“แค่กๆ ข้าเป็คนใจเร็วปากไวมาโดยตลอด ท่านอย่าได้ถือสาเลย! ท่านเป็ฮ่องเต้ปรารถนาจะมีสตรีกี่คนก็มีไปเถิด เป็เื่สมควรแล้ว! กลับวังแล้วข้าจะเฟ้นหาสตรีรูปโฉมงดงามให้ท่าน ให้มีทุกรูปแบบ รับรองว่าท่านต้องเลือกจนตาลาย!”
คิดไม่ถึงว่าความกดดันในบรรยากาศไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้ามกลับยิ่งน่ากลัวกว่าเดิม กดดันเสียจนนางแทบจะหายใจไม่ออก
เฟิ่งเฉี่ยนอึดอัดใจ ล้วนกล่าวว่าจิตใจของฮ่องเต้ยากที่จะหยั่งถึง เป็เช่นนั้นจริงๆ นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ ท่านช่างปรนนิบัติยากเย็นเหลือเกิน ตกลง้าให้ข้าเป็อย่างไรกันแน่
เพื่อปกป้องตนเอง นางตัดสินใจเป็คนโปร่งแสง หันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างเพื่อหลบสายตาคมปลาบ
นอกรถม้า ลั่วหยิ่งลอบปาดเหงื่อ กลัวเหลือเกินว่าจะมีการต่อสู้กันภายในรถม้า!
ตอนนี้ท้องฟ้ายังเช้าอยู่ ร้านค้ามากมายเพิ่งจะเปิดร้าน เมื่อผ่านร้านค้าใหญ่โต เฟิ่งเฉี่ยนมองออกไปด้านนอกรถม้าแล้วร้องะโ “หยุดก่อน!”
ลั่วหยิ่งรีบดึงสายบังเหียนของม้า หันมามองข้างใน เห็นเฟิ่งเฉี่ยนกำลังมองร้านค้าด้วยสายตาประเมิน บนป้ายของร้านค้าได้เขียนตัวอักษรสี่ตัว “ร้านค้าสกุลหลัน” ตัวใหญ่ๆ นี่ก็คือร้านค้าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสกุลหลันในเมืองมู่หยาง
เพราะเฟิ่งเฉี่ยนเห็นคำว่า “สกุลหลัน” สองคำนี้ นางจึงให้รถม้าหยุดลง นางจำได้ว่าหลันเยว่หรูเคยพูดว่า สกุลหลันของพวกนางเป็ร้านค้าที่หาซื้อวัตถุดิบเทพได้ ดังนั้นนางจึงหันไปพูดกับลั่วหยิ่ง “ลั่วหยิ่ง ถามฝ่าาสักหน่อยว่าพวกเราจะหยุดพักที่นี่สักครู่หนึ่งได้หรือไม่”
ลั่วหยิ่งตะลึง ฝ่าามิใช่นั่งอยู่ข้างกายท่านหรือ ท่านยัง้าให้กระหม่อมไปกราบทูลหรือพ่ะย่ะค่ะ
ขณะที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ก็ได้ยินเสียงของฝ่าากล่าวว่า “บอกฮองเฮาว่าไม่ได้!”
เฟิ่งเฉี่ยนเบ้ปากแล้วะโอีกว่า “ลั่วหยิ่ง บอกฝ่าา ข้าต้องเตรียมเครื่องปรุงบางอย่าง สำหรับนำมาทำอาหาร เป็เื่สำคัญ!”
ลั่วหยิ่งมีสีหน้าเหนื่อยหน่าย เขาอ้าปากไม่รู้ว่าจะบอกความอย่างไร หรือไม่บอกจะดีกว่า...
