จ้าวเวยเวยกลับมาอยู่ประเทศไทยได้เกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ทุกวันเธอจะช่วยทำอาหารเช้าให้แม่กับน้องสาวที่บ้าน ก่อนจะมาเฝ้าคุณพ่อที่โรงพยาบาล
วันนี้ก็เช่นกัน เธอกำลังนั่งปอกแอปเปิลลูกสีแดง และคุยโทรศัพท์กับคุณย่าที่อยู่เซี่ยงไฮ้ไปด้วย
“คุณย่าจะไม่มาเยี่ยมคุณพ่อจริงๆ หรือคะ” เธอถามคุณย่าที่อยู่ปลายสายด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยเล็กน้อย
จ้าวม่านเค่อ ผู้เป็คุณย่ารู้สึกอึดอัดใจกับคำถามของหลานสาว ก่อนที่หลานสาวของนางจะกลับไป นางได้สัญญาเอาไว้แล้วว่าจะตามไปเยี่ยมลูกชายที่นอนไม่ได้สติอยู่โรงพยาบาล
แต่นางก็ไปไม่ได้ ใช่จะรู้พอหลานสาวเดินทางออกจากเซี่ยงไฮ้ คุณป้าของนางก็มาล้มป่วย ทำให้นางขยับตัวไปไหนไม่ได้เลย
“ย่าคงไปตอนนี้ไม่ได้ อาการป่วยของคุณย่าทวดของหลาน ยังไม่ดีขึ้นเลย ย่าเป็ห่วงกลัวว่าท่านจะไม่อยู่กับเรา”นางตอบหลานสาว
“คุณย่าทวดท่านป่วยหนักเลยหรือคะ”จ้าวเวยเวยถามด้วยความเป็ห่วง ตอนที่เธออยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ไม่ค่อยได้เจอกับคุณย่าทวดมากนัก ส่วนใหญ่จะเจอคุณย่าจ้าวม่านฉีมากกว่า แต่เธอรับรู้ได้ว่าท่านเป็คุณย่าทวดที่ใจดีและรักเธอมาก
“อาการของโรคเก่านะ คุณย่าทวดท่านแก่มากแล้ว เจ็บป่วยครั้งนี้…ย่าเป็ห่วงมาก ยังไงหลานเยี่ยมพ่อเสร็จแล้ว ก็รีบเดินทางกลับมานะ” จ้าวม่านเค่อรีบบอกหลานสาว แม้ภายในใจของเธอจะรู้ดีว่ามันเป็สัญญาณของเวลาที่เหลืออยู่ของคุณป้าของเธอ
“ฉันเป็ห่วงคุณย่าทวดมากค่ะ ยังไงฉันจะรีบกลับไปนะคะ” เธอกล่าวกับคุณย่า
ทางคุณพ่อนอกจากนอนไม่ได้สติแล้ว ร่างกายก็ไม่มีอะไรน่าเป็ห่วง เธอคงต้องเดินทางจากประเทศไทยไปเซี่ยงไฮ้ และเดินทางจากเซี่ยงไฮ้กลับประเทศไทยบ่อยๆ เพื่อดูแลทั้งคุณพ่อและคุณย่าทวด
“หลานจะกลับมาหรือ? ดีเลย! คุณย่าทวดถามหาหลานอยู่ตลอด ท่านคิดถึงหลานมาก”จ้าวม่านเค่อกล่าว น้ำเสียงของเธอมีความเศร้าปนอยู่ด้วย แต่จ้าวเวยเวยจับน้ำเสียงตรงนี้ไม่ได้
“หนูน่าจะกลับไปได้ในอีกสามสี่วันนี้แหละค่ะ คุณย่าอยากได้อะไรจากประเทศไทยหรือเปล่าคะ ฉันจะได้ซื้อกลับไปให้”เธอถามคุณย่าที่อยู่เซี่ยงไฮ้
จ้าวม่านเค่อหัวเราะ“ย่าไม่ได้อยากได้อะไรหรอก หลานรีบกลับมาก็พอแล้ว ย่าและย่าทวดรอหลานอยู่”
“ได้ค่ะคุณย่า ฉันจะรีบกลับนะคะ โอ๊ย!” จ้าวเวยเวยพูดไม่ทันจบ เธอก็ทำมีดบาดนิ้วจนเืไหลจากปลายนิ้วลงไปที่ข้อมือ และหายเข้าไปในกำไลหยกที่เธอสวมอยู่ที่ข้อมือ
“เป็อะไรไปลูก!”จ้าวม่านเค่อร้องถามหลานสาว ผ่านทางโทรศัพท์ด้วยความใ
จ้าวเวยเวยวางแอปเปิลและมีดลงบนจาน ก่อนจะตอบว่า“มีดบาดนิ้วนะคะคุณย่า”
“ตายจริง! บาดลึกหรือเปล่าลูก! หนูรีบไปให้คุณหมอทำแผลที่นิ้วให้เลยนะ อย่าปล่อยเอาไว้”คุณย่าจ้าวม่านเค่อ ร้องบอกหลานสาว
“หนูทราบแล้วค่ะ งั้นคุณย่าหนูวางสายก่อนนะคะ” เธอกล่าวและตัดสายไป จ้าวเวยเวยลุกไปล้างเืออกจากนิ้วมือ ก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำ หยิบจานผลไม้ขึ้นมาถือ และคิดว่าจะเอาจานผลไม้ไปเก็บก่อนจะไปหาพยาบาลให้ทำแผลให้เธอ ทว่าอยู่ๆ จานที่กำลังถืออยู่ในมือก็หายไปต่อหน้าต่อตาของเธอ
ทำเอาจ้าวเวยเวยใมาก เธอมองมือตัวเองอยู่นาน คิดไม่ออกว่าจานผลไม้หายไปได้อย่างไร!
จ้าวเจินเจินที่มาถึงห้องพักผู้ป่วย เห็นว่าพี่สาวยืนนิ่งๆ อยู่กับที่ เธอเดินเข้าไปหาและเอ่ยถาม “พี่เวยเวยเป็อะไรคะ!”
จ้าวเวยเวยได้สติจากเสียงน้องสาว “พี่...ไม่เป็อะไร เธอมาคนเดียวเหรอ? แม่ไปไหนล่ะ”เธอส่ายหัวปฏิเสธน้องสาว ก่อนจะถามน้องสาว และมองไปทางด้านหลัง ไม่เห็นแม่เดินตามมา
“แม่ติดงานที่บริษัทค่ะ แม่เลยมาส่งฉันที่โรงพยาบาลก่อน” จ้าวเจินเจินตอบและเดินไปบอกพ่อว่าเธอมาแล้ว
“เธออยากกินแอปเปิลไหม เดี๋ยวพี่ปอกให้” เธอถามน้องสาว และเดินไปหยิบแอปเปิลจากในถุงออกมาล้างและหยิบมีดขึ้นมาเตรียมปอกผลไม้ให้น้องสาว
จ้าวเจินเจินหันไปมองพี่สาว ก่อนจะเห็นที่นิ้วของพี่สาวมีเืออกมาเล็กน้อย เธอเดินไปจับมือพี่สาวขึ้นมาดู และเอ่ยถาม “พี่มีดบาดหรือคะ” เธอถามและแย่งมีดจากมือพี่สาวไปถือเอง
“พี่ไปให้นางพยาบาลทำแผลที่นิ้วให้ก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวแผลจะติดเชื้อ”
“แผลนิดเดียวเอง พี่ปอกผลไม้ให้ก่อน แล้วค่อยไปก็ได้” เธอกล่าวกับน้องสาว
“ไม่ได้ค่ะ! ฉันอยากกินเดี๋ยวปอกกินเอง!” จ้าวเจินเจินกล่าวและไล่พี่สาวไปทำแผล
จ้าวเวยเวยตามใจน้องสาว เธอออกจากห้องพักผู้ป่วยไปให้พยาบาลช่วยทำแผลที่นิ้วให้
…
จ้าวเวยเวย หลังจากทำแผลที่นิ้วเสร็จ เธอก็กลับไปที่บ้านหลังจากน้องสาวมาเปลี่ยนเวร ดูแลคุณพ่อที่โรงพยาบาล
เมื่อกลับมาถึงบ้าน จ้าวเวยเวยเดินขึ้นห้องนอน ปิดประตูห้องนอน ก่อนจะเดินไปมาพลางคิดว่าจานผลไม้หายไปไหน เธอมองมือทั้งสองข้างของตัวเอง ก่อนจะคิดถึงจานผลไม้ และคิดให้มันออกมา จานผลไม้ก็ปรากฏออกมาตรงหน้าเธออีกครั้ง ทำเอาเธอใมาก
จ้าวเวยเวยคิดไปมาก่อนจะมองไปที่กำไลหยก ที่เป็เครื่องประดับเพียงอันเดียวที่เธอใส่อยู่ในตอนนี้
“หรือว่าจะเป็เพราะกำไลวงนี้!” เธอกล่าวกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเดินไปหยิบหมอนบนเตียงมาถือเอาไว้ แล้วคิดให้มันหายไป แต่หมอนก็ไม่ได้หายไป
จ้าวเวยเวยเลยเปลี่ยนความคิดและคิดให้มันเก็บหมอน หมอนที่ถืออยู่ก็หายไปต่อหน้าต่อตาของเธออีกครั้ง
จ้าวเวยเวยใจนต้องนั่งลงบนที่นอน เธอพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองที่กำลังวุ่นวาย ก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรกลับไปหาคุณย่า เธอต้องรู้เื่ของกำไลวงนี้ให้ได้
มันมีความสามารถในการเก็บของได้ แปลว่าเื่คำสาปของตระกูล และเื่ที่เธอต้องเดินทางกลับไปอดีตเพื่อแก้ไขก็เป็เื่จริง!