หลังจากเสร็จสิ้นการนวดฝ่าเท้าแล้ว หยางเฉินก็ถอดถุงเท้าเหม็นๆ ทิ้งไปเปลี่ยนมาสวมรองเท้าแตะผ้าฝ้ายแทนและพาตัวเองกลับไปยังสถานที่ประชุมเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ
เมื่อมาถึงหยางเฉินก็เห็นบอดี้การ์ดที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเห็นได้ชัดว่าทุกคนรับรู้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว แถมตำรวจยังกักกันไม่ให้ผู้ใดออกจากที่นี่
หลินรั่วซีเห็นหยางเฉินเดินมาพร้อมรองเท้าเตะกับขากางเกงที่ถูกเลิกขึ้น เหมือนเกษตรกรผู้ชำนาญการในการทำไร่ดูไม่เหมาะสมกับสถานที่และงานเป็อย่างยิ่ง เธอก็อยากจะเข้าไปบีบคอหยางเฉินจะใจขาด!
หลี่มู่หัว และเฉิงซินหลินต่างยิ้มให้หยางเฉินเช่นกัน
"คุณหยางผมเสียใจจริงๆที่ไม่ได้ร่วมสนทนาธุรกิจกับคุณ" หลี่มู่หัวยังคงสุภาพกับหยางเฉินแม้หยางเฉินจะเป็เพียงพนักงานเล็กๆ ของอวี้เหล่ยเท่านั้น
หยางเฉินโบกมือพลางกล่าวว่า
"คุยไปก็ไม่เข้าใจหรอก ถ้าพวกคุณยังคุยไม่เสร็จผมก็อดกินอาหารเย็นกันพอดี"
เฉิงซินหลินหันมากล่าวกับหลินรั่วซีว่า
"รั่วซี พวกเราพูดคุยกันมานานแล้วเริ่มขั้นตอนเซ็นสัญญากันเลยมั้ย"
"แล้วคุณหลี่ล่ะคะ?" หลินรั่วซีเอ่ยถามหลี่มู่หัว
หลี่มู่หัวหัวเราะ "ผมรอคำนี้มานานแล้วครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
เมื่อบทสนทนาดังกล่าวจบลงทั้งสามบริษัทก็ลงนามในสัญญาทางธุรกิจที่โต๊ะยาวผู้ร่วมงานทุกคนต่างยินดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พลางคิดถึงว่าความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะนำมาซึ่งผลกำไรอย่างมหาศาล
โม่เชี่ยนนีรีบเข้ามาหาหยางเฉินพร้อมรองเท้าหนังคู่ใหม่ที่ไม่รู้ว่าไปหามาจากไหน
"นายไปหารองเท้าแตะนี้มาได้ยังไงกันรีบสวมรองเท้าใหม่ เร็วเข้า"
“ผมเห็นว่าการเซ็นสัญญายังไม่เริ่มสักทีผมเลยไปเปลี่ยนเป็รองเท้าแตะน่ะครับ”
หยางเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่ความจริงแล้วที่เขาต้องเปลี่ยนรองเท้าเพราะคู่เก่าของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเืนั่นเอง
โม่เชี่ยนนีกลอกตามองหยางเฉินแล้วกล่าวว่า
"งานยังไม่จบสักหน่อย นายจะรีบไปทำไมฮะ!"
หยางเฉินเกาหัวกล่าวว่า
"ยังไม่เสร็จอีกเหรอครับ? งานยังไม่เสร็จ ผมก็อดกินข้าวแล้วก็ไม่ได้ไปนอนเตียงนุ่มๆ ที่เสฉวนด้วย"
"ฉันบอกให้รีบใส่รองเท้า แล้วหยุดพูดไร้สาระได้แล้ว"
หยางเฉินยอมสวมรองเท้าคู่ใหม่แต่โดยดี และเดินตามโม่เชี่ยนนีไปหาหลินรั่วซี
ในการเซ็นสัญญาหน้าหนึ่งใช้เวลาเกือบ 5 นาทีแต่เมื่อผู้บริหารทั้งสามร่วมลงนามในสัญญาเสร็จสิ้นลงแล้ว สัญญาฉบับนี้จึงมีผลบังคับใช้ในทันที
หลังจากที่เซ็นสัญญาเสร็จสิ้นบริบูรณ์แล้วสามผู้บริหารก็แย้มยิ้มพลางจับมือกัน ด้วยความยินดี ถึงแม้หยางเฉินจะไม่ทราบเื่ราวเกี่ยวกับแวดวงธุรกิจมากนักแต่ก็สามารถรู้ได้ทันทีว่า การร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็เื่ที่ยิ่งใหญ่
หลินรั่วซี หลี่มู่หัว และเฉิงซินหลิน จับมือกันกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า
"ตามข้อตกลง ก่อน 12:00 น.หรือเที่ยงวันของพรุ่งนี้ ทางบริษัทอวี้เหล่ยจะโอนเงินจำนวนห้าพันล้านหยวนเข้าไปในธนาคารสวิตเซอร์แลนด์"
"ทางฉางหลินเองก็จะโอนเข้าไป ห้าพันล้านเช่นกันและเมื่อรวมกับของมู่หยุนอีกสองพันล้านแล้ว ผมคิดว่าด้วยจำนวนเงินทุนขนาดนี้เราอาจใช้เวลาไม่ถึงหกเดือนก็สามารถเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของเราได้แล้ว" เฉิงซินหลินหัวเราะขึ้นอย่างร่าเริง
หลี่มู่หัวเองก็กล่าวอย่างมั่นใจว่า
"ด้วยแรงสนับสนุนที่แข็งแกร่งของทั้งสองบริษัท แม้ห้องแล็บของซูจื้อหงจะล้ำหน้าสักแค่ไหนก็ไม่สามารถที่จะตามเราได้ทันอย่างแน่นอน"
หลังจากกล่าวจบ ทั้งสามก็บอกลากัน ถือว่าเสร็จสิ้นการลงสามสัญญาธุรกิจเพื่อการเริ่มต้นอันยิ่งใหญ่
อวี้เหล่ยในฐานะเ้าภาพออกมาเป็กลุ่มสุดท้าย ภายใต้การนำของโม่เชี่ยนนีหยางเฉินก็มาถึงลานจอดรถ ตามด้วยหลินรั่วซีที่ตามออกมาเป็คนสุดท้าย
หลินรั่วซีดูเหมือนเหนื่อยเล็กน้อย เมื่อเดินมาถึงเธอก็พบหยางเฉินและโม่เชี่ยนนีที่กำลังยืนรออยู่ก่อนแล้ว
"ไปกันเถอะ เชี่ยนนีเธอขับนะ"
กล่าวจบหลินรั่วซีก็เปิดประตูรถเข้าไปนั่งตรงเบาะหลังทันที
นั่นทำให้หยางเฉินต้องเลือกว่าจะนั่งข้างคนขับหรือว่านั่งเบาะหลังร่วมกับหลินรั่วซี
ดูเหมือนสาวน้อยจะใช้วิธีบีบบังคับ หยางเฉินไม่อาจทำอย่างไรได้เขาหันไปสบตากับโม่เชี่ยนนี
โม่เชี่ยนนียิ้มกะพริบตาบอกว่าเธอไม่เป็ไร
หยางเฉินจึงเข้าไปนั่งข้างๆ หลินรั่วซีแล้วเอ่ยถามขึ้นว่า
"เราจะไปไหนกันต่อ ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก"
หลินรั่วซีหรี่ตากล่าวว่า
"ไปรีสอร์ตของฉัน”
"รีสอร์ต? ไปทำไม?" ในหัวของหยางเฉินเกิดข้อสงสัยมากมาย
"นอน" หลินรั่วซีพูดขึ้นเพียงสั้นๆ
โม่เชี่ยนนีขับรถไม่เร็วนัก แม้การจราจรบนท้องถนนจะน้อยเนื่องจากเป็เวลากลางคืนดังนั้นกว่าจะมาถึงรีสอร์ตก็ใช้เวลาไปถึงสี่สิบนาที
หลังจากลงจากรถ อู๋เยวี่ยเลขาของหลินรั่วซีก็ออกมาต้อนรับพร้อมพนักงานต่างๆ
"บอสหลิน หัวหน้าโม่พวกเราจัดเตรียมห้องพักไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ" อู๋เยวี่ยยังคงมีท่าทีที่เ็าเช่นเดียวกับหลินรั่วซี
"จัดเตรียมอาหาร และห้องให้หยางเฉินด้วย" หลินรั่วซีกล่าวกับอู๋เยวี่ย
อู๋เยวี่ยประหลาดใจเล็กน้อย เธอชำเลืองมองหยางเฉินและไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ แต่เธอก็ยังคงพยักหน้ารับทราบ
แม้จะไม่ได้พูดออกมา แต่หลินรั่วซีก็ยังไม่ลืมว่าสามีของเธอยังไม่ได้ทานมื้อเย็นนั่นทำให้หยางเฉินรู้สึกพอใจเป็อย่างมาก
หลังจากนอนหลับพักผ่อนไปคืนหนึ่งหยางเฉินก็ตื่นขึ้นมาในห้องพักที่สะอาดสะอ้านของรีสอร์ต
รีสอร์ตแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากชานเมือง มีทะเลสาบเล็กๆ ล้อมรอบูเาทิวทัศน์ที่เงียบสงบ
นั่นทำให้หยางเฉินรู้สึกดียิ่ง ยานพาหนะก็น้อย แขกที่มาพักก็ไม่มาก
เมื่อหยางเฉินจะกลับไปที่ห้องพัก บริกรมาก็มาหยุดเขาไว้เสียก่อน
"คุณหยาง บอสหลินเชิญคุณไปรับประทานอาหารเช้าค่ะ"
หยางเฉินไม่คิดว่าหลินรั่วซี และโม่เชี่ยนนีจะตื่นเช้ากันขนาดนี้และเมื่อมาถึงห้องอาหาร เขาก็เห็นหญิงสาวทั้งสองนั่งเผชิญหน้ากำลังพูดคุยอะไรบางอย่างกันอยู่
เมื่อเห็นหยางเฉินเข้ามาพวกเธอก็พยักหน้าให้อย่างเรียบง่าย
หยางเฉินตักข้าวใส่จานแล้วดึงเก้าอี้นั่งอยู่ตรงกลางของทั้งสองก่อนยิ้มและถามว่า
"พวกคุณไม่ได้มาที่นี่เพื่อพักผ่อนจริงๆ ใช่มั้ย"
"ในฐานะผู้ดูแลโครงการนายจะได้รับการพิจารณาความดีความชอบ ที่นายได้ไปเล่นอะไรไว้" หลินรั่วซีกล่าว
"เล่นอะไรงั้นหรือครับ?"
"นายก็รู้เนื้อหาหลักของสัญญา"
หยางเฉินพยักหน้า "อวี้เหล่ยและฉางหลินลงทุนคนละห้าพันล้าน ส่วนมู่หยุนลงทุนสองพันล้านหุ้นที่เราได้รับคือ 65% ส่วนฉางหลินและมู่หยุนได้ 25% และ 20% ตามลำดับ"
หลินรั่วซียิ้มเหลือบมองไปที่หยางเฉิน
"หุ้น 65% จากมู่หยุนโดยตรง ฉันไม่รู้ว่านายทำได้อย่างไร แต่นายทำมันได้ยอดเยี่ยมมาก"
"นี่คือคำชมในฐานะภรรยาหรือเ้านายล่ะครับ?" หยางเฉินถามยิ้มๆ
"แตกต่างกันอย่างไร" หลินรั่วซีขมวดคิ้วเธอรู้สึกว่า หยางเฉินพูดจาเล่นลิ้นกับเธอ
"แน่นอนว่าย่อมแตกต่างภรรยาย่อมต้องจูบสามีเป็รางวัล แต่เ้านายต้องให้โบนัสพนักงาน" หยางเฉินกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
หลินรั่วซีได้ยินดังนั้นก็นั่งหน้าแดงอยู่ตรงข้ามโม่เชี่ยนนีผู้ชายคนนี้เริ่มที่จะออกลายอีกแล้ว เธอกระแอมไอพร้อมกล่าวว่า" ซูจื้อหงจะมาแล้ว"
"นี่ จู่ๆ ก็เปลี่ยนเื่ได้ยังไง... หืม คุณพูดว่าซูจื้อหง?" หยางเฉินถามต่อว่า "ซูจื้อหง มาที่นี่ได้ยังไงกัน?"
โดยไม่รอให้หลินรั่วซีตอบ เสียงหัวเราะแสนอร่อยก็ดังขึ้น
"ฮ่าๆ ๆ คุณหยาง ของสนุกๆแบบนี้ผมจะพลาดได้ยังไงกันล่ะครับ" ซูจื้อหงในชุดสูทสีขาวเนกไทแดง คล้ายเ้าชายรูปงามผู้เปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์ตามด้วยเหมาฉิวและลูกน้องอีกสามคนปรากฏตัวขึ้นในทันที