เซวียนหยวนเช่อลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินลงมาจากรถม้าด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับในเวลานี้เอง
มุมปากเฟิ่งเฉี่ยนยกขึ้นเป็รอยยิ้มได้ใจ รู้ว่าเขาอนุญาตแล้ว จึงลุกขึ้นและลงจากรถม้าตามไป
เซวียนหยวนเช่อและเฟิ่งเฉี่ยนคนหนึ่งเดินข้างหน้าอีกคนหนึ่งเดินข้างหลัง เดินเข้าไปในร้านค้าสกุลหลัน ร้านค้าเพิ่งจะเปิด ยังไม่มีลูกค้ามากนัก คนทั้งสองเข้าไปในร้าน หลงจู๊ออกมาต้อนรับทันที เมื่อเขาเดินมาถึงเบื้องหน้าเซวียนหยวนเช่อ เพียงแค่มองก็รู้ว่านี่เป็ผู้มั่งมีคนหนึ่ง จึงทักทายอย่างกระตือรือร้น “นายท่าน ้าสินค้าอะไรขอรับ บอกกับข้าน้อย ข้าน้อยจะแนะนำให้ท่านขอรับ”
คิดไม่ถึงว่าใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นจะมาเจอกับสีหน้าอันเ็า ผู้อื่นไม่แม้แต่จะเหลียวมองเขา ทำราวกับเขาไม่มีตัวตน หลงจู๊ได้แต่ทำหน้าไม่ถูกอยู่ที่เดิม
เฟิ่งเฉี่ยนกวักมือเรียกเขา “ข้า้าเครื่องปรุงบางอย่างสำหรับทำอาหารเทพ เ้าแนะนำให้ข้าสักหน่อย!”
หลงจู๊กลับมามีชีวิตชีวาทันที เขาพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “นายท่านมาถูกที่แล้วขอรับ หากว่าด้วยเครื่องปรุงที่นำมาทำอาหารเทพแล้ว ร้านสกุลหลันของพวกเราเป็ร้านที่มีสินค้าครบถ้วนที่สุด ้าอะไรมีสิ่งนั้น รับรองว่าท่านต้องพอใจ เชิญตามผู้น้อยมาขอรับ!”
หลงจู๊นำทางเฟิ่งเฉี่ยนมาถึงชั้นวางสินค้าตัวหนึ่ง สินค้ามีครบครันจริงๆ เกลือ น้ำตาล น้ำส้มสายชู พริก ซีอิ๊ว เป็ต้น...เครื่องปรุงโดยพื้นฐานที่ต้องมีในประกอบอาหารล้วนมีทั้งสิ้น อีกทั้งทุกอย่างล้วนมีกลิ่นอายเทพอยู่ด้วย แม้จะไม่ได้มีขั้นที่สูงมากนักแต่สำหรับปรุงอาหารทั่วไปนับว่าเพียงพอแล้ว!
“เครื่องปรุงเหล่านี้ ทุกอย่างหยิบให้ข้าหนึ่งห่อ!” นางชี้ไปชั้นวางสินค้าอีกตัวหนึ่งซึ่งมีวางสุราเอาไว้ “ยังมีสุราข้างบนนั้น ทุกอย่างหยิบให้ข้าหนึ่งขวด!”
หลงจู๊ตาเหลือก “ทุก...ทุกอย่างหรือขอรับ”
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้ายืนยัน “ถูกต้อง ทุกอย่าง!”
นั่งอึดอัดอยู่บนรถม้ามาตลอดทาง ไม่ง่ายดายกว่าจะมีโอกาสได้ใช้เงินของเซวียนหยวนเช่อ นางจะไม่ฉวยโอกาสใช้เงินของเขาให้เต็มที่หรือ
นางเดินไปชั้นวางสินค้าอีกตัวหนึ่งซึ่งวางถ้วยชามจานและภาชนะอุปกรณ์เครื่องครัว “อันนี้ อันนี้ อันนี้ ยังมีอันนี้...ไม่เอา!...นอกนั้นเอาหมด!”
หลงจู๊ตาเหลือกอีกครั้ง ยังไม่ทันได้ตั้งสติ นางก็เดินไปหยุดยืนเบื้องหน้าชั้นวางรองเท้าบูธ แล้วยกมือขึ้นชี้ “รองเท้าบูธรุ่นนี้ จัดให้ข้าเจ็ดคู่!”
ครั้งนี้ ลั่วหยิ่งเองก็ตาเหลือกเช่นกัน เขาอดที่จะทักท้วงเสียงเบาไม่ได้ “เหนียงเหนียง นี่เป็รองเท้าของบุรุษขอรับ”
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้า “ถูกต้อง! ให้รางวัลพวกเ้าคนละคู่ พอดีเจ็ดคู่!”
ลั่วหยิ่งซาบซึ้งใจ “เหนียงเหนียง คิดไม่ถึงว่าท่านจะเอาใจใส่บ่าวเช่นนี้ พวกบ่าวซาบซึ้งเหลือเกิน!”
เฟิ่งเฉี่ยนผายมือ “ไม่มีอะไร หากจะขอบคุณก็ไปขอบคุณฝ่าาของพวกเ้า”
เขาต่างหากที่เป็เศรษฐีตัวจริง!
ลั่วหยิ่งและองครักษ์อีกหกคนแยกย้ายกันไปเปลี่ยนรองเท้า แต่ละคนมีสีหน้าปลาบปลื้มยินดี เฟิ่งเฉี่ยนเลือกรองเท้าบู๊ธรุ่นที่แพงที่สุดในร้าน พวกเขาจะไม่ยินดีได้อย่างไร พวกเขาจึงเข้ามาขอบคุณพร้อมหน้ากัน “ขอบคุณเหนียงเหนียงที่ให้รางวัลขอรับ!”
เฟิ่งเฉี่ยนโบกไม้โบกมือ “คนกันเองจะเกรงใจอันใด”
ใช้เงินของเซวียนหยวนเช่อซื้อใจผู้อื่น นี่เรียกว่ายืมดอกไม้ถวายพระ นางไม่รู้สึกปวดใจแม้แต่น้อย!
หันไปมองเซวียนหยวนเช่อ เห็นเขากำลังพิจารณาข้าวสารกำหนึ่งที่เขาหยิบขึ้นมาวางไว้บนฝ่ามือ ดูแล้วไม่มีท่าทีว่าจะโมโหแต่อย่างใด นางเก็บงำความคิดเข้าไปในท้องของตนเอง ในใจคิดว่าเขาเป็ถึงฮ่องเต้นะ ผู้มีเงินมากที่สุดในแคว้นเป่ยเยียน จะปวดใจกับเงินเล็กน้อยนี้หรือ ต่อให้ซื้อสินค้าในร้านค้าสกุลหลันจนหมดร้านเขาก็ไม่แม้แต่จะกะพริบตากระมัง ดูแล้วนางช่วยเขาประหยัดเงินเกินไปด้วยซ้ำ!
ขณะที่ลอบขบคิดในใจ หลงจู๊นำสมุดบัญชีพร้อมลูกคิดเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “นายท่าน สินค้าที่ท่านรับไปเป็จำนวนเงินหนึ่งพันสามร้อยหกสิบห้าตำลึงขอรับ นี่คือรายการสินค้า ท่านลองตรวจสอบดูขอรับ!”
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ดูด้วยซ้ำและเอ่ยกับลั่วหยิ่งว่า “จ่ายเงินเถิด!”
ลั่วหยิ่งหันไปมองเซวียนหยวนเช่อโดยไม่ส่งเสียง เซวียนหยวนเช่อพยักหน้าเป็การอนุญาต เขาจึงล้วงตั๋วเงินใบละหนึ่งพันตำลึงสองใบมาให้หลงจู๊ “ไม่ต้องทอน!”
หลงจู๊เห็นเช่นจึงยิ้มหน้าบาน “ขอบคุณนายท่าน นายท่านมาบ่อยๆ นะขอรับ!”
ชิชะ ช่างใจกว้างเหลือเกิน! เฟิ่งเฉี่ยนส่ายหน้า ลอบทอดถอนใจ เซวียนหยวนเช่อเดินมาหยุดข้างกายนางแล้วพูดกับนางไม่กี่ประโยค “เงินที่ใช้จ่ายไปในวันนี้ ให้หักจากเงินเบี้ยหวัดของเ้า!”
เฟิ่งเฉี่ยนได้แต่ยืนราวกับถูกสาปอยู่ที่นั่นในชั่วพริบตา
อะไรนะ? หักจากเงินเบี้ยหวัดของนางหรือ
เข้าใจอะไรผิดหรือไม่
ลั่วหยิ่งและคนอื่นๆ เห็นแล้วได้แต่กลั้นหัวเราะจนคอแดง พวกเขามองนางด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจอย่างสุดซึ้ง อยากจะหัวเราะแต่ก็ไม่กล้าหัวเราะออกมา
ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่า คิดจะเอาเปรียบฝ่าานั้นมิใช่เื่ง่าย เหนียงเหนียง ท่านไหว้พระสวดมนต์ให้ตัวเองมากๆ เถิด!
เฟิ่งเฉี่ยนรู้สึกเหมือนฟ้าผ่าลงมากลางศีรษะ ในหัวมีเสียงดังหวึ่งๆ นางถามขึ้นด้วยสีหน้าเจียนจะกระอักออกมาเป็เื “เช่นนั้นเบี้ยหวัดของข้าเดือนละเท่าไหร่”
ลั่วหยิ่งกระแอมกระไอแล้วตอบว่า “เหนียงเหนียง ท่านเป็ฮองเฮา เงินเบี้ยหวัดรายเดือนของท่านเป็รองเพียงไทเฮาเท่านั้น ทุกเดือนมีเบี้ยหวัดหนึ่งร้อยตำลึงพ่ะย่ะค่ะ”
“อะไรนะ? แค่หนึ่งร้อยตำลึงหรือ” เฟิ่งเฉี่ยนนับนิ้วของตน นางแทบจะหน้ามืด “นั่นมิใช่ว่าต้องหักเงินเบี้ยหวัดข้าเป็เวลาสองปีหรอกหรือ”
ลั่วหยิ่งทักท้วงขึ้นด้วยเจตนาดี “เหนียงเหนียง หากคำนวณให้ละเอียด ก็จะเป็เวลาหนึ่งปีแปดเดือนพ่ะย่ะค่ะ!”
สายตาประดุจคมมีดถูกกวาดออกไป ตอนนี้เฟิ่งเฉี่ยนบังเกิดความคิดสังหารคนขึ้นมาอย่างหุนหันพลันแล่น นางนึกอะไรบางอย่างออกจึงคว้าคอเสื้อของหลงจู๊เอาไว้ แล้วจ้องเขาอย่างเคียดแค้นและกล่าวว่า “ทอนเงิน!”
หลงจู๊ถูกนางทำให้ใจนสะดุ้ง เขาหดคอแล้วพูดว่า “เมื่อสักครู่...เมื่อสักครู่มิใช่บอกว่าไม่ต้องทอนเงินหรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนคำรามใส่เขาเสียงดัง “เมื่อครู่คือเมื่อครู่ ตอนนี้คือตอนนี้!”
หลงจู๊รีบพยักหน้า “ได้ ได้ ข้าน้อยจะทอนเงินให้ท่านเดี๋ยวนี้”
เฟิ่งเฉี่ยนจึงปล่อยปกคอเสื้อของเขา นางหันมากวาดสายตา—มองลั่วหยิ่งและองครักษ์อีกหกคน จากนั้นจ้องรองเท้าที่อยู่ที่ขาของพวกเขา “ถอดรองเท้าออกมา คืนของ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้