ”
tbc.
#เฮเซลอาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้