เมื่อได้ยินคำของเหลยป้าเทียน เสิ่นเสวียนพลันกระตุกยิ้มมุมปากแล้วเดินเข้าไปด้านใน
เริ่นเสี้ยวเทียนยืนอยู่ด้านนอกมองเสิ่นเสวียนเดินเข้าไปด้านในด้วยสีหน้าสับสน เขาไม่เข้าใจเลยว่าเสิ่นเสวียนกล่าวอะไร หรือกล่าวได้ว่าสิ่งที่เสิ่นเสวียนกล่าวออกมาเขาไม่รู้เื่เลยแม้แต่น้อย แต่เสิ่นเสวียนรู้เื่นี้ได้อย่างไร
เขาเองไม่ได้นิ่งเฉย เดินตามเสิ่นเสวียนเข้าไปทันที
เมื่อเข้าไปภายในห้องโถง เสิ่นเสวียนเดินตรงไปนั่งเก้าอี้โดยไม่เกรงใจ ซึ่งอยู่ข้างๆ เหลยก่วนที่กลายเป็คนทึ่มไปแล้ว
เขาไม่ได้น่าเห็นใจเลย ในโลกนี้ทุกคนต่างต้องรับผิดชอบต่อคำพูดและการกระทำของตนเอง
เมื่อเห็นเสิ่นเสวียนและเริ่นเสี้ยวเทียนนั่งลงแล้ว เหลยป้าเทียนก็นั่งลงในตำแหน่งผู้นำเช่นกัน
“เ้าหนุ่ม เ้ารักษาได้หรือ”
เหลยป้าเทียนถามขึ้นทันที
“จิติญญาของคุณชายไม่เพียงพอ รักษาไม่ได้ แต่อาการของท่านไม่ใช่เื่ยาก”
“รักษาอย่างไร”
เหลยป้าเทียนมองเสิ่นเสวียนด้วยแววตาเป็ประกาย อาการเ็ปนี้รบกวนชีวิตเขามาหลายสิบปีแล้ว หากสามารถรักษาให้หายดีได้พลังยุทธ์ของเขาจะก้าวหน้าขึ้นไปอีก มิเช่นนั้นเขาอาจต้องย่ำอยู่กับที่ไปชั่วชีวิต ไม่มีทางก้าวหน้าได้เลย
“การรักษาไม่ใช่เื่ยาก แต่ข้าต้องรู้ถึงต้นตอเสียก่อน”
“ต้นตอ คือ... ข้าไม่ปิดบังเลยแล้วกัน มันเป็อาการเจ็บป่วยของข้ามาั้แ่เด็ก รบกวนการใช้ชีวิตของข้ามาครึ่งชีวิตแล้ว หากเ้ารักษาได้ ตระกูลเหลยจะปฏิบัติต่อเ้าในฐานะแขกระดับสูง”
“แล้วเื่ของคุณชายล่ะ” เริ่นเสี้ยวเทียนที่อยู่ข้างๆ ถามขึ้น
“เขาทำเองก็ต้องรับผิดชอบตนเอง พวกเ้าทั้งสองช่วยข้าสั่งสอนเขาแล้ว ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก”
เหลยป้าเทียนยิ้มพลางกล่าว หากคนตระกูลเหลยคนอื่นๆ มาเห็นเหลยป้าเทียนทำอย่างนี้ต้องใจนอ้าปากค้างอย่างแน่นอน เหลยป้าเทียนได้ชื่อว่าเป็คนหวงลูกมากๆ ไม่อย่างนั้นเหลยก่วนไม่มีทางหยิ่งผยองเช่นนี้ได้ ทว่าตอนนี้คนหวงลูกอย่างเหลยป้าเทียนกลับกล่าวเช่นนี้ออกมา
“เฮ้อ ท่านผู้นำตระกูลเหลยไม่จริงใจเลยนะ ในเมื่อท่านไม่เปิดเผยออกมา ข้าก็ไม่มีอะไรต้องบอกแล้ว แต่ข้าต้องขอบอกท่านว่า เมื่อความเ็ปนี้ลุกลามไปถึงกระดูกสันหลังข้อที่สิบแปด นั่นคือวันที่ท่านจะตาย”
เสิ่นเสวียนกล่าวอย่างสบายๆ
“คือ...”
เหลยป้าเทียนเม้มปากเล็กน้อย
“ดูเหมือนจะปิดบังอะไรเ้าไม่ได้เลย แต่ก่อนที่ข้าจะบอกให้เ้ารู้ เ้าทำให้ข้าเชื่อก่อนได้หรือไม่ว่าเ้าสามารถรักษาข้าได้จริงๆ” เห็นได้ชัดว่าเหลยป้าเทียนกำลังจะบอกความลับบางอย่าง
“ท่านมีสิทธิ์ยื่นข้อเสนอกับข้าด้วยหรือ อย่างไรก็ตาม ให้ท่านได้เห็นคงไม่เป็ไร”
เสิ่นเสวียนกล่าวเสียงเย็น จากนั้นพลันมีคลื่นพลังมิติสั่นะเืขึ้นรอบๆ ร่างของเขา
“กรร!!!”
เสียงัคำรามดังขึ้นเบื้องหน้าของเสิ่นเสวียน เสียงของมันสะท้อนกึกก้องไปทั้งห้องโถง
และในตอนนี้กระบี่เล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเสิ่นเสวียนแล้ว
กระบี่ยาวสามฉื่อสามชุ่น กว้างหนึ่งฉื่อสองชุ่น ตรงด้ามกระบี่มีรอยเว้าประดับอัญมณีสีดำเอาไว้ พลังทั้งหมดมีต้นกำเนิดมาจากอัญมณีเม็ดนั้น จากนั้นก็กระจายไปตามกระบี่ราวกับชีพจรในร่างของมนุษย์
กระบี่ัคำราม!
“ศาสตราวิเศษขั้นปฐี!”
ทันทีที่กระบี่ัคำรามปรากฏขึ้น เหลยป้าเทียนจ้องไปทางกระบี่ัคำรามไม่วางตา แล้วจึงค่อยตั้งสติกลับมาได้
“เ้าเป็ใครกันแน่”
ทั่วทั้งแคว้นชิงหยุน ศาสตราวิเศษขั้นปฐีมีอยู่เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น และทุกชิ้นยังกลายเป็ของล้ำค่าประจำตระกูลอีกด้วย ไม่มีการสืบต่อไปยังภายนอก แต่การพกติดตัวมาได้อย่างที่เสิ่นเสวียนทำ ความยิ่งใหญ่ของเขาหาใช่สิ่งที่ตนจะจินตนาการได้ในตอนนี้
“นี่คือศาสตราวิเศษที่ข้าสร้างขึ้นเอง ท่านว่าข้ามีสิทธิ์ไหม”
เสิ่นเสวียนมองอีกฝ่ายพลางกล่าวเสียงเรียบ
ในพริบตาที่กล่าวทำให้เสิ่นเสวียนดูสูงส่งยิ่งขึ้นไปอีก สูงมากจนมิอาจเอื้อมถึงแล้ว
เริ่นเสี้ยวเทียนที่นั่งอยู่ไม่ไกลรับรู้ได้อย่างล้ำลึก การปรากฏขึ้นของศาสตราวิเศษขั้นปฐีทำให้เขาต้องทำความเข้าใจเสิ่นเสวียนใหม่อีกครั้ง การศาสตราวิเศษและการสร้างศาสตราวิเศษแยกเป็สองประเภทอย่างชัดเจน ลูกหลานคนสำคัญของตระกูลใหญ่บางตระกูลได้ศาสตราวิเศษไม่ใช่ว่าเป็ไปไม่ได้ แต่การสร้างศาสตราวิเศษขึ้นมาแสดงให้เห็นว่าเสิ่นเสวียนเป็นักสร้างศาสตราวุธที่สามารถสร้างศาสตราวิเศษขั้นปฐีได้คนหนึ่ง
กระทั่งถึงตอนนี้เขาจึงได้พบว่า เสิ่นเสวียนที่อยู่ตรงหน้าเขาผู้นี้น่ากลัวยิ่งกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก!
ั้แ่กระบี่ัคำรามปรากฏขึ้น แววตาของเหลยป้าเทียนฉายความละโมบออกมาอย่างปิดไม่มิด แต่หลังจากได้ยินคำของเสิ่นเสวียนทำให้เขาล้มเลิกความคิดอยากใช้กำลังไป หากเป็อย่างที่เสิ่นเสวียนกล่าวมาจริงๆ ฐานะของเสิ่นเสวียนต้องอยู่เหนือกว่าเขามากอย่างแน่นอน
น่าเหลือเชื่อ น่าเหลือเชื่อยิ่งนัก
“ร้ายกาจ! ร้ายกาจ!”
