อวิ๋นอี้มีแนวความคิดที่ดี แม้ว่าแขนของนางจะเจ็บจากการโดนหาม นางก็สามารถหาเหตุผลปลอบใจตัวเองได้
ยังดีที่ไม่ต้องเดินเอง ประหยัดแรงไปได้
สรีกลางคนทั้งสี่ที่หามนางมาตลอดทาง มีสีหน้าเข้มขึ้นเล็กน้อย
ในทางกลับกัน อวิ๋นอี้คิดว่า อารมณ์ของนางเพลานี้ไม่เลวเลย
นางมองไปรอบๆ พบว่าทิวทัศน์ในวังช่างงดงามน่าหลงใหล
ปลายฤดูวสันต์ กลิ่นอายของวสันต์ค่อยๆ น้อยลงไป ดอกไม้และหญ้าอ่อนเห็นอยู่ได้ทุกที่ กลิ่นอายของคิมหันต์อบอวลไปทั่วบรรยากาศ
ที่พวกนางกำลังเดินอยู่ตอนนี้คือทางเดินหินที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้เขียวขจี ดอกไม้และต้นไม้ในพระราชวังถูกตัดแต่งเป็รูปทรงต่างๆ
อวิ๋นอี้หรี่ตา เห็นแสงแดดส่องผ่านใบไม้ แสงเป็กระดำกระด่างราวกับไม้เงินไม้ทอง
"ถึงแล้ว"
นางกำลังผ่อนคลายอยู่ในบรรยากาศวสันต์ จู่ๆ ก็มีเสียงบอกนาง
ไม่ทันที่อวิ๋นอี้จะตอบสนอง พบว่ารู้สึกว่าเท้าของนางถูกปล่อยลงมาวางอยู่บนพื้นเสียแล้ว
ตรงข้ามเป็ประตู หน้าประตูกว้างสองเมตร จากแนวสายตาขึ้นไป บนประตูมีแผ่นป้ายอักษรแขวนอยู่ว่า สำนักซืออี๋
อวิ๋นอี้เลิกคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนว่า่นี้นางจะต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่
ข้ามประตูทางเข้า เข้ามาถึงในเรือน นางได้เจอกับกู่ซือฝานอย่างไม่คาดคิด
อวิ๋นอี้ประหลาดใจ "ซือฝาน?"
"พี่สะใภ้เจ็ด!" กู่ซือฝานที่เดิมมีสีหน้าปลงตกเบื่อหน่าย แต่เมื่อได้เห็นนาง แววตาสองข้างก็เป็ประกาย แล้วรีบเข้ามาหานางในชั่วพริบตา "พี่สะใภ้เจ็ด มาเสียทีนะเพคะ! ข้ารอท่านอยู่!"
"......"
อวิ๋นอี้มุมปากกระตุก ที่เช่นนี้ นางไม่อยากมา
กู่ซือฝานตื่นเต้นมาก เข้ามาข้างนางแล้วกระซิบกระซาบ “ท่านพี่ เมื่อคืนเป็กระไรหรือไม่เพคะ? ไทเฮาขังท่านพี่ไว้ที่ใด? ข้าเป็ห่วงท่านมากเลยนะเพคะ!”
มิพูดถึงยังดี พอพูดถึงเื่นี้ อวิ๋นอี้อยากกลอกตาขึ้นฟ้า
ถ้ามิใช่เพราะกู่ซือฝานหลุดปากไป จะมีเื่มากมายเช่นนี้หรือ?
เพื่อนร่วมทีมหมู [1] ก็คือกู่ซือฝานนั่นหนา
"มิเป็กระไร" อวิ๋นอี้พูด ไม่อยากจะพูดเื่ที่มิได้ไปท่า นางจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?"
“ไอหยา!” กู่ซือฝานมุ่ยปาก “ข้าได้ยินมาว่าไทเฮาจะให้ท่านพี่มาเรียนมารยาทที่นี่ และเพื่อที่จะได้อยู่เป็เพื่อนท่านพี่ ข้าจึงขอมาเรียนด้วยเพคะ พี่สะใภ้เจ็ด วางใจเถิดเพคะ มีข้าอยู่ ข้าจะมิยอมให้ใครมารังแกท่านพี่"
"......"
แม้ว่ากู่ซือฝานจะซื่อบื้อ แต่ก็จริงใจกับนาง
อวิ๋นอี้นึกถึงเื่นี้ ยิ้มขอบใจนาง ไม่คิดเลยว่าจะทำให้กู่ซือฝานจะหน้าแดงจนทำกระไรมิถูก สุดท้ายก็กระทืบเท้า "ท่านพี่ ข้าพาท่านชมที่นี่ดีกว่าเพคะ"
ในวังมีสถานที่สอนมารยาทโดยเฉพาะ สำนักซืออี๋ก็เป็หนึ่งในนั้น
ั้แ่ไหนแต่ไรมาสำนักซืออี๋จะเน้นการสอนองค์หญิงองค์ชายในวังเป็หลัก หมายถึงเหล่าเก๋อเก๋อและองค์ชายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ นี่เป็ครั้งแรกที่จะสอนเหล่าพระชายาที่อภิเษกกันแล้ว
กู่ซือฝานพูดถึงตรงนี้ อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วให้อวิ๋นอี้ "ท่านพี่ช่างยอดเยี่ยมไปเลยเพคะ ท่านเป็พระชายาองค์แรกที่ถูกส่งมาที่นี่เชียวนะเพคะ!"
เอาอีกแล้ว
อวิ๋นอี้เตือนนาง "หากมิใช่เ้าหลุดปากออกไป มิรู้ว่าข้าจะได้ไปเสวยสุขอยู่ที่ใด!"
“ก็ใช่เพคะ” กู่ซือฝานยอมรับความผิดอย่างเต็มใจ แลบลิ้นให้นาง แล้วหัวเราะ พานางไปดูรอบๆ ต่อ
สำนักซืออี๋มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานทั้งหมด รวมถึงห้องครัวและห้องอาบน้ำโดยเฉพาะ มีอาคารศึกษาและหอพัก และแม้แต่สนามการละเล่นสำหรับออกกำลังกายก็มี
อวิ๋นอี้ที่ได้เดินเยี่ยมชมก็ค่อนข้างพอใจ
แต่นางกลับคิดขึ้นมาได้ว่า ไทเฮาจัดให้นางมาอยู่ที่แห่งนี้ คงมิได้ให้นางมาเสพสุขแน่
อวิ๋นอี้ขมวดคิ้วและถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้เกี่ยวกับชีวิตที่ยากลำบากของตัวเอง นางจมอยู่กับความทุกข์ทรมานไม่นาน แล้วเสียงระฆังก็ดังขึ้น
กู่ซือฝานคว้าแขนนาง “ท่านพี่เพคะ เสียงระฆังดังขึ้นแล้วได้ยินหรือไม่เพคะ?”
นางไม่ได้หูหนวกเสียหน่อย
อวิ๋นอี้ตอบเบาๆ “แล้วนี่คือกระไร?”
“อ้อ ข้าลืมบอกไป หากที่นี่มีกระไรเกิดขึ้นจะมีเสียