เดิมกระบองยาวเก้าฟุตเก้านิ้วดูแล้วยาวยิ่งนัก แต่เมื่อเทียบกับร่างกายของอาหนานแล้ว กลับเหมือนไม้ไผ่ท่อนเล็กๆ ท่อนหนึ่ง หลังจ้านอู๋มิ่งหมุนควงด้วยสองมือ กระบองเทิดฟ้ากวาดข้ามนภากาศ สายตาของผู้ชมโดยรอบปรากฏประกายสยองขวัญขึ้นวูบ
การเคลื่อนไหวของกระบองเทิดฟ้าคล้ายดั่งจะรบกวนพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ของฟ้าดิน ความเร็วดุจดั่งจะแบ่งนภากาศออกเป็สองส่วน ทุกคนััถึงความรู้สึกหนักอึ้งสายหนึ่ง ราวกับนภากาศทนรับพลังทลายมวลอากาศนี้ไม่ได้ ปรากฏรอยแตกขึ้นแล้ว
ใช่แล้ว เป็รอยแตก! รอยแตกเล็กๆ ปรากฏขึ้นแล้วกลางอากาศเมื่อกระบองเทิดฟ้าของจ้านอู๋มิ่งฟาดผ่าน เลวี่ยเหวินซิวและเจิงฉู่ไฉกับยอดฝีมือจักรพรรดิาคนอื่นๆ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็ตกตะลึงและประหลาดใจ บุคคลระดับปรมาจารย์นักยุทธ์สองคนต่อสู้กัน ถึงกับทำให้เกิดรอยแตกขึ้นกลางอากาศ นี่คือเื่อันใดกัน นี่คือการสัประยุทธ์แบบไหนกัน เลวี่ยเหวินซิวลอบตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลงจะไม่รั้งรอใดๆ จะพาจ้านอู๋มิ่งกลับสำนักโดยตรงทันที มิสนใจการคัดเลือกครั้งใหญ่ที่ว่าแล้ว ไปพบผีสางเสียเถอะ เหล่าบรรดาอัจฉริยะในใต้หล้า คนผู้นี้คนเดียวก็เพียงพอแล้ว
หากไม่ตอบสนองโดยฉับไว เกรงว่าสำนักนิกายอื่นๆ จะลงมือแย่งชิงตัวจ้านอู๋มิ่งไปได้ เขามองเห็นสำนักิญญาเร้นลับ สำนักิญญา์ สำนักบริบาลปีศาจ ตลอดจนสำนักเบญจพิษ สายตาของเหล่าบรรดาตัวประหลาดเฒ่าเหล่านี้ล้วนกำลังเปล่งประกายเรืองรอง เหมือนกับมองเห็นของวิเศษก็ปาน
ยอดฝีมือจักรพรรดิาหลายคนของสำนักบริบาลเดรัจฉานสบตากับเลวี่ยเหวินซิวคราหนึ่ง ล้วนคาดเดาความคิดของเลวี่ยเหวินซิวออก ลอบผงกศีรษะเล็กน้อย ยามนี้การคัดเลือกใหญ่ของสำนักนิกายไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ขอเพียงสามารถรับประกันว่าจ้านอู๋มิ่งสามารถเข้าสำนักบริบาลเดรัจฉานได้สำเร็จ คนอื่นๆ ล้วนไม่สำคัญแล้ว
“ตูม!” กระบองเทิดฟ้าฟาดลงหนักๆ บนสองฝ่ามือั์ของอาหนาน ก่อนหน้านี้จ้านอู๋มิ่งใช้มือเปล่า ยามนี้เปลี่ยนมาเป็อาหนานที่ใช้มือเปล่า
เืเนื้อกระเซ็นไปทั่วทิศ อาหนานส่งเสียงครวญครางต่ำๆ ขึ้นคราหนึ่ง ภายใต้การโจมตีครั้งเดียว กระบองเทิดฟ้าของจ้านอู๋มิ่งตีจนฝ่ามือของอาหนานเกิดเป็ร่องโลหิตลึกๆ สายหนึ่ง ร่างกายที่เหมือนเนินเขาลูกหนึ่งซวนเซถอยหลังสี่หรือห้าก้าวแล้วล้มลง ร่างของจ้านอู๋มิ่งก็ถูกแรงสะท้อนดีดจนตัวลอยขึ้น ตีลังกาหลายรอบกลางอากาศค่อยลงสู่พื้น
ผลลัพธ์นี้เกินความคาดหมายของทุกคน เพราะทุกคนต่างคาดหวังกับชีพจรสายเืบรรพบุรุษค่างคิงคองมหาปฐีอย่างมาก ทว่าประสบความพ่ายแพ้ในเงื้อมมือจ้านอู๋มิ่ง ฝ่ามือใหญ่ข้างนั้นนับว่าไร้ประโยชน์แล้ว
จ้านอู๋มิ่งเองก็ประหลาดใจ สิ่งที่ผู้อื่นประหลาดใจก็คือเขาสามารถโจมตีอาหนานผู้มีชีพจรสายเืบรรพบุรุษค่างคิงคองมหาปฐีจนถอยไป สิ่งที่จ้านอู๋มิ่งประหลาดใจกลับเป็เพราะอาหนานถึงกับไม่ได้รับาเ็อะไรมากนัก น้ำหนักของกระบองเทิดฟ้าเองร่วมเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าตำลึง ภายใต้การฟาดเต็มกำลังของตน น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันมากเพียงพอจะเทียบเท่าหนึ่งแสนชั่งเลยทีเดียว แต่กลับทำให้ฝ่ามือของอาหนานเป็ร่องโลหิตสายหนึ่งเท่านั้น ต่างจากความคาดหวังของจ้านอู๋มิ่งมากเกินไปแล้ว แรงสะท้อนอันทรงพลังนั้นทำให้เขาตีลังกาถอยกลับไปหลายวา ดูแล้วชีพจรสายเืบรรพบุรุษค่างคิงคองมหาปฐีนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
อาหนานนั่งก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้นเวที เหมือนก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งร่วงหล่นกระแทกลง ถึงกับกระแทกจนพื้นเวทีต่อสู้ปรากฏรอยแตกแยกออกเป็เส้นสาย ทุกคนอุทานขึ้นอีกครั้ง พวกเขารู้สึกว่าพลังเหนือธรรมชาติของจ้านอู๋มิ่งหนักหน่วงรุนแรงจนเหลือเชื่อ บางคนถึงขั้นคิดว่าชีพจรสายเืบรรพบุรุษค่างคิงคองมหาปฐีก็เพียงเท่านั้นเอง
“โฮก…” อาหนานส่งเสียงคำรามขึ้นคราหนึ่ง เช่นสัตว์ั์ดุร้ายที่าเ็ ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว สะบัดฝ่ามือข้างที่าเ็ไปมา ความเ็ปเสียดกระดูก ทำให้ดวงตาฉายประกายดุร้ายวาววับขึ้น เส้นผมแดงเพลิงทั่วศีรษะพลิ้วไหวรวดเร็วยิ่งขึ้น สองตาจ้องจ้านอู๋มิ่งเขม็งด้วยความโกรธเคือง แต่ไม่รีบกระโจนเข้าใส่ทันที ถึงแม้จะสูญเสียความสงบเยือกเย็นหลังจากแปลงร่าง แต่เมื่อครู่นี้บอกให้เขารู้แล้วว่าคนตรงหน้าผู้นี้ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
จ้านอู๋มิ่งสูดหายใจลึกๆ คราหนึ่ง สายตาที่มองอาหนานแสดงออกถึงความตื่นเต้นยินดี เวลานี้เองเขาได้ทำสิ่งที่ทุกคนคาดมิถึงอย่างหนึ่ง เขากลับเก็บกระบองเทิดฟ้ากลับเข้าไปในแหวนจักรวาล ก่อนหน้านี้เขาสามารถครองความได้เปรียบเพราะกระบองเทิดฟ้า แต่ว่าเขากลับรู้สึกว่ามันช่างไร้ความหมาย พลังของกายเนื้อไม่ได้รับการขัดเกลามานานมากแล้ว ได้เผชิญคู่ต่อสู้อย่างอาหนาน ทำให้เขามีความคิดบ้าคลั่งขึ้นมาอย่างหนึ่ง กายาอนัตตาของตน เส้นทางที่เดินคือเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกาย ฝึกฌานบ่มเพาะพลังชีวิต ดำรงไว้ซึ่งจิติญญา บนมรรคาเพื่อบรรลุขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ หากแม้กระทั่งกายเนื้อของพลังชีพจรสายเืค่างคิงคองมหาปฐีนี้ก็ยังไม่สามารถเอาชนะละก็ จะสนทนาเื่การบรรลุเทพศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตได้อย่างไร
ในเมื่อ้าย้อนทวน ่ชิงชะตาชีวิตกับฟ้าแล้ว ก็ต้องมีความเชื่อมั่นยิ่งยวด แม้แต่ท้องฟ้าก็ยังทำให้ข้าค้อมเอวลงไม่ได้ กายเนื้อพลังชีพจรสายเืบรรพบุรุษค่างคิงคองมหาปฐีเล็กจ้อยผู้หนึ่งนับเป็อะไรได้ ต่อให้เป็สัตว์อสูรค่างคิงคองมหาปฐีตัวจริงมาปรากฏอยู่ต่อหน้าตนก็ยังต้องสั่นสะท้านเช่นกัน
ทันใดทุกคนล้วนพบว่าสภาวะพลังของจ้านอู๋มิ่งแปรเปลี่ยนไปแล้ว ยังคงเป็ปรมาจารย์นักยุทธ์ผู้นั้น แต่ในสายตาของทุกคน ดูเหมือนว่าจะกลายเป็รูปปั้นสูงตระหง่านแห่งฟ้าดิน ที่กอปรด้วยจิติญญาอันยิ่งใหญ่ไปแล้ว
อาหนานส่งเสียงคำรามแ่เบาคราหนึ่ง ภายในปากขนาดใหญ่ผิดปกติ ฟันแหลมคมกริบสองซี่โผล่ออกมา แต่ทุกคนเห็นเค้าความตื่นตระหนกอยู่ในดวงตาของเขา ขณะจ้านอู๋มิ่งยืนสงบนิ่งเช่นนี้ กลับดูเหมือนดั่งสูงส่งจนสุดเอื้อม เขาไม่สามารถต่อสู้ให้ชนะได้ อย่างไรก็ตามกลับจำเป็ต้องสู้ต่อไป นี่คือชะตากรรม ดังนั้นจึงคำรามเสียงต่ำคราหนึ่งแล้วกระโจนไปทางจ้านอู๋มิ่งทันที
“ตูมม!” อาหนานชกลมไปหมัดหนึ่ง กระแทกลงบนพื้นด้านหลังจ้านอู๋มิ่ง เศษหินดินทรายปลิวว่อน บนพื้นปรากฏหลุมลึกสามฟุตหลุมหนึ่งถูกทิ้งไว้ จ้านอู๋มิ่งเหมือนดั่งต้นหลิวอ่อนแอท่ามกลางสายลมแรง ขยับตัวเบาๆ คราหนึ่ง ปลายหมัดของอาหนานก็เฉียดผ่านร่างของเขาไป
เลวี่ยเหวินซิวสูดหายใจเข้าลึกๆ คราหนึ่ง ภายในใจถึงกับเกิดความตึงเครียด การต่อสู้ระหว่างปรมาจารย์นักยุทธ์คู่หนึ่ง กลับทำให้เขาที่เป็จักรพรรดิารู้สึกตื่นเต้นแล้ว นี่คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขาเห็นว่าภายใต้หมัดอันดุเดือดดุจวายุคลั่ง พิรุณซัดสาดของอาหนาน จ้านอู๋มิ่งมักหาช่องว่างหลบหลีกฉับไว รอดไปได้อย่างหวุดหวิดทุกครั้ง บนพื้นดินแถบนั้นถูกกระหน่ำลงตรงๆ ะเิออกเป็พื้นที่สามตารางฟุตผืนหนึ่ง เป็หลุมลึกกว่าสองฟุต แต่จ้านอู๋มิ่งไม่ตอบโต้คืนแม้แต่ครั้งเดียว
สีหน้าลูกศิษย์ของสำนักกระบี่ิญญาไม่น่าดูอย่างยิ่ง พวกเขาดูออกว่าความว่องไวของจ้านอู๋มิ่งไม่ใช่สิ่งที่อาหนาน ซึ่งแปลงร่างแล้วจะทัดเทียมได้ บางทีพลังของอาหนานอาจจะเหนือกว่าจ้านอู๋มิ่ง แต่กระบวนท่าแตกต่างกันมากมายนัก นี่เป็ข้อบกพร่องอันใหญ่หลวง จ้านอู๋มิ่งไม่ได้ตอบโต้ตลอดมา ยามใดที่จ้านอู๋มิ่งลงมือ ผลจะเป็อย่างไร? หลายคนต่างมิกล้าคาดคิด
“ตูมมม…ตูมมม!” จ้านอู๋มิ่งชกออกสองหมัดอย่างรวดเร็ว หลังจากหลบหมัดหนักของอาหนาน ชกสองหมัดลงตรงน่องของอาหนานอย่างรุนแรง ได้รับผลกระทบทันที จ้านอู๋มิ่งเลือกโจมตีส่วนล่างของอาหนาน
อาหนานส่งเสียงครวญครางอย่างน่าสมเพชสองครั้ง ซวนเซออกมาอีกครั้ง สองหมัดนี้ของจ้านอู๋มิ่ง หลายคนได้ยินเสียงกระดูกแตกหักอย่างชัดเจน แต่อาหนานกลับไม่ได้ล้มลงกับพื้น สองมือยันพื้นคราหนึ่งรองรับร่างกายเอาไว้
จ้านอู๋มิ่งสลัดสองมือเบาๆ คล้ายดั่งว่าสองหมัดที่โจมตีเมื่อครู่จะทำให้มือของเขาเ็ปเล็กน้อย หลังจากนั้นจ้านอู๋มิ่งเป่าลมบนฝ่ามือ กลับมีขนหยิกสีดำหนาหลายเส้นถูกเป่ากระเด็นออกไป ผู้ชมโดยรอบรู้สึกปั่นป่วนขึ้นในใจพร้อมกัน เ้านี่มันเป็คนเช่นไรกันแน่นะ!
ท่าทางการประคับประคองตัวของอาหนานเมื่อครู่นี้ช่างประหลาดยิ่งนัก มือข้างหนึ่งเหยียดใต้หว่างขา เงาสีดำปรากฏขึ้นใต้เสื้อผ้าที่ยืดออกเป็ชิ้นๆ สีหน้าท่าทีของอาหนานก็เเปลกมาก ทุกคนนึกถึงขนที่จ้านอู๋มิ่งเป่าออกจากฝ่ามือของเขา…ลอบก่นด่าในใจ เลวทรามเกินไปแล้ว!
ท่าทางจ้านอู๋มิ่งดูเยาะเย้ย มองอาหนาน แล้วก็มองไปที่กลุ่มผู้าุโสำนักกระบี่ิญญาที่โกรธเคือง พูดขึ้นเสียงดังว่า “มีกางเกงที่ใหญ่กว่านี้หรือไม่ ให้เขาเปลี่ยนหน่อย นี่มันเสื่อมเสียมากเลยทีเดียว…”
เลวี่ยเหวินซิวและศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉานปากอ้าตาค้างไปทันใด ประโยคนี้ขาดคุณธรรมไปหน่อยแล้วกระมัง สำนักกระบี่ิญญาจะวางหน้าไว้ที่ไหน? ลูกศิษย์คนนี้ที่กำลังจะเข้าสำนักก็ช่างไม่ไว้หน้าผู้อื่นบ้างเลย แต่ก็มีความสุขยิ่งนัก เลวี่ยเหวินซิวนิ่งไปสักพัก สุดท้ายก็ยังคงหัวเราะออกมา กลุ่มผู้ชมด้านล่างเวทีก็หัวเราะแล้วเช่นกัน คนผู้นี้ที่ขาดคุณธรรมจนผิดปกติไม่ใช่เพียงการกระทำอย่างเดียว การพูดจาก็ไร้ยางอายเช่นกัน
เจิงฉู่ไฉในใจรู้สึกสำนึกเสียใจแล้ว หากรู้เช่นนี้ั้แ่แรก ยามเมื่ออยู่ในป่าทึบ ฉวยโอกาสลงมือตบมันให้ตายตรงนั้นจะประเสริฐเพียงไร จะได้ไม่ทำให้สถานการณ์กลายเป็เช่นตรงหน้านี้ ต่อให้ไม่ได้ฆ่า เขาก็ไม่ต้องรำคาญใจให้อีกฝ่ายอธิบายอะไรทั้งนั้น เทียบกับเลวี่ยเหวินซิว ตาเฒ่าบ้าคลั่ง อันไหนดีกว่ากันอย่างไร เสียหน้ามากมายเพียงนี้ แม้แต่อาหนาน หนึ่งในศิษย์สายหลักที่เข้มแข็งที่สุดก็อาจดับสูญในที่นี้ ในใจกำลังหลั่งโลหิต ได้ยินเสียงเย้ยหยันโดยตรงของจ้านอู๋มิ่ง เขาทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้วจริงๆ
“เฒ่าเจิง นี่เป็เื่ของผู้เยาว์ พวกเรามีข้อตกลงกันไว้ก่อน…” เลวี่ยเหวินซิวพูดเตือนขึ้นทันที ชั่วขณะหนึ่ง เจิงฉู่ไฉก็รู้สึกลังเลใจขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อเห็นจักรพรรดิาจากสำนักนิกายอื่นก็มองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด ยิ่งรู้สึกว่าเสียหน้ามากขึ้น เพราะนี่เป็เพียงการต่อสู้ในระดับปรมาจารย์นักยุทธ์ ถ้าเขาสอดมือเข้าไปจริงๆ ผลลัพธ์จะยิ่งกว่าการแพ้การแข่งขัน ทำให้สำนักกระบี่ิญญายิ่งเสียหน้ากว่าเดิม เพราะมิเพียงแต่พ่ายแพ้ในการต่อสู้ ชื่อเสียงของสำนักก็ยิ่งเสียหายหนักกว่าเดิมอีกด้วย
ถึงแม้อาหนานจะบ้าคลั่งอย่างยิ่ง แต่ก็ยังมีสติสัมปชัญญะและความนึกคิดของคน ต้องมาเผชิญกับการดูิ่เหยียดหยามของจ้านอู๋มิ่งครั้งแล้วครั้งเล่า อารมณ์โกรธเคืองทำให้สติสัมปชัญญะที่มีอยู่เลือนรางกลายเป็เลอะเลือนขึ้นมา ในสมองมีความคิดเพียงอย่างเดียวคือการต่อสู้ ฆ่าคนที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้เสีย…ดังนั้นเขาจึงคำรามและกระโจนใส่จ้านอู๋มิ่งอีกครั้ง
สายตาจ้านอู๋มิ่งเปล่งประกายบ้าคลั่งขึ้นคราหนึ่ง คำรามเสียงต่ำ งอขาเล็กน้อยไม่หลบหลีก ชกหมัดออกทันที มุ่งตรงใส่สองมือขนาดใหญ่เท่าอ่างล้างหน้าของอาหนาน
หมัดยังมิทันปะทะ พลังหมัดกลับดังประหนึ่งเสียงอสนีบาตคำรามก็มิปาน คล้ายดั่งพลังปราณคมกริบสองสายเกิดการเสียดสีกลางนภากาศ ท่ามกลางอากาศปั่นป่วนเพราะพลังหมัด ปรากฏประจุสายฟ้าขึ้นเป็เส้นสาย ราวกับพลังงานเล็ดลอดออกมาจากบนนภากาศ
“ตูมมม…” สองหมัดปะทะกันดังสนั่น พื้นเวทีประลองเกิดะเิขึ้นกะทันหัน ไม่สามารถทนรับพลังการโจมตีอันมหาศาลของทั้งสอง เศษหินดินทรายกระจายปลิวว่อน ท่ามกลางกองซากหิน ร่างของจ้านอู๋มิ่งถอยออกไปกว่าสิบก้าว นั่งแปะลงกับพื้น ท่ามกลางเสียงอุทานของฝูงชน ร่างอันใหญ่โตมหึมากลับเข่าอ่อนทรุดตัวแรง ถึงกับคุกเข่าลงบนพื้น สองหมัดที่จ้านอู๋มิ่งชกใส่กระดูกขาของเขามาก่อนหน้า ภายใต้การโจมตีอันหนักหน่วงรุนแรงนั้นได้รับผลกระทบทันที อาหนานมิสามารถควบคุมขาที่กระดูกแตกหักได้อีกต่อไป ลำตัวที่เหมือนเนินเขานั้นน้ำหนักมากยิ่งนัก ยามนี้กลายเป็ฟางเส้นสุดท้ายที่จะบดขยี้ให้ตาย
จ้านอู๋มิ่งดิ้นรนคราหนึ่ง ลุกขึ้นยืนตัวโอนเอนไปมา หัวเราะร่าขึ้นเสียงดังลั่น เนิ่นนานต่อมาฝุ่นคลุ้งกระจายซาลงแล้ว สีหน้าซีดขาวจ้านอู๋มิ่งฉายแววสนุกสนานสุดจะเปรียบพลางพูดขึ้นว่า “สาสมใจ...สาสมใจจริงๆ!”
ภายใต้ฝุ่นผงร่วงโรยลง ร่างของอาหนานกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้บนร่างไม่สามารถค้ำจุนการแปลงร่างของเขาได้อีกต่อไป เวลานี้สภาพของอาหนานสะบักสะบอมยิ่งนัก เห็นชัดว่าาเ็แล้วาเ็อีก ไม่สามารถส่งคุกคามต่อจ้านอู๋มิ่งได้อีกต่อไปแล้ว
“เ้าชนะแล้ว!” อาหนานหวนกลับคืนความสงบเยือกเย็นลงอีกครั้ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชาคำหนึ่ง
จ้านอู๋มิ่งชนะแล้ว ชายหนุ่มผู้เย่อหยิ่งผู้นี้ต่อสู้ชนะอาหนาน บุคคลอันดับหนึ่งภายใต้ราชันาของสำนักกระบี่ิญญา อาหนานเคยประมือกับเจี้ยนหลิงจื่อ ผลออกมาเสมอกัน แต่ครั้งนั้นอาหนานมิได้ใช้พลังชีพจรสายเืบรรพบุรุษ วันนี้หลังจากอาหนานใช้พลังชีพจรสายเืบรรพบุรุษแปลงร่างแล้วถูกจ้านอู๋มิ่งโจมตีจนพ่ายแพ้ เป็การโจมตีด้วยพลังต่อสู้กับพลังที่ไร้ลูกเล่นหรือลวดลายใดๆ ทั้งสิ้น
หากกล่าวว่าก่อนหน้านี้จ้านอู๋มิ่งใช้ลูกเล่นจึงสามารถชนะอิ๋นเจี้ยนจื่อและชางลู่จื่อ เอาชนะอย่างไร้ยางอาย การต่อสู้กับอาหนานครั้งนี้กลับทำให้ทุกคนทราบว่าท่ามกลางเหล่าบรรดาอัจฉริยะ จ้านอู๋มิ่ง ผู้นี้จึงจะเป็ราชันอย่างแท้จริง บุคคลอันดับหนึ่งใต้ขอบเขตราชันา ถึงแม้เจี้ยนหลิงจื่อและเฉวียนจูผิงของสำนักกระบี่ิญญาจะออกมา ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม
จ้านอู๋มิ่งต่อสู้กับอาหนานหลังจากแปลงร่างแล้ว นอกจากการโจมตีครั้งแรกแล้วมิได้ใช้อาวุธใดๆ ทั้งสิ้น จ้านอู๋มิ่งมิได้ใช้อาวุธใดๆ ให้ต่อสู้ชนะอาหนาน แต่ใช้กายเนื้อและพละกำลังล้วนๆ คล้ายดั่งกำลังบอกให้ทุกคนทราบว่าจนถึงตอนนี้ แม้แต่อาหนานก็ไม่คู่ควรให้จ้านอู๋มิ่งใช้อาวุธ คนผู้นี้ทำให้เหล่าบรรดาอัจฉริยะรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งทั้งตัว หากตนเองเผชิญกับจ้านอู๋มิ่ง ตนยังมีโอกาสรอดชีวิตหรือไม่?
จ้านอู๋มิ่งยิ้มเฉยชาพลางกล่าวว่า “เ้าอยู่ในสำนักกระบี่ิญญาช่างเป็เื่น่าเสียดายแล้ว หากอยู่ในสำนักบริบาลเดรัจฉาน พลังชีพจรสายเืบรรพบุรุษของเ้าจะได้รับการกระตุ้นให้ดีมากยิ่งขึ้น”
คำพูดของจ้านอู๋มิ่ง ทำให้บรรดาคนในสำนักกระบี่ิญญาแปรเปลี่ยนอีกครั้ง นี่คือการตบหน้าโดยตรง มิเพียงแต่ตบหน้าเท่านั้น แต่หลังจากตบหน้าแล้วยังกระทืบซ้ำด้วยอีกเท้าหนึ่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้