เหลยจั๋วหมุนตัวกลับไป เกียจคร้านเกินกว่าที่จะตอแยกับเนี่ยหลีต่อไป โต้เถียงกับเด็กตัวเล็กๆ เช่นเนี่ยหลีย่อมมีแต่จะเสื่อมเสียฐานะของตน
เนี่ยหลีจ้องมองเนี่ยไห่กับเนี่ยเอินและพูดขึ้นว่า “ของที่ข้าจะประมูล ข้าจะจ่ายด้วยตัวเอง!”
เนี่ยไห่และเนี่ยเอินสบตากันและยิ้มขื่น ในตอนนี้ฐานะศักดิ์ศรีของพวกเขาสองคนสักนิดก็ไม่มีแล้ว พวกเขามองเห็นได้ว่าเนี่ยหลีไม่ค่อยให้ความเคารพพวกเขาสักเท่าไหร่ หากเป็เด็กคนอื่นๆ ในตระกูล ยามพบเจอพวกเขา แต่ละคนกระทั่งพูดก็ยังพูดแทบไม่ออกแล้ว กระนั้นเนี่ยหลีกลับมีท่าทีเฉยชาั้แ่ต้นจนจบ
ความจริงแล้ว ในชีวิตหนก่อน ยามเมื่อเนี่ยหลีเห็นเนี่ยไห่และเนี่ยเอิน เขาจะประหม่าอย่างยิ่ง ทว่าในโลกนี้ จิตใจของเนี่ยหลีแปรเปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง ไม่มีผู้ใดสามารถสร้างความกดดันให้แก่เขาได้ ต่อให้เป็ท่านปู่ของเยี่ยจื่ออวิ๋น ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนานเยี่ยโม่มาอยู่ตรงหน้า เนี่ยหลีก็คงไม่รู้สึกอึดอัดอะไร
หลังจากที่เนี่ยหลีพูดจบ การประมูลก็เริ่มต้นขึ้นพอดี
“แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน การประมูลในวันนี้ ตระกูลหงเยวี่ยของพวกเราได้จัดเตรียมสมบัติอันล้ำค่ามากมายเพื่อท่าน ของหลายชิ้นหายากเป็ที่สุด ถูกค้นพบในซากเมืองโบราณจากหลายแห่ง ข้าหวังว่าพวกท่านจะชื่นชอบ!” น้ำเสียงของแม่นางน้อยดังขึ้น ตรึงใจราวกับเทพธิดา
“การประมูลของชิ้นแรก! ของชิ้นนี้ค้นพบจากซากเมืองโบราณชิงเหอ เป็หยกโบราณที่แตกเสียหายชิ้นหนึ่งซึ่งบรรจุพลังิญญาที่แข็งแกร่งยิ่งชนิดหนึ่ง ราคาเริ่มต้นอยู่ที่สามร้อยเหรียญจิตอสูร!”
ครั้นสิ้นเสียงของแม่นางน้อย ใครบางคนก็ชูป้ายของตนขึ้น
“สามร้อยห้าสิบเหรียญจิตอสูร!”
“สี่ร้อยเหรียญจิตอสูร!”
ห้าร้อยเหรียญจิตอสูร!”
...
“สองพันเหรียญจิตอสูร!”
หลังจากที่ราคาปีนสูงขึ้นไปถึงที่ระดับสองพันเหรียญจิตอสูรก็หยุดลง ไม่ว่าอย่างไรนี่ก็เป็เพียงหยกโบราณที่แตกเสียหายชิ้นหนึ่ง แม้จะมีกลิ่นไอของพลังิญญา ก็เพียงสมกับราคาเท่านี้ รายได้ประจำปีของครอบครัวขุนนางทั่วไปตระกูลหนึ่งมีเพียงหนึ่งล้านเหรียญจิตอสูร ค่าใช้จ่ายรายปีของครอบครัวทั่วไปครอบครัวหนึ่งตกอยู่ที่ประมาณสองสามพันเหรียญจิตอสูร
ดังนั้นเงินสองพันเหรียญจิตอสูรจึงถือเป็เงินจำนวนมากมายสำหรับพวกเขาแล้ว
เนี่ยหลีชำเลืองมองหยกโบราณชิ้นนั้นและสามารถบอกได้จากสีของมัน มันเป็หยกระดับต้นชิ้นหนึ่ง คุณภาพไม่เลว หากดึงทุกๆ คุณสมบัติของมันออกมาใช้งาน ราคาน่าจะอยู่ที่สองหรือสามหมื่นเหรียญจิตอสูร
เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดในห้องรับรองบุคคลสำคัญบอกราคาออกมาอีกแล้ว เนี่ยหลีจึงชูป้ายขึ้น
“ตระกูลเทียนเหิน สองพันห้าร้อยเหรียญจิตอสูร!”
“สองพันห้าร้อยเหรียญจิตอสูร ครั้งที่หนึ่ง!”
“สองพันห้าร้อยเหรียญจิตอสูร ครั้งที่สอง!”
“สองพันห้าร้อยเหรียญจิตอสูร ครั้งที่สาม!”
“ขาย! ยินดีกับตระกูลเทียนเหินสำหรับการประมูลหยกโบราณชิ้นนี้ได้สำเร็จ”
เหลยจั๋วชำเลืองมองเนี่ยหลีด้วยสายตาประหลาดและพึมพำว่า “เขาใช้เงินถึงสองพันห้าร้อยเหรียญจิตอสูรเพื่อซื้อเศษหยกชิ้นหนึ่งหรือ? เหอะ เ้าสิ่งนั้นจะมีประโยชน์อันใด?”
เนี่ยไห่และเนี่ยเอินก็ไม่ค่อยเข้าใจ ทว่าในเมื่อเนี่ยหลีจะจ่ายเงินเอง พวกเขาย่อมไม่มีอะไรจะพูด
“การประมูลต่อไปนี้เป็แหวนมิติลึกลับวงหนึ่ง ทุกท่านโปรดดู!” ผู้ดำเนินการประมูลค่อยๆ ชูแหวนวงหนึ่งขึ้นมา “แหวนมิติวงนี้มีตัวเรือนที่สุกใสแวววาว ทั้งยังโปร่งแสง ล่องหนไร้ร่องรอย ภายในมีพื้นที่เก็บของขนาดมากกว่าสองร้อยตารางหมี่ (เมตร) เรียกได้ว่าเป็แหวนมิติที่ดีที่สุดที่ได้สร้างขึ้นมา! แหวนวงนี้ถูกนำกลับมาโดยนักสู้ระดับทองผู้หนึ่งจากซากเมืองโบราณหนิงโยว ซากเมืองโบราณหนิงโยวเป็สถานที่ที่อันตรายที่สุดและก็มีสมบัติล้ำค่ามากที่สุด สมบัติล้ำค่าที่ตกทอดมาถึงก็มีคุณภาพสูงเยี่ยม หลายชิ้นอยู่ในการของท่านเ้าเมืองและเก็บรักษาอยู่ในจวน...”
แหวนวงนี้มีราคาเริ่มต้นที่ห้าหมื่นเหรียญจิตอสูร!” เสียงของแม่นางน้อยดังเป็จังหวะ
“ในที่สุดก็มีของดีๆ เสียที!”
“ทว่าราคาก็สูงยิ่ง ตั้งห้าหมื่นเหรียญจิตอสูรเชียว!”
“แหวนวงนี้มีพื้นที่เก็บของขนาดใหญ่นัก ราคาเริ่มต้นที่ห้าหมื่นเหรียญจิตอสูรไม่นับว่าแพงเกินไป!”
รายได้ทั้งเดือนของตระกูลเทียนเหินยังมีไม่ถึงแสนเหรียญจิตอสูร ยังจำเป็ต้องจ่ายค่าครองชีพต่างๆ ของตระกูล ราคาห้าหมื่นเหรียญจิตอสูรนี้นับว่าเพียงพอที่จะทำให้เนี่ยไห่และเนี่ยเอินสองคนถึงกับผงะได้แล้ว
ตระกูลผู้มีฐานะบางคนด้านล่างเริ่มบอกราคาประมูลแล้ว
“ห้าหมื่นหนึ่งพันเหรียญจิตอสูร!”
“ห้าหมื่นสามพันเหรียญจิตอสูร!”
...
“ห้าหมื่นห้าพันเหรียญจิตอสูร!”
การแข่งขันยิ่งนานก็ยิ่งดุเดือดนัก เหลยจั๋วชำเลืองมองเนี่ยไห่ที่อยู่ด้านข้าง ยิ้มแย้มและพูดขึ้นว่า “ตระกูลของท่านเนี่ยไห่คงไม่สนใจกระมัง? เช่นนั้นข้าก็จะเริ่มประมูลแล้ว!”
“เจ็ดหมื่นเหรียญจิตอสูร!” เหลยจั๋วพูดเบาๆ ทั้งห้องก็พลันเงียบกริบไปครู่หนึ่ง
“ครั้งเดียวก็บอกราคาเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งหมื่นห้าพันเหรียญจิตอสูรแล้ว สมกับที่เป็ตระกูลอิ๋นหู่ผู้มั่งคั่ง ดูท่าข้าคงได้แต่ยอมแพ้!” พ่อค้าหลายคนที่อยากได้แหวนมิติวงนี้ได้แต่ยอมรามือ
เป็เวลานานต่อมาก็ไม่มีผู้ใดเพิ่มราคา
“ตระกูลอิ๋นหู่บอกราคาที่เจ็ดหมื่นเหรียญจิตอสูร ยังมีท่านใดจะให้ราคาสูงกว่านี้หรือไม่?” แม่นางน้อยเอ่ยถามเสียงสดใส
แม้เนี่ยหลีจะมีแหวนมิติหลายวงแล้วก็ตาม ทว่าแหวนเ่าั้มีพื้นที่เก็บของน้อยเกินไป พวกมันล้วนเต็มไปด้วยแผ่นผลึกอสูร ไม่มีที่ว่างเหลือพอสำหรับใช้จัดเก็บสิ่งของอื่นๆ อีก ในเมื่อมีแหวนมิติที่มีคุณภาพสูงกว่าอยู่ตรงหน้า เนี่ยหลีย่อมไม่ปล่อยไปโดยง่าย ‘ซื้ออีกสักชิ้นมาไว้ใช้งานดีกว่า’
แหวนมิติที่มีพื้นที่กว่าสองร้อยตารางหมี่วงหนึ่ง หากพลาดโอกาสนี้ ต่อไปคิดหาแหวนขนาดใหญ่ขึ้นคงเป็การยากแล้ว
“หนึ่งแสนเหรียญจิตอสูร!” เนี่ยหลีบอกเพิ่มราคาเบาๆ
เมื่อได้ยินคำพูดของเนี่ยหลี เนี่ยไห่และเนี่ยเอินพากันรู้สึกสั่นสะท้านไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ ในใจเืไหลซิบๆ นี่เป็เงินหนึ่งแสนเหรียญจิตอสูรเลยทีเดียวนะ! โอ้ ์ หนึ่งแสนเหรียญจิตอสูรยังมากกว่ารายได้ตลอดทั้งเดือนของตระกูลเทียนเหิน! เนี่ยหลีกลับคิดจะซื้อแหวนมิติวงหนึ่งกลับไปรึ?
“ตระกูลเทียนเหินบอกราคาหนึ่งแสนเหรียญจิตอสูร มีท่านใด้าให้ราคาสูงขึ้นหรือไม่?” แม่นางน้อยเอ่ยถามขึ้นเสียงดัง
“หนึ่งแสนเหรียญจิตอสูร!” เหลยจั๋วสูดอากาศเย็นเข้าไปคำหนึ่ง ออกจะตะลึงงันคอแหบแห้งแล้ว ราคานี้เขาไม่อาจสู้ได้ นั่นเป็เงินถึงหนึ่งแสนเหรียญจิตอสูรทีเดียวนะ! เขาอ้าปากคิดที่จะเพิ่มราคา แต่ก็กังวลว่าจะเป็หลุมพรางของตระกูลเทียนเหิน ดังนั้นจึงไม่กล้าบอกราคาเพิ่มอีก
“หนึ่งแสนเหรียญจิตอสูร ครั้งที่หนึ่ง หนึ่งแสนเหรียญจิตอสูร ครั้งที่สอง หนึ่งแสนเหรียญจิตอสูร ครั้งที่สาม ขาย!” เสียงค้อนในมือของแม่นางน้อยทุบลงไปอย่างหนักหน่วง
หนึ่งแสนเหรียญจิตอสูร นี่เป็ราคาที่น่าตื่นเต้นนัก
เนี่ยหลีมองๆ เนี่ยเอินที่อยู่ด้านข้างและพูดว่า “ท่านผู้าุโ ท่านจะช่วยไปรับของสองอย่างนั้นมาให้ข้าได้หรือไม่? อีกสักครู่คงต้องใช้แหวนวงนั้นแล้ว นี่เป็แผ่นผลึกอสูรสิบเอ็ดแผ่น เงินส่วนที่เหลือถือว่ามอบให้ท่านผู้าุโ!” เนี่ยหลีหยิบแผ่นผลึกอสูรออกมาสิบเอ็ดแผ่น
เนี่ยเอินรู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก รู้สึกว่าเนี่ยหลีกำลังเรียกใช้ให้เขาเป็เด็กวิ่งรับส่งของ เวลานี้เขาเป็ถึงผู้าุโใหญ่ของตระกูลเทียนเหินเชียวนะ!
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นแผ่นผลึกอสูรทั้งสิบเอ็ดแผ่น เนี่ยเอินต้องสูดลมหายใจลึกๆ เข้าไปคำหนึ่งและครุ่นคิดในใจ ‘ช่างเถอะ ก็แค่ต้องกล้ำกลืนความอัปยศเอาไว้’ แผ่นผลึกอสูรสิบเอ็ดแผ่นหมายถึงเงินจำนวนหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นเหรียญจิตอสูร หลังหักค่าประมูลของสองชิ้นก็ยังเหลืออีกตั้งเจ็ดพันห้าร้อยเหรียญจิตอสูร แค่ออกแรงขาวิ่งรอบเดียวก็ได้เงินตั้งเจ็ดพันห้าร้อยเหรียญจิตอสูรแล้ว นี่ก็ดูเหมือนจะไม่ขาดทุนอะไร
ตระกูลเทียนเหินมีสมาชิกครอบครัวมากมาย รายได้ต่อเดือนก็แค่หนึ่งแสนเหรียญจิตอสูร เนี่ยเอินแค่ออกแรงขาวิ่งรอบเดียวก็สามารถรับเงินเจ็ดพันห้าร้อยเหรียญจิตอสูรได้แล้ว กระทั่งเนี่ยไห่ก็ยังแทบอยากจะไปเสียเองแล้ว
ยากจนนัก! เนี่ยไห่อดที่จะทอดถอนใจออกมาคำหนึ่งมิได้ มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าสภาพการเงินของตระกูลเทียนเหินนั้นวิกฤตเพียงใด หลังหักค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการฝึกยุทธ์แก่เด็กรุ่นเยาว์ในแต่ละเดือนแล้ว ตระกูลเทียนเหินก็ยังมีหนี้สินอีกมากมาย!
เนี่ยหลีเ้าเด็กผู้นี้ร่ำรวยเกินไปแล้ว ในฐานะที่เป็สมาชิกคนหนึ่งของตระกูลเทียนเหิน อันที่จริงเนี่ยหลีควรจะให้ความสนับสนุนตระกูลบ้าง ทว่าเนี่ยไห่ไม่กล้าร้องขออะไร ไม่ว่าอย่างไรเวลานี้ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเทียนเหินกับสมาคมนักปรุงยาวิเศษล้วนขึ้นอยู่กับเนี่ยหลี!
“ของชิ้นถัดไปเป็ขวดหยกสำหรับบรรจุยาวิเศษ สร้างจากหยกอุ่นชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถเก็บรักษาคุณสมบัติของยาวิเศษไว้ได้อย่างดีเยี่ยม เก็บกู้ขึ้นมาได้จากซากเรือที่ล่มอยู่ในแม่น้ำเก่าเฟิงหลิง”
...
“ตระกูลเทียนเหินบอกราคาที่หกหมื่นเหรียญจิตอสูร มีท่านอื่นจะให้ราคาเพิ่มหรือไม่?”
“หกหมื่นเหรียญจิตอสูร ครั้งที่หนึ่ง หกหมื่นเหรียญจิตอสูร ครั้งที่สอง หกหมื่นเหรียญจิตอสูร ครั้งที่สาม ขาย!”
...
“ของชิ้นถัดไป นี่เป็ชุดเกราะระดับทองครบชุด ลองดูที่ยันต์เหล่านี้ ทั้งหมดล้วนมาจากยุคอาณาจักรวายุหิมะ ชุดเกราะนี้ผนึกจิตอสูรของสัตว์อสูรพยัคฆ์เพลิงแดงเอาไว้ มันเป็สัตว์อสูรที่ถูกล่าจนสูญพันธุ์ไปแล้วั้แ่ยุคอาณาจักรวายุหิมะ! ดังนั้นชุดเกราะระดับทองนี้จึงเป็ผลงานที่มีอยู่น้อยชิ้นนัก มีเพียงผู้ควบคุมจิตอสูรระดับทองจึงจะสามารถสวมใส่มันได้! ราคาเริ่มต้นอยู่ที่หกแสนเหรียญจิตอสูร!”
เมื่อเห็นชุดเกราะนี้ ดวงตาของเนี่ยหลีเป็ประกายขึ้นเล็กน้อย เขายกแผ่นป้ายขึ้น “หนึ่งล้าน...”
ทุกคนต่างก็ทำตัวไม่ถูกเสียแล้ว ทั้งห้องประมูลเงียบกริบไปเป็เวลานาน เ้าเด็กผู้นี้ช่างไม่ปล่อยโอกาสให้ผู้อื่นเสียบ้างเลย!
“เสี่ยวหลีเอ๋ย เ้าประมูลให้ข้าใช่หรือไม่? ขอบใจเ้ามาก!” เนี่ยไห่ถูสองมือด้วยความตื่นเต้น นี่เป็ชุดเกราะระดับทอง หากเขาได้สวมเกราะชุดนี้ พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นถึงสามสิบส่วนหรือมากกว่านั้นเลยทีเดียว
เนี่ยหลีชำเลืองมองเนี่ยไห่และพูด “ผู้ใดบอกว่าจะซื้อให้ท่าน!”
“แต่ว่า ข้าเป็ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับทองเพียงคนเดียวในตระกูลเทียนเหิน!” เนี่ยไห่ชะงักไปชั่วครู่จึงพูดออกมาได้ นอกจากเขาแล้ว ยังจะมีผู้ใดสวมใส่ชุดเกราะระดับทองได้กัน
“ข้าซื้อเก็บเอาไว้ใช้เองในอนาคตข้างหน้า!” เนี่ยหลีพูดเบาๆ
เนี่ยไห่อ้าปากค้าง เมื่อได้ยินคำพูดของเนี่ยหลี ความยินดีปรีดาของเนี่ยไห่ก็พลันเหือดหายกลายเป็ความแค้นเคืองใจ ราวกับสตรีสาวที่ถูกทอดทิ้งก็ไม่ปาน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้