มือของไท่เฮาที่ถือผ้าตกสีแดงค้างอยู่กลางอากาศ ในขณะที่อีกมือยังคงจับมือของหานอวิ๋นซีไว้ ทว่ามันกลับเย็นเฉียบจนน่ากลัว
คราวนี้เป็ตาของหานอวิ๋นซีที่ยิ้มกริ่มอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น นางชำเลืองมองรอยสีแดงด้วยความรู้สึกมีความสุข และเหลือบไปมองหลงเฟยเยี่ยที่ในเวลานี้ก็กำลังจ้องมองนางอย่างมีนัยเช่นเดียวกัน
และไม่รู้เพราะเหตุใด หานอวิ๋นซีก็ใอย่างอธิบายไม่ถูก รีบเบนสายตามองไปทางอื่นทันที จู่ๆ หูของนางก็รู้สึกร้อนขึ้นมาเล็กน้อย
ในห้องที่เต็มไปด้วยความเงียบ หลงเฟยเยี่ยลุกขึ้นยืน “เสด็จแม่ ลูกยังมีเื่ต้องทำ ขอตัวลาก่อน วันหลังลูกจะมาเยี่ยมใหม่”
เมื่อการทักทายและตรวจผ้าตกสีแดงจบลง แน่นอนว่าเขาก็้าที่จะออกไป
การเผชิญหน้ากับสตรีสักคนช่างน่ารำคาญ แล้วนับประสาอะไรกับสตรีมากมายเช่นนี้เล่า?
เมื่อเห็นเขาออกไป หานอวิ๋นซีก็อยากจะลุกขึ้นด้วย แต่ไท่เฮากลับบีบมือนางแน่นโดยไม่ได้พูดอะไร ความแข็งแกร่งนั้นแทบจะบดขยี้กระดูกของนาง มันเจ็บเหลือเกิน!
ใครจะรู้ว่าในเวลานี้ หลงเฟยเยี่ยจะหันกลับมามอง พร้อมกับคิ้วหล่อที่ขมวดเล็กน้อย “หานอวิ๋นซี เ้ายังไม่เดินตามมาอีกหรือ?”
ฮึกฮึก...คิดว่าเขาจะทิ้งนางเสียแล้ว ช่างน่ากลัวเสียจริง
หานอวิ๋นซีพยายามจะสลัดมือของไท่เฮาอย่างเต็มที่ในทันที “เสด็จแม่ พวกเรามีเื่ด่วนที่ต้องไปทำ ขอตัวลาก่อนเพคะ วันหลังข้าจะมาเยี่ยมใหม่”
ขณะที่นางพูด ก็รีบเดินไปข้างๆ หลงเฟยเยี่ยอย่างรวดเร็ว ราวกับมีน้ำมันทาอยู่ที่เท้าของนาง ด้วยกลัวว่าจะถูกไท่เฮาดึงกลับไป หากนางอยู่ในสถานที่แบบนี้คนเดียว ต้องถูกกินจนเหลือแต่กระดูกเป็แน่
ไท่เฮาวางผ้าตกสีแดงลงเบาๆ แล้วยิ้มอย่างใจดี “เช่นนั้นก็รีบไปเถอะ อย่ารอช้าเลย”
หลงเฟยเยี่ยไม่ได้หันกลับไปมอง เมื่อหานอวิ๋นซีเห็นแล้วก็รู้สึกกล้าหาญมากขึ้น นางไม่ได้สนใจคำพูดของไท่เฮาและเดินตามหลงเฟยเยี่ยออกไปที่ประตูโดยไม่หันกลับมามองเช่นกัน
ฉินอ๋องเป็ผู้ที่สูงส่งที่สุด ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ!
ในฐานะฉินหวังเฟย นางไม่อาจทำให้เขาขายหน้าได้ ด้วยเหตุนี้ หานอวิ๋นซียิ่งยืดหลังให้ตรงยิ่งขึ้น แล้วคิดในใจว่า การที่ได้อยู่กับผู้ชายคนนี้ มันสุดยอดเหลือเกิน!
หานอวิ๋นซีมีความสุขอย่างมาก ทันทีที่พวกเขาเดินออกไป ไท่เฮาก็ขว้างถ้วยชาลงด้วยความโกรธ “หานอวิ๋นซีคนนี้ งามหน้าจริงๆ!”
การทักทายทั้งสองที่เป็ไปด้วยความราบรื่นและเบิกบานใจ ซึ่งทำให้หานอวิ๋นซีอารมณ์ดีไม่น้อยและรู้สึกดีต่อหลงเฟยเยี่ยขึ้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ขึ้นรถม้าที่ประตูพระราชวัง หลงเฟยเยี่ยก็ถามอย่างเ็าว่า “ตอนนี้เ้าบอกยาแก้พิษให้ข้าได้หรือยัง?”
ยาแก้พิษหรือ?
หานอวิ๋นซีที่กำลังมีกับความสุขก็ตระหนักได้ว่าความสำเร็จและความสุขในวันนี้เป็เพียงข้อตกลง เขาช่วยนางแก้ปัญหา และนางก็ต้องช่วยเขากำจัดพิษที่เหลืออยู่ในร่างกายของเขา
คนผู้นี้จะไปปกป้องนางด้วยใจจริงได้อย่างไรกัน?
เมื่อมองไปที่ดวงตาอันแสนเยือกเย็นและไร้ความปรานีของหลงเฟยเยี่ย หานอวิ๋นซีก็แอบถอนหายใจ จะหลงกลผู้ชายคนนี้ไม่ได้
“ก็แค่สมุนไพรสามอย่าง จื่อเซี่ย จื่อชิว และจื่อตง ยิ่งมากเท่าไรยิ่งดี หลังจากหาได้แล้วก็มาหาข้า จำไว้ว่าท่านมีเวลาแค่สิบวันเท่านั้น หลังจากสิบวัน มีความเป็ไปได้ที่พิษจะออกฤทธิ์ขึ้นมา” หานอวิ๋นซีพูดอย่างกระฉับกระเฉง
หลงเฟยเยี่ยแค่พยักหน้าและออกจากรถม้าไปโดยไม่พูดอะไร เขาจะไม่กลับไปกับนางงั้นหรือ?
“นี่!” หานอวิ๋นซีวิ่งไล่ตามออกมา แต่น่าเสียดายที่ไม่เห็นเงาของเขาเสียแล้ว มีเพียงคนขับรถม้าเท่านั้น
หานอวิ๋นซียักไหล่และพูดกับคนขับว่า “กลับกันเถอะ”
หานอวิ๋นซีนอนอย่างเกียจคร้านในรถม้า มองดูความเร่งรีบและความวุ่นวายของเมืองหลวงผ่านหน้าต่างที่ปิดไว้ครึ่งหนึ่งไปพลาง และคิดไปพลางว่า หลงเฟยเยี่ยยอมรับนางแล้ว การใช้ชีวิตอยู่ในจวนฉินอ๋องคงไม่ยากลำบากมาก แค่เพียงอย่าให้อี้ไท่เฟยจับพิรุจได้ ท่านก็คงไม่สามารถทำอะไรนางได้
จะดีที่สุดหากอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข ตราบใดที่พวกเขาไม่สร้างปัญหาให้กับนาง นางก็จะได้เป็หวังเฟยในนามอย่างราบรื่น และจะไม่มีวันสร้างปัญหาให้กับพวกเขา นางเองก็มีเื่ของตนเองที่ต้องทำเช่นกัน
วิธีการล้างพิษแบบแพทย์แผนจีนที่นางศึกษามามีข้อจำกัดมากมายในยุคปัจจุบัน ตำรับยาและสมุนไพรจำนวนมากหายไป ในสมัยโบราณมีของดีอีกมากมายให้นางค่อยๆ ได้ศึกษา และขยายการสำรองระบบล้างพิษต่อไป
หานอวิ๋นซีที่เป็คนมองโลกในแง่ดีอยู่แล้ว เมื่อคิดเช่นนี้ก็รู้สึกได้ทันทีว่าการใช้ชีวิตที่นี่เองก็ไม่เลวเช่นกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้