เหลยป้าเทียนพยักหน้าพลางกล่าวออกมาแค่นั้น น้ำเสียงของเขาเปี่ยมไปด้วยความใ
“ตอนนี้ท่านสามารถเล่ามาได้แล้ว”
เสิ่นเสวียนแสดงฐานะนักสร้างศาสตราวุธของตนเองออกไปแล้ว กล่าวได้ว่าตอนนี้ดูมีสง่าราศีขึ้นมาไม่น้อย ก่อนหน้านี้เหลยป้าเทียนมีฐานะได้เปรียบกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ทว่าในตอนนี้เสิ่นเสวียนนำหน้าเขาไปแล้ว
ความจริงแล้วเขาไม่ได้รู้สึกอะไรต่อฐานะนี้ของตนเองเลย แค่นักสร้างศาสตราวุธคนหนึ่งเท่านั้น ผู้บำเพ็ญเพียรคนไหนไม่สามารถสร้างศาสตราวุธได้บ้าง แล้วเขาก็สร้างได้เพียงศาสตราิญญาเท่านั้น แม้จะไม่ยอดเยี่ยมแต่ก็นับว่าหายาก ทว่าในสายตาของเหลยป้าเทียนและคนอื่นๆ คงได้ชื่อว่าเป็ตัวประหลาดไปแล้ว
“เ้าหนุ่ม ตามข้ามา”
เหลยป้าเทียนปรายตามองเสิ่นเสวียนอีกครั้ง ทำลายกำแพงความแค้นสุดท้ายภายในใจ แล้วเดินนำเข้าไปยังเรือนด้านใน
เสิ่นเสวียนลุกขึ้นแล้วเดินตามเข้าไป
“สหาย เ้าว่าข้าตามเข้าไปดีไหม” เริ่นเสี้ยวเทียนดึงเสิ่นเสวียนไว้ก่อนจะถาม
“เ้าอยากตามก็ตามมาได้”
เริ่นเสี้ยวเทียนครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วเดินตามเสิ่นเสวียนเข้าไปด้วย
เรือนด้านในคือลานด้านหลังของตระกูลเหลย ทว่าตอนนี้ลานด้านหลังว่างเปล่าร้างผู้คน พวกเขาเดินยาวไปถึงด้านหลัง ผ่านลานกว้างที่แยกตัวออกมา แล้วเหลยป้าเทียนก็นำทั้งสองคนเข้าไปภายในเรือน
ตอนนี้ภายในเรือนมืดสนิทไม่มีแสงสว่างใดๆ เลย ลึกเข้าไปในเรือนมีร่องรอยของคลื่นพลังปรากฏอยู่ หลังจากใช้พลังจิติญญาตรวจสอบแล้วจึงพบว่ามันคือหินสีดำก้อนใหญ่ขนาดกว้างยาวประมาณสามฉื่อ
“เพราะข้าดูดซับพลังของมันจึงส่งผลร้ายต่อร่างกาย หวังว่าท่านนักสร้างศาสตราวุธจะช่วยได้”
เหลยป้าเทียนกล่าวออกไป ไม่ได้มีท่าทีของผู้กุมอำนาจเหมือนกับก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้เขายืนอยู่ตรงหน้าเสิ่นเสวียนราวกับคนรุ่นหลังคนหนึ่ง
เสิ่นเสวียนเดินไปตรงหน้าหินสีดำก้อนนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นจึงยกมือขึ้นััหินก้อนนั้นเบาๆ
หลังจากได้ััมันแล้ว ความเย็นะเืทะลวงผ่านกล้ามเนื้อเข้าสู่ร่างกาย เสิ่นเสวียนััได้ถึงพลังของมันจึงกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นทันที
“ของดี แต่ท่านไม่ซื่อสัตย์ ช่างเถอะ พวกเราไปดีกว่า!”
เสิ่นเสวียนหันไปกล่าวกับเริ่นเสี้ยวเทียน จากนั้นก็หันหลังเดินกลับไป ทิ้งให้เหลยป้าเทียนยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง
“เ้าหนุ่มช้าก่อน!”
เหลยป้าเทียนเรียกเสิ่นเสวียนไว้ทันที
“นี่เป็เพียงจุดชักนำเท่านั้น ดูที่ด้านล่าง”
เมื่อกล่าวจบ พลังมากมายแผ่กระจายออกมาจากร่างของเหลยป้าเทียน พลังเหล่านี้เป็เหมือนคลื่นพลังเชื่อมต่อเข้ากับบางสิ่งบางอย่างภายในเรือน หลังจากนั้นภายในเรือนที่มืดสนิทก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป เริ่นเสี้ยวเทียนและเสิ่นเสวียนสังเกตไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกมหัศจรรย์
มิติแปรเปลี่ยน!
เมื่อทุกอย่างเบื้องหน้าสงบลง พวกเขาก็เข้ามาอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่พิเศษแห่งหนึ่งแล้ว
แม่น้ำสีดำสายหนึ่งไม่รู้ไหลมาจากไหนและจะไหลไปที่ใด พื้นที่พวกเขายืนอยู่ยังเป็ดินสีดำอีกด้วย
ทว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาใที่สุดก็คือ เบื้องหน้าพวกเขามีูเาสีดำสูงประมาณสามสิบจั้งตั้งตระหง่านอยู่ ซึ่งเป็ของชนิดเดียวกับหินสีดำก่อนหน้านี้ไม่ผิดเพี้ยน
“หินเฮยเย่าที่มีขนาดเท่าูเา?”
เสิ่นเสวียนมองูเาสีดำลูกนั้นด้วยความรู้สึกขบขัน อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา