คนที่กล้าลงมือฆ่าแม้กระทั่งเสี่ยวซื่อจื่อ หลิ่วเหมยเอ๋อร์เผลอก้าวถอยหลังอย่างห้ามไม่ได้ สตรีผู้นี้เสียสติไปแล้วหรืออย่างไร นาง้ายั่วยุให้ท่านอ๋องร้อนใจจนทนไม่ไหวอย่างถึงที่สุดแล้วจะยอมรามือหรือ?
“หากเ้ากล้าแตะต้องข้าแม้แต่ปลายเล็บ ท่านอ๋องเสด็จกลับมาเมื่อไรต้องไม่ปล่อยเ้าไปแน่!”
นางกล่าวกับเหยาเชียนเชียนอย่างไม่ยอมว่า “แล้วก็ยังมีเื่เสี่ยวซื่อจื่ออีก ไม่รู้ว่าถูกเ้าลักพาตัวมาที่นี่ั้แ่เมื่อใด เ้าจะทำอะไร เ้าจะลงมือฆ่าเสี่ยวซื่อจื่อใช่หรือไม่ โชคดีที่วันนี้ข้าตามมา ไม่เช่นนั้นหากซื่อจื่อตายไปด้วยน้ำมือเ้าก็คงไม่มีผู้ใดรู้!”
ั้แ่เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ทุกคนก็ให้ความสนใจกับเสี่ยวซื่อจื่อเป็พิเศษ ดังนั้นวันนี้พอตื่นเช้ามาแล้วไม่พบตัวเขา คนที่รับหน้าที่ดูแลจึงใเสียจนขวัญแทบหนีหาย และยิ่งคาดไม่ถึงว่าจะมาพบตัวเขาอยู่กับเหยาเชียนเชียนที่นี่
“อาเหยียนมานี่เร็วเข้า” หลิ่วเหมยเอ๋อร์กวักมือเรียกพลางยิ้มยิงฟันให้จนตาหยี “มาหาอี๋เหนียง ไม่ต้องกลัว มานี่เร็วเข้า”
เหยาเชียนเชียนลูบศีรษะอาเหยียนเบาๆ พลางก้มหน้ามองเขา
เด็กน้อยจับแขนเสื้อของนางไว้แน่น มือเล็กทั้งสองข้างกอดนางไว้ไม่ยอมปล่อยจนทั้งตัวแทบจะแนบติดอยู่บนร่างกายของนาง
ไม่รู้ว่าเหตุใดหลังจากห่างกับผู้เป็แม่เพียงวันเดียว กลิ่นอายบนร่างของนางถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ อาเหยียนน้อยแค่รู้สึกสบายและสงบใจยามได้พึ่งพาผู้เป็แม่คนนี้
เขารู้ว่าท่านแม่ผู้นี้จะไม่ทำร้ายเขาแล้ว และความรู้สึกที่มีต่อเขานั้นช่างอบอุ่นชวนให้อยากพึ่งพิงเสียเหลือเกิน
เมื่อเห็นเด็กคนนี้ติดนางขนาดนี้ เหยาเชียนเชียนเองก็รู้สึกอบอุ่นในใจ
นางไม่เคยถูกพึ่งพาเหมือนอย่างในยามนี้มาก่อน ในชาติที่แล้วนางดิ้นรนอยู่ข้างนอกด้วยตัวคนเดียว พ่อแม่ตายจากไปั้แ่ยังเด็กและนางเองก็ไม่มีพี่น้อง ความรู้สึกที่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจและเป็ที่้าเช่นนี้นางเพิ่งเคยได้ััเป็ครั้งแรก
“อาเหยียนไม่ต้องกลัว มีแม่อยู่ตรงนี้ ไม่มีผู้ใดพาเ้าไปได้”
อาเหยียนพยักหน้ารับอย่างจริงจัง ยิ้มยิงฟันให้เหยาเชียนเชียนอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
ภาพสัมพันธ์สองแม่ลูกทำให้ทุกคนตกตะลึง เหยาเชียนเชียนผู้นี้วางยาเสี่ยวซื่อจื่อหรือ จากที่เพิ่งจะรอดเงื้อมมือนางมาได้อย่างหวุดหวิด เหตุใดยามนี้กลับสนิทสนมกับนางเช่นนี้ได้เล่า
“เ้า เ้าพูดอะไรกับอาเหยียน?”
หลิ่วเหมยเอ๋อร์มองไปที่คนทั้งสองอย่างไม่เชื่อสายตา “เ้าต้องหลอกลวงเขาแน่ๆ เ้าจะทำอะไร หากท่านอ๋องเสด็จกลับมาเห็นเ้าลงมือกับอาเหยียน เขาต้องไม่ปล่อยเ้าไปแน่”
“ข้าอยากพูดั้แ่เมื่อครู่แล้ว” เหยาเชียนเชียนแคะหูอย่างอดไม่ได้ “เ้าอยู่ในฐานะใด ชื่ออาเหยียนใช่นามที่เ้าสามารถเรียกขานได้เฉยๆ หรือ?”
นางหัวเราะเยาะ โอบกอดเด็กน้อยไว้และหันไปเลิกคิ้วใส่หลิ่วเหมยเอ๋อร์ “เ้าควรเรียกเขาว่าซื่อจื่อ เข้าใจหรือไม่?”
ฐานะและบรรดาศักดิ์เป็เหมือนตราประทับและพันธนาการของพวกเขาในยุคนี้ เหยาเชียนเชียนมองออก หลิ่วเหมยเอ๋อร์ผู้โง่เขลาก็แค่ไม่พอใจที่นางได้ตำแหน่งหวังเฟยก็เท่านั้น
ได้ยินจากสาวใช้ว่านางอยู่ที่จวนอ๋องมาสักระยะแล้ว แต่ก็ยังได้เป็เพียงอี๋เหนียงอยู่ นั่นแสดงให้เห็นว่าท่านอ๋องไม่ใคร่จะชื่นชอบนางเท่าไรนัก ด้วยเหตุนี้หวังเฟยอย่างเหยาเชียนเชียนที่อภิเษกสมรสเข้าจวนอ๋องมาอย่างถูกประเพณี ย่อมกลายเป็หนามยอกอกของนาง
สตรีชนชั้นสูงประเภทนี้เป็ที่น่าสังเวชใจมาั้แ่ไหนแต่ไร เหยาเชียนเชียนเดิมก็ไม่มีแก่ใจไปเสวนากับนางอยู่แล้ว และหากเป็ไปได้ นางก็ไม่อยากเป็หวังเฟยเช่นเดียวกัน
แค่ยามนี้นางถูกชิงผิงอ๋องจดชื่อเข้าบัญชีมรณะ การใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่เช่นนี้ย่อมยากลำบากเกินไป มิสู้รวบรวมเงินทองและหนีออกไปสู่โลกกว้าง ปล่อยให้นางได้โบยบินไม่ดีกว่าหรือ
“ท่านแม่” อาเหยียนที่อยู่ข้างๆ จู่ๆ ก็เข้ามากอดนางแน่น ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เมื่อครู่เขารู้สึกเหมือนว่าผู้เป็แม่จะไปจากเขาอย่างไรอย่างนั้น “ท่านแม่ อย่าไป”
ไม่ง่ายเลยที่จะมีกลิ่นอายอบอุ่นเช่นนี้ อย่าไปเลย
เหยาเชียนเชียนคิดว่าเด็กน้อยกลัวหลิ่วเหมยเอ๋อร์ จึงยอบตัวลงเพื่ออุ้มเขาขึ้นมา นางใช้ศีรษะถูไปมาอย่างที่เขาเคยทำ
“ท่านแม่อย่าไป ท่านแม่อยู่กับอาเหยียนตลอดไปเลยได้หรือไม่ขอรับ?”
เด็กน้อยพยักหน้าอย่างเป็จริงเป็จัง พลางซบลงบนไหล่ของนางเบาๆ มือเล็กทั้งสองโอบรอบคอของนางไว้ ติดหนึบไม่ยอมปล่อย
หลิ่วเหมยเอ๋อร์ขบกรามจนแทบแตก หากไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เหยาเชียนเชียนเกือบบีบคอเสี่ยวซื่อจื่อตาย ตนก็เกือบเชื่อในความสัมพันธ์แม่และลูกอันน่าประทับใจนี้แล้ว
“หวังเฟยช่างเก่งกาจเสียจริง เสี่ยวซื่อจื่ออายุน้อยยังไม่รู้ความ ดังนั้นจึงแยกไม่ได้ว่าผู้ใดที่ดีต่อเขาอย่างแท้จริง ทว่าท่านอ๋องไม่เหมือนกัน รอท่านอ๋องเสด็จกลับมาเห็นภาพเช่นนี้ ไม่รู้ว่าหวังเฟยจะยังกล้าพูดด้วยประโยคเมื่อครู่อีกครั้งหรือไม่”
เหยาเชียนเชียนยิ้มอย่างเหยียดหยาม พูดในใจว่าท่านอ๋องของเ้าไม่รู้ไปนอนกกสตรีบ้านใดอยู่ รอเขาคิดถึงภรรยาและลูกขึ้นมาเองก็ไม่รู้ว่าจะเป็ปีใดเดือนใดแล้ว
อย่าว่าแต่พูดรอบเดียวเลย ให้พูดร้อยรอบนางก็กล้า อย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้ยิน
นางเบ้ปากมองหลิ่วเหมยเอ๋อร์อย่างไม่แยแส ก้มหน้าลงจูบอาเหยียนแล้วพูดว่า “ดูท่าหลิ่วเหมยเอ๋อร์จะเป็ห่วงความสัมพันธ์ของข้าและท่านอ๋องยิ่งนัก ไม่เป็ไร รอท่านอ๋องเสด็จกลับมาแล้วเ้าก็จะรู้เองว่าพวกข้ารักกันหวานชื่นเพียงใด”
“เป็เช่นนั้นหรือ?”
เสียงเย็นเยียบดังขึ้นมาจากหน้าประตู ทุกคนค่อยๆ แหวกทางถอยออก แม้แต่อาเหยียนตัวน้อยก็เหยียดตัวตรงอยู่ในอ้อมกอดของนาง
“เปิ่นหวัง [1] ก็อยากฟังนักว่าจะรักใคร่กลมเกลียวกับหวังเฟยได้อย่างไร”
เชิงอรรถ
[1] เปิ่นหวัง หมายถึง คำเรียกแทนตนของผู้มีฐานันดรอ๋อง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้