เยี่ยโยวเหยาตกตะลึงเล็กน้อยคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะถามเช่นนี้ ทั้งยังถามอย่างตรงไปตรงมาเสียด้วย เยี่ยโยวเหยาจึงไม่ได้พูดอันใดไปครู่ใหญ่
สายตาของซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาสบมองกัน
ซูจิ่นซีจับจ้องการแสดงออกทั้งหมดบนใบหน้าของเยี่ยโยวเหยาอย่างละเอียดทว่านางกลับเห็นเพียงความเ็าและนิ่งสงบอย่างที่เป็มาตลอด
ทันใดนั้นบนท้องฟ้าก็มีเสียงดัง “ตูม”
ซูจิ่นซีหันกลับมามอง นางเห็นดอกไม้ไฟที่เบ่งบานอย่างสวยงามเต็มท้องฟ้าสุดลูกหูลูกตา
“งดงามมาก! ”
วันนี้เป็ครั้งที่สองที่นางได้เห็นดอกไม้ไฟ!
ดอกไม้ไฟที่สว่างไสวบนท้องฟ้ามีหลากหลายสีสัน ส่องแสงสลับปะปนกันอย่างงดงามแสงจากดอกไม้ไฟตกกระทบลงบนแก้มของซูจิ่นซี กอปรกับมวยผมดอกจูอวี๋สีแดง ช่วยขับให้ใบหน้าด้านข้างของนางงดงามมากยิ่งขึ้น
เยี่ยโยวเหยาเฝ้ามองใบหน้าด้านข้างของซูจิ่นซีอย่างเงียบงัน
ทันใดนั้นคิ้วของเขาก็ขมวดแน่น เยี่ยโยวเหยายกมือขึ้นกุมที่ตำแหน่งหัวใจด้วยใบหน้าซีดขาวพลางก้าวถอยหลังออกไป
“เยี่ยโยวเหยา ท่านเป็อันใดไปเพคะ? ”
ซูจิ่นซีได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจึงหันกลับมาในทันที และพบว่ามีบางสิ่งผิดปกติไป
การแสดงออกของเยี่ยโยวเหยาดูไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ก่อนหน้านี้ นางเคยเห็นท่าทางของเขาที่เกิดจากพิษสลายโลหิตกำเริบจนเสียการควบคุมทว่าในตอนนี้เขาเป็ปีศาจที่ไร้หัวใจ นางไม่เคยเห็นอาการที่ลำบากเช่นนี้ของเยี่ยโยวเหยามาก่อน
“เ้าอย่าเข้ามา! ออก... เ้าออกไป! ”
ในเวลาสั้นๆ บนหน้าผากของเยี่ยโยวเหยาก็ปรากฏเหงื่อเย็นบางๆ ซึมออกมากระทั่งมือที่ชี้ซูจิ่นซีอยู่ก็สั่นเทาไปหมด
ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่สามารถสร้างความลำบากให้แก่เยี่ยโยวเหยาได้ทว่าการแสดงออกเช่นนี้ของเยี่ยโยวเหยาได้ล้มล้างภาพลักษณ์ที่มีอำนาจของเขาเสียแล้ว
ซูจิ่นซีกังวลเป็อย่างมาก “เยี่ยโยวเหยาให้หม่อมฉันดูหน่อยว่าเป็อย่างไรบ้าง? ท่านป่วยหรือว่าาเ็เพคะ”
ซูจิ่นซีตัดความเป็ไปได้ที่เยี่ยโยวเหยาจะถูกพิษออกไปเนื่องจากระบบถอนพิษไม่ได้แจ้งเตือน
ไม่สิ!
ซูจิ่นซีนึกบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้กะทันหัน
แม้ว่าระบบถอนพิษไม่ได้แจ้งเตือน ทว่าก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าสามารถตัดความเป็ไปได้ที่เยี่ยโยวเหยาไม่ได้ถูกพิษออกไปอย่างไรก็ตาม ตอนนี้ระดับของระบบถอนพิษไม่ได้สูงมากนัก มีความเป็ไปได้อย่างมากที่สารพิษบางส่วนจะไม่สามารถตรวจวัดออกมาได้
ดังนั้นซูจิ่นซีจึงต้องตรวจสอบด้วยตนเอง
เยี่ยโยวเหยาแทบจะขดตัวลงกับพื้นด้วยความทรมาน ทว่าเมื่อซูจิ่นซีเดินเข้าไปใกล้ปฏิกิริยาของเยี่ยโยวเหยาก็ยิ่งรุนแรงขึ้น เขาร้องะโให้ซูจิ่นซีถอยออกไปครั้งแล้วแล้วเล่า
“เยี่ยโยวเหยาเพคะ ท่านอย่าทำเช่นนี้ ท่านใจเย็นๆ หม่อมฉันไม่ได้ทำอันใดเพคะเพียงจะจับชีพจรของท่านเท่านั้น ตกลงหรือไม่เพคะ?”
ซูจิ่นซีกระทำด้วยความระวังเป็อย่างมาก ทว่าในใจกลับเ็ปจนอยากให้เป็นางเองที่เป็ฝ่ายทรมาน
“เ้าไสหัวออกไป! ”
ทันใดนั้นเยี่ยโยวเหยาก็ลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก เขาชี้นิ้วด่าซูจิ่นซีได้เพียงประโยคเดียวจากนั้นเยี่ยโยวเหยาก็เดินโซซัดโซเซผ่านฝูงชนออกไป
แม้ว่าเยี่ยโยวเหยาจะรู้สึกทรมานทว่าก็ยังฝืนใช้วรยุทธซูจิ่นซีที่เดินตามหลังเยี่ยโยวเหยา ไม่นานก็ตามไม่ทันฝีเท้าของเขา ชั่วพริบตาก็มองไม่เห็นเงาของเยี่ยโยวเหยาแล้ว
ซูจิ่นซีวิ่งมาตามทางกลับจวนโยวอ๋องอย่างรวดเร็ว ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยเหงื่อลำคอแห้งผาก
เมื่อแม่นมฮวามองเห็นซูจิ่นก็ดีใจมาก “พระชายา เสด็จกลับมาแล้วหรือเพคะ?”
“ท่านอ๋องกลับมาแล้วหรือยัง? ”
“ตอนที่องครักษ์ฉินกลับมาได้บอกว่าท่านอ๋องกับพระชายาอยู่ด้วยกันนี่เพคะ!แล้วเหตุใด? ท่านอ๋องไม่ได้กลับมาพร้อมกับท่านหรอกหรือเพคะ?” แม่นมฮวามองดูแผ่นหลังของซูจิ่นซีด้วยความไม่เข้าใจ
แย่แล้ว เยี่ยโยวเหยาไม่ได้กลับมา เขาเป็เช่นนั้น หากหมดสติอยู่ข้างนอกหรือเกิดเื่อันใดขึ้นจะทำอย่างไร?
“ฉินเทียนเล่า? ” ซูจิ่นซีถามขึ้นอีกครั้ง
“องครักษ์ฉินกลับมาแล้ว ทว่าก็ออกจากจวนไปแล้วเพคะ เื่ของกองทัพองครักษ์พวกหม่อมฉันล้วนไม่เคยถาม พระชายาเพคะ เกิดอันใดขึ้นหรือเพคะ? ” ในที่สุดแม่นมฮวาก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติของซูจิ่นซี
แม้แต่ฉินเทียนก็ไม่อยู่ ซูจิ่นซีคิดไม่ออกเลยว่า เยี่ยโยวเหยาที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นจะไปหาผู้ใดได้เขาจะไปที่ใดได้ นางยิ่งคิดยิ่งวิตก ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวล
“แม่นมฮวา วิหาริญญาอยู่ที่ใด?”
ซูจิ่นซีเพิ่งถามออกไป แม่นมฮวาก็แสดงสีหน้าใราวกับได้ยินเื่ที่น่าหวาดกลัวอย่างไรอย่างนั้นสีหน้าท่าทางล้วนเปลี่ยนแปลงไปหมด
“พระชายา ไปไม่ได้ ไปไม่ได้อย่างเด็ดขาดนะพ่ะย่ะค่ะ!”
พ่อบ้านชราเข้ามาได้ยินซูจิ่นซีถามถึงที่อยู่ของวิหาริญญากับแม่นมฮวาเข้าพอดี
“เหตุใดจึงไปไม่ได้เล่า? พ่อบ้านข้ามีเื่ด่วนจริงๆ ”
“พระชายา วิหาริญญามีแต่ผู้ที่ได้รับอนุญาตจากท่านอ๋องเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าไปได้ผู้อื่นไม่ว่าเป็ผู้ใดก็ตาม หากเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องถูกปะาพ่ะย่ะค่ะ”
พ่อบ้านพูดพร้อมกับแสดงใบหน้าหวาดกลัวเป็อย่างยิ่ง ราวกับกำลังพูดถึงนรกบนดินอย่างไรอย่างนั้น
พ่อบ้านกลัวซูจิ่นซีไม่เชื่อจึงพูดเสริมต่อว่า “มีอยู่ครั้งหนึ่งเนื่องจากไท่เฟยมีเื่ด่วนกับท่านอ๋อง พระองค์จึงไปที่วิหาริญญา ท่านอ๋องก็เกือบจะจัดการกับไท่เฟยพ่ะย่ะค่ะ”
แม้แต่มารดาผู้ให้กำเนิดของตนก็ยังสามารถจัดการได้หรือ?
แท้จริงแล้ววิหาริญญามีความลับอันใดที่เยี่ยโยวเหยาซ่อนไว้กัน?
ทว่านี่ไม่ใช่เื่ที่ซูจิ่นซีสนใจมากนักในตอนนี้
เยี่ยโยวเหยาไม่ได้กลับมาที่จวน ฉินเทียนก็ไม่อยู่ไปหาที่วิหาริญญาก็ไม่ได้ นางควรจะทำอย่างไรดี?
ในสมองของซูจิ่นซีราวกับหนังอย่างไรอย่างนั้น ฉายซ้ำภาพของเยี่ยโยวเหยาก่อนที่เขาจะจากไปอย่างไรนางก็ไม่อาจวางใจได้
“พระชายา เกิดเื่อันใดขึ้นกันแน่พ่ะย่ะค่ะ? หากมีเื่ด่วนอันใดที่้าพบท่านอ๋องข้าน้อยสามารถส่งคนไปที่วิหาริญญาเพื่อส่งข้อความไปบอกท่านอ๋องได้พ่ะย่ะค่ะ”พ่อบ้านกล่าวขึ้น
ซูจิ่นซีคิดไปคิดมา ตอนนี้ที่ทำได้ก็มีเพียงเท่านี้แล้ว
ทว่าให้ยืนพูดอยู่ที่ลานก็คงไม่เหมาะสมลักษณะอาการของเยี่ยโยวเหยานั้นไม่ควรให้ผู้อื่นรู้มากนัก
ซูจิ่นซีจึงพาพ่อบ้านชราและแม่นมฮวากลับมาที่เรือนอวิ๋นไคก่อน
เมื่อลวี่หลีเห็นซูจิ่นซีกลับมาก็ดีใจเป็อย่างมากทว่าเมื่อเห็นซูจิ่นซีและพ่อบ้าน อีกทั้งยังมีแม่นมฮวาที่แสดงท่าทางจริงจัง นางจึงเก็บความรู้สึกดีใจนั้นไว้และคอยรับใช้ปรนนิบัติอยู่ข้างๆ อย่างระมัดระวัง
หลังจากกลับมาถึงเรือนอวิ๋นไค ซูจิ่นซีก็นำเหตุการณ์แปลกประหลาดและการหายตัวไปอย่างรวดเร็วของเยี่ยโยวเหยามาเล่าให้พ่อบ้านฟังอีกครั้ง
ใบหน้าของแม่นมฮวาเต็มไปด้วยความกังวล “พระชายา ท่านแน่ใจหรือไม่เพคะ ว่าได้กำจัดพิษในตัวท่านอ๋องออกจนหมดแล้ว?”
“นอกเสียจากพิษสลายโลหิตที่ถือว่าจัดการได้ยากยิ่ง พิษที่อยู่ในร่างกายของเขาก่อนหน้านี้ข้ามั่นใจว่าได้กำจัดออกหมดแล้ว ทว่าลักษณะเช่นนั้นไม่เหมือนกับอาการกำเริบจากพิษสลายโลหิต ข้าประหลาดใจนัก ทว่าข้าก็บอกไม่ได้ว่าประหลาดใจตรงที่ใด”
อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีไม่เคยเห็นลักษณะที่เ็ปทรมานถึงเพียงนั้นมาก่อน
“นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่เพคะ? ”
แม่นมฮวาหันไปหันมาอย่างเป็กังวล
“พระชายาไม่ต้องเป็กังวลนะพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจะส่งคนไปลองถามที่วิหาริญญาดูหากท่านอ๋องกลับมายังวิหาริญญาแล้ว จะต้องทราบอย่างแน่นอนว่าตอนนี้ท่านอ๋องเป็อย่างไรบ้าง”พ่อบ้านกล่าวขึ้น
ซูจิ่นซีพยักหน้า
พ่อบ้านเร่งรีบส่งคนไปยังวิหาริญญา
เวลาเคลื่อนผ่านไป
ซูจิ่นซียุ่งติดต่อกันมาหลายวัน อีกทั้งเื่ราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็พลิกผันเป็อย่างมากซูจิ่นซีต้องใช้พลังจิตและพลังสมองในการจัดการ เวลานี้ซูจิ่นควรจะไปอาบน้ำอุ่นและนอนหลับอย่างสบายใจจึงจะถูกทว่าดวงตาทั้งสองกลับเบิกกว้าง นอนไม่หลับตลอดทั้งคืน
เมื่อถึงตอนบ่ายของวันรุ่งขึ้น พ่อบ้านชราก็มาที่เรือนชิงโยวและบอกว่าผู้ที่ส่งให้ไปวิหาริญญาไม่กลับมาเลยเขาจึงส่งคนไปครั้งที่สอง ทว่าก็ไม่กลับมาเช่นกัน
ที่วิหาริญญาคงจงใจกักขังคนและข่าวสารไว้ ไม่ให้คนในจวนโยวอ๋องรู้
ซูจิ่นซีนั่งลงบนเก้าอี้อย่างห่อเหี่ยว ดวงตาทั้งคู่อ้างว้างนางมองไปทางตำหนักฝูอวิ๋น
เกิดอันใดขึ้นกับเยี่ยโยวเหยากันแน่?
ซูจิ่นซีไม่ได้นอนทั้งวัน สำรับที่แม่นมฮวาและลวี่หลียกมาให้ก็ถูกเขี่ยสองครั้งหลังจากนั้นก็วางลงนางบอกว่าไม่มีอารมณ์ทาน จะทำเื่สิ่งใดก็ไม่มีใจที่จะทำไม่มีเรี่ยวแรงกระตือรือร้น
แม้ในยามกลางคืนซูจิ่นซีจะข่มตานอนได้แล้ว ทว่านอนได้ไม่กี่ชั่วยามก็ตื่นขึ้นมาราวกับฝันร้ายหลังจากนั้นก็ไม่หลับอีกเลย ทำเพียงนั่งอยู่ข้างหน้าต่างมองดูหน้าต่างที่มืดสนิทของตำหนักฝูอวิ๋น
พอเข้าวันที่สาม เยี่ยโยวเหยาก็ยังไม่กลับมา ทางวิหาริญญาก็ยังคงไม่มีข่าวคราวอันใด
“พระชายาเพคะ วันนี้เป็วันที่ท่านและคุณหนูฮั่วตกลงกันว่าจะปฏิบัติตามสัญญาเดิมพันที่โรงน้ำชาจุ้ยหงนะเพคะ”แม่นมฮวากล่าวเตือน
ซูจิ่นซีลุกขึ้นเดินอย่างไม่มีเรี่ยวแรงไปที่เรือนอวิ๋นไค“ไม่มีกะจิตกะใจจะไป”
แม่นมฮวาถอนหายใจเฮือกใหญ่
พระชายาเป็ห่วงท่านอ๋อง นางเคยไม่เป็ห่วงที่ใดกันเล่า?
หากวันนี้พระชายาไม่ไปตามนัด ผู้ใดจะรู้ว่าจะมีข่าวลืออันใดจากคนภายนอกอีกฮั่วอวี้เจียวคิดจะทำอันใดแผลงๆ อีกหรือไม่
ดังนั้นแม่นมฮวาจึงส่งคนไปสืบข่าวที่หน้าประตูโรงน้ำชาจุ้ยหง ให้เขาคอยรายงานสถานการณ์ทางนั้นกับนางตลอดเวลา
ทว่าจนถึงพลบค่ำแล้ว ฮั่วอวี้เจียวก็ไม่ปรากฏตัวออกมาแม่นมฮวาจึงส่งคนออกไปแจ้งว่าซูจิ่นซีป่วย นางรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว จึงได้เปลี่ยนแปลงวันที่จะพบกับฮั่วอวี้เจียวอีกครั้ง
เป็อย่างที่แม่นมฮวาคิดไว้จริงๆ แม้ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี ทว่ายังคงมีข่าวลือที่พูดกันปากต่อปากปากติดอยู่ที่ตัวของคนเ่าั้ พวกเขาสามารถพูดได้ทุกอย่าง
แม่นมฮวากระวนกระวายใจยิ่งนัก นางจึงปิดประตูจวนไม่ยอมฟังข่าวลืออันใดทั้งนั้นและไม่ยอมเปิดประตูออกมาเลย
เป็เวลาหลายวันแล้ว ทว่าสถานการณ์ยังคงเป็เช่นเดิม เยี่ยโยวเหยายังไม่กลับมาทางฝั่งวิหาริญญาก็ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ ซูจิ่นซีคิดจะไปวิหาริญญาอยู่หลายครั้งโดยไม่สนใจชีวิตตนเองทว่าก็ถูกแม่นมฮวาและพ่อบ้านขวางทางไว้ตลอด
เมื่อถึงวันที่เจ็ด ก็มีคนจากจวนโยวอ๋องผู้หนึ่งนำของสองชิ้นมาให้