เมื่อเห็นนางเงียบอีกครั้ง เมิ่งเซวียนจึงอธิบายอย่างลังเล “ตอนนี้ข้าหนาวมาก เห็นผ้านวมของเ้าดูนุ่มและดูอบอุ่นจึงควบคุมตัวเองไม่ได้…แน่นอนว่าข้าคิดจะไปหาเตียงกับผ้าห่มนอนที่ห้องข้าง ๆ แต่จู่ ๆ ...ข้าก็อยากหาเพื่อนสักคน คุณหนูเหอ เ้าคงไม่ถือสาที่ข้าล่วงล้ำความเป็ส่วนตัวของเ้ากระมัง?”
จู่ ๆ เหอตังกุยก็รู้สึกราวมีขนนกในหัวใจ จิตใจของเด็กน้อยผู้นี้โดดเดี่ยวเหมือนนาง ที่แท้ก็อยากหาเพื่อนสักคน เช่นนั้นพวกเขาก็ควรเป็เพื่อนของกันและกัน นางจึงพูดเบา ๆ “ข้าให้เ้ายืมผ้านวมอีกครึ่งหนึ่งได้ เ้าก็ให้ข้านอนบนแขนของเ้า พวกเราจะนอนเป็เพื่อนกันทั้งคืน”
เมิ่งเซวียนตะลึงงันเล็กน้อย ก่อนพยักหน้าเอ่ย “ได้ เช่นนั้นข้าจะยกขาไว้บนตัวเ้า” เมิ่งเซวียนโอบกอดร่างเย็นเยือกด้วยแขนซ้ายพลางยกขาซ้ายไปข้าง ๆ เขาพยายามทำให้ร่างของนางเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนวางมือซ้ายที่ท้องของนาง หน้าอกของเขาแนบชิดแผ่นหลังบาง เหอตังกุยในอ้อมแขนเอ่ยอย่างเกียจคร้าน “ลงไป เ้าหนักมาก”
“ชู่...สาวน้อย ข้ามีบางอย่างจะบอก” จู่ ๆ เมิ่งเซวียนก็กระซิบข้างหู “เ้าไม่ต้องกลัว ไม่ต้องพูดอะไร นิ่ง ๆ ตั้งใจฟังข้าก็พอ ตอนเล่นหมากรุกข้ารู้ว่าเ้าไม่ใช่คนธรรมดา ต่อมาเมื่อนักฆ่าปรากฏตัว เ้าก็รีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหล่าไท่ไท่ เมื่อข้าห้ามเ้าก็พบว่าเ้ามีกำลังภายในในเส้นลมปราณ แต่กำลังภายในของเ้าไม่คงที่ บางครั้งก็เข้มแข็ง บางครั้งก็ไม่เป็เช่นนั้น ข้าสับสนว่าเหตุใดสตรีถึงมีกำลังภายในที่แข็งแกร่งเพียงนี้ แต่ข้าก็ซ่อนมันไว้ในใจ ไม่ได้ถามออกไป”
เมื่อพูดไปถึงครึ่งร่างของคนในอ้อมกอดก็แข็งทื่อ เขาจึงตบไหล่นางพลางเอ่ยปลอบ “ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย ฟังข้าก่อนได้หรือไม่ เมื่อครู่หลังเ้ากลับห้อง ข้าเห็นดวงตาของเ้าวูบไหว เดี๋ยวก็สดใส เดี๋ยวก็มืดหม่น จมูกของเ้าขยับไม่หยุดหย่อนแต่ก็ไม่เห็นว่าภายนอกจะได้รับาเ็อะไร ข้าจึงสงสัยว่าเ้าอาจใช้กำลังภายในตอนถูกลักพาตัวจนได้รับาเ็ไม่น้อย ข้าจึงยืนกรานจะเลิกผ้าห่มออกเพื่อตรวจดูอาการของเ้า”
จากนั้นเขาก็จับข้อมือบอบบางของนาง หลังตรวจสอบครู่หนึ่งก็กล่าว “เมื่อครู่ตอนข้าดมกลิ่นหอมของเ้า ข้าได้ยินเสียงชีพจรและจุดตันเถียน เ้าไม่ได้รับาเ็ภายในแต่ลมปราณเจินชี่นั้นกระจัดกระจาย พวกเราเรียกกันว่า “ลมปราณพลุ่งพล่าน” ข้าจึงใมาก เพราะพวกข้าที่ฝึกวรยุทธ์เช่นนี้ แม้ผ่านาความเป็ความตายมากมายแต่ก็ยังมีเพียงวรยุทธ์ระดับหนึ่งขึ้นไป ดังนั้นเมื่อลมปราณพลุ่งพล่านกะทันหันจึงสามารถสังเกตเห็นได้จากสถานการณ์ที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมลมปราณเจินชี่ได้ชั่วคราว หนึ่งปีจะเกิดขึ้นสองครั้ง พิสูจน์ได้ว่าคนผู้นี้ฝึกวรยุทธ์อย่างหมั่นเพียรอยู่เป็ประจำ เช่นข้าเป็ต้น หลายปีที่ผ่านมา นอกจากกินข้าวแล้วก็ไม่มี่เวลาใดที่ข้าไม่ฝึกวรยุทธ์ ในหนึ่งปีจึงสามารถพบได้ห้าครั้ง แต่ทุกครั้งก็จะหายภายในห้าวัน ส่วนลมปราณพลุ่งพล่านของเ้า ดูแล้วคงเกิดไม่ต่ำกว่าครึ่งเดือน ฉะนั้นสาวน้อย ข้าอยากถามเ้าว่า ลมปราณเจินชี่ของเ้า….ได้มาจากผู้ใด?”
เมื่อเหอตังกุยได้ยินความลับของนางจากปากอีกฝ่ายก็กระวนกระวายจนพูดอะไรไม่ออก ก่อนเอ่ยถามอย่างโกรธเคือง “เ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่ได้สร้างมันขึ้นเอง? บางทีข้าอาจมีวรยุทธ์มาั้แ่เกิดก็เป็ได้”
“แม้เ้าจะมีพร์ด้านวรยุทธ์ แต่พร์ของเ้าก็มีไม่ถึงครึ่งหนึ่งของข้า ข้าเพียงมองมันอย่างผิวเผินเท่านั้น” เมิ่งเซวียนวางนิ้วหยาบลงบนฝ่ามือนุ่มเพื่อให้นางัั “อัจฉริยะและพ่อมดในโลกนี้ล้วนต้องฝึกฝน มือของเ้าไม่มีรอยแผลเป็จากดาบ ในขณะที่กำลังภายในสามารถเทียบได้กับยอดฝีมือที่ฝึกวรยุทธ์หลายสิบปี ไม่แปลกเกินไปหน่อยหรือ?”
“เ้าอยากพูดอะไรกันแน่?” เหอตังกุยดึงมือกลับเข้าผ้านวม แอบััชุดเข็มเงินในข้อมือพลางถามด้วยน้ำเสียงเ็า “มีสิ่งแปลก ๆ มากมายในโลกนี้ เหตุใดเ้าถึงอยากรู้ความลับของข้า?” เหอตังกุยคิดว่านางไม่จำเป็ต้องตื่นตระหนกเพราะนางก็รู้ความลับของเขาเช่นกัน นางเคยช่วยชีวิตเขาไว้ สามารถใช้สองสิ่งนี้ข่มขู่เขาได้
เมิ่งเซวียนเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “สาวน้อย อย่าเพิ่งใ ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย ข้าบอกได้เลยว่าเ้าไม่สามารถควบคุมลมปราณเจินชี่ที่ไม่ใช่ของเ้าได้ อีกทั้งเ้ายังไม่สามารถใช้กำลังภายในได้ ดังนั้นลมปราณเจินชี่ของเ้าก็ไร้ประโยชน์ ทั้งยังอันตรายอย่างยิ่งที่ลมปราณเจินชี่เหล่านี้แพร่กระจายเข้าไปในร่างกายเ้าทุกวัน ดังนั้นข้าจึงอยากหารือกับเ้า เ้าให้ข้ายืมใช้ลมปราณเหล่านี้ก่อนได้หรือไม่?”
“ให้เ้ายืม? ยืมอย่างไร? ไม่ให้ยืม ไม่ใช่การยืมเงินที่เพียงส่งให้ก็พอแล้ว...แน่นอนว่าข้าไม่ให้เ้ายืมเด็ดขาด” เหอตังกุยหน้ามุ่ยพลางสลัดแขนอีกฝ่าย ฮึ ตอนแรกนางคิดว่าเขาเป็ชายเ้าชู้ที่แอบเข้าห้องนอนหญิงสาวตอนกลางคืน จากนั้นก็คิดว่าเขาเป็เด็กโดดเดี่ยวที่แสวงหาความรักจากแม่ คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายเขาจะกลายเป็ลูกคิดปากร้ายมาขอยืมเงิน
เหอตังกุยดิ้นครู่หนึ่งก็พบว่าร่างกายของนางยังสามารถเคลื่อนไหวได้ แต่แผ่นหลังกลับติดแน่นบนหน้าอกของเขา แขนและขาของเขาก็กอดรัดนางไว้ไม่ยอมให้นางหนีไปง่าย ๆ
“เ้าทำอะไรข้า?” เหอตังกุยร้อง “ปล่อยข้า ข้าจะเรียกให้คนมาช่วย”
“ฮ่า ๆ ๆ ข้าได้ยินว่าเผิงสือ เผิงเจี้ยนและคนรับใช้พวกนั้นออกไปสักพักแล้ว สาวใช้ของเ้าก็หนีไปเพราะเ้า เ้าจะเรียกใคร?” เมิ่งเซวียนควบคุมแขนขาของนางโดยใช้เพียงมือและขาอีกข้างหนึ่ง เขาไม่ได้ทำร้ายนาง เพียงทำให้นางหนีไปไหนไม่ได้ พลางหัวเราะข้างหูนางเบา ๆ ก่อนเอ่ย “ข้าขอโทษ ตอนที่ข้ากอด ข้าเริ่ม ‘ยืม’ กำลังภายในของเ้าแล้ว วรยุทธ์ของข้านั้นมีเอกลักษณ์เมื่อแนบชิดกับคนที่ไม่ระวังตัว นอกเสียจากข้าจะเป็ฝ่ายปล่อยมือเอง มิเช่นนั้นการถ่ายลมปราณนี้จะไม่หยุดลงเด็ดขาด”
เหอตังกุยไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดพลันดิ้นเหมือนกุ้งที่มีชีวิตชีวา เมิ่งเซวียนอยากเปลี่ยนท่าทางเพื่อควบคุมนางแต่กลับพลั้งปล่อยมือนางโดยไม่ตั้งใจ มือของเหอตังกุยพลันโจมตีจุดฝังเข็มและส่วนที่เปราะบางของเขาโดยเฉพาะ ทันใดนั้นเมิ่งเซวียนก็ััได้ว่าตาซ้ายของเขาถูกชกหนึ่งหมัด อีกทั้งใต้รักแร้ยังถูกสะกิด เอาเถอะ ไม่เป็ไรหรอก…จากนั้น…เขาก็รู้สึกว่าส่วนที่เปราะบางที่สุดของเขาถูกหยิกและหมุนวนเป็เกลียวอย่างโเี้
“โอ๊ย...” เมิ่งเซวียนร้องโหยหวนประหนึ่งหมาป่า เขากดนางลงบนที่นอนอย่างรุนแรงก่อนเอ่ย “นี่ คุณหนู เ้าเป็สตรีแบบใดกันแน่ เหตุใดจึงลงมือกับข้าเยี่ยงนี้?”
เหอตังกุยรู้ว่าตนพาหมาป่าเข้าห้องนอนจึงเสียใจยิ่งนัก นางพยายามดิ้นรนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะเดียวกันก็ะโ “เสี่ยวโหยวช่วยข้าด้วย ฉานอี ไฮว่ฮวาช่วยข้าด้วย ป๋อเหอ โต้วเจียง เฉียนชื่อช่วยข้าด้วย” แน่นอนว่าเสียง “ะโ” นั้นขึ้นอยู่กับท่าทางของนาง ขณะนี้ศีรษะของนางฝังบนหมอนนุ่ม น้ำตาและเสียงกรีดร้องจึงถูกอัดลงหมอนซึ่งเป็หมอนที่ไฮว่ฮวาทำให้นางด้วยความรัก
เมิ่งเซวียนกระซิบขู่ข้างหู “คุณหนูเหอ เ้าคิดว่าข้าจะไม่ฆ่าเ้าจริง ๆ หรือ? เ้ายังอยากให้หลายชีวิตตายเพื่อเ้าหรือไม่” สองคำถามนี้หยุดความร้อนรนของเหอตังกุยได้สำเร็จ จากนั้นเมิ่งเซวียนก็ห่มผ้าห่มบนไหล่ของนางเพราะเด็กสาวถูกเขากดไว้ใต้ร่าง เมื่อห่มผ้าให้ตนก็เท่ากับห่มผ้าให้นาง
เมิ่งเซวียนมองสาวน้อยที่นิ่งสงบราวถูกพรากจิติญญา ชั่วพริบตานางก็เปลี่ยนจากแม่สิงโตตัวน้อยเป็หนอนไหมที่หลับใหล ไม่เพียงไม่ขยับเท่านั้นแต่ดวงตายังจ้องทิศทางเดียวโดยไม่กะพริบอีกด้วย เมิ่งเซวียนอดปลอบใจนางไม่ได้ “หากเ้าเชื่อฟัง ข้าจะไม่ทำให้เจ็บและจะไม่ทำร้ายเ้า ดีหรือไม่?”
หญิงสาวใต้ร่างไม่ส่งเสียงใด เมิ่งเซวียนจึงพูดต่อ “สาวน้อย เดิมทีข้าสามารถสกัดจุดฝังเข็มของเ้าและทำให้เ้าเป็ใบ้ได้ แต่หากข้าทำเช่นนั้นอาจเป็อันตรายต่อเส้นลมปราณของเ้า ข้าจึงไม่ทำเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เมื่อข้าบอกว่าข้า้ายืมกำลังภายในของเ้า เ้าก็โกรธเป็ฟืนเป็ไฟ ไม่ยอมให้ข้าอธิบาย ประการแรก ข้าพูดว่า “ยืม” หมายถึง “ยืม” จริง ๆ และข้าจะจ่ายคืนให้เ้าด้วย “ผลประโยชน์” ประการที่สอง ข้ากำลังช่วยชีวิตเ้า ข้าตรวจสอบเส้นชีพจรของเ้าแล้ว ‘ลมปราณเจินชี่’ ภายในร่างกายเ้ายุ่งเหยิงมาก แต่จิตใจของเ้ายุ่งเหยิงกว่า เ้าจำเป็ต้องรู้กฎข้อแรกของการใช้กำลังภายใน นั่นคือ “ความสบายใจ” มันสำคัญที่สุด สำคัญกว่าวิธีการยอดเยี่ยมใด ๆ เมื่อจิตใจฟุ้งซ่าน ธาตุไฟจะเข้าแทรก เมื่อถึงตอนนั้นแม้ข้าจะไม่บอกเ้าแต่เ้าก็คงรู้ผลที่จะตามมา”
ในที่สุดเด็กสาวใต้ร่างก็เงยหน้าเล็กน้อย ดวงตาคลอด้วยน้ำตาแวววาว ก่อนหันไปหาเด็กหนุ่มหล่อเหลา นางสนใจเพียงเื่เดียวว่า “เ้าจะ ‘ยืมและคืน’ จริง ๆ หรือ?”
เมิ่งเซวียนตะลึงงันก่อนพยักหน้า “แน่นอน หากข้าโกหกก็ขอให้ข้าเป็สุนัข”
เมื่อเหอตังกุยได้ยินเช่นนั้นก็มุดหัวเข้าใต้หมอนพร้อมน้ำตา ดูดเถอะ ดูดได้ตามใจเลย ถึงอย่างไรนางก็ขัดขืนไม่ได้ ทั้งที่ยังไม่ถามความยินยอมจากนางก็เริ่มดูดกำลังภายในของนางไปเสียแล้ว กล้าพูดได้อย่างไรว่าไม่มีเจตนาร้าย นอกจากนี้เขายังเป็ลูกชายของเป่าติงผอและทำงานให้กองทัพตลอดหลายปีที่ผ่านมา หากเขายืมแล้วไม่คืน ทั้งยังหนีไปอย่างไร้ร่องรอย นางจะไปตามหาเขาได้ที่ใด? ยังกล้าพูดว่า “ถ้าโกหกก็ขอให้เป็หมา” กระนั้นหรือ? ฟังดูก็รู้ว่าเป็คำพูดหลอกเด็ก
เมิ่งเซวียนไม่รู้ว่านางคิดอะไรอยู่ เพียงคิดว่าเขาปลอบใจสาวน้อยผู้นี้ได้สำเร็จจึงโล่งใจพลางพูดด้วยรอยยิ้ม “ฮ่า ๆ เ้าเชื่อฟังข้าก็ดีแล้ว เมื่อข้ารับลมปราณของเ้าจึงรู้ว่าลมปราณเจินชี่ของเ้ามาจากสามคนขึ้นไป อันตรายยิ่งนัก แม้สิ่งเหล่านี้จะเป็ลมปราณเจินชี่อันดับต้นและบริสุทธิ์ที่สุด แต่ก็ใช่ว่าจะเข้ากับกำลังภายในของคนอื่นได้ อาจถึงขั้นขับไล่กันและกัน บางส่วนเป็ลมปราณเจินชี่จากดินแดนหิมะ บางส่วนเห็นได้ชัดว่ามาจากสำนักศึกษาหลงฮู ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเ้าเลือกคนอย่างไร อีกอย่างหลังรับมาเ้าก็ไม่ฝึกฝนแม้แต่นิดเดียว ปล่อยให้พวกมันทำงานในเส้นลมปราณของเ้า หนึ่งหรือสองเดือนอาจยังไม่เห็นความผิดปกติ แต่หากนานไปสองมือของเ้าอาจพิการได้”
“อย่าทำให้ข้าใ ใครจะรู้ว่าเ้าหลอกลวงข้าหรือไม่ เ้า้าให้ข้าใกลัวจนยอมมอบลมปราณเจินชี่ให้เ้าด้วยความเต็มใจ” ในที่สุดเหอตังกุยก็อดโต้กลับไม่ได้ “หากเ้า้ามันก็ขออนุญาตจากข้าอย่างสุภาพได้ หลังข้าพิจารณาและเห็นด้วยกับคำขอ เ้าก็สามารถทำเช่นนี้ได้ เ้าเป็แม่ทัพที่ใช้เวลามากที่สุดในสนามรบ หากเ้าไปทำาและมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับเ้า ใครจะคืนลมปราณเจินชี่ให้ข้า” นางทำงานหนักเพื่อสะสมลมปราณเจินชี่ แม้จะไม่ได้ฝึกฝนแต่นางก็ยืนยันจะใช้เข็มเงินเพื่อนำทางลมปราณเจินชี่ ไหนเลยจะร้ายแรงเหมือนที่เขาพูดกัน
เมิ่งเซวียนใเสียงของนางพลันพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าเป็ผู้ใหญ่แล้ว จะหลอกสาวน้อยเช่นเ้าทำไม? ข้าอายุมากกว่าเ้ายี่สิบปี วรยุทธ์ก็มากกว่าเ้าหลายหมื่นเท่า จิตใจและสติปัญญาของข้าก็ดีกว่า หากข้า้าทำร้ายเ้า เพียงตีให้สลบแล้วลากตัวไปก็พอ เช่นนั้นก็สามารถสั่งให้เ้าทำทุกอย่างที่ข้า้า คงไม่ให้เ้าทำร้ายธูปสืบสกุลแท่งที่เจ็ดของตระกูลเมิ่งจนเกือบหักเช่นนี้หรอก...เอ่อ สรุปแล้วข้าไม่ได้โกหกเ้า ให้ฟ้าดินเป็พยานได้”
“เ้าพูดเหลวไหลอะไร” เหอตังกุยใช้ศอกตีเอวอีกฝ่าย ขณะเมิ่งเซวียนเ็ปก็ถือโอกาสม้วนตัวให้เขาอยู่ใต้ร่างพลันพูดอย่างเ็า “เด็กโง่ เ้าอายุมากกว่าข้ายี่สิบปีกระนั้นหรือ? จิตใจและสติปัญญาของเ้าดีกว่าข้ากระนั้นหรือ? ข้าจะบอกความจริงกับเ้าว่าในชาติที่แล้วข้าสามารถเหยียบหัวขโมยเช่นเ้าไว้ใต้เท้าได้ ตอนนี้ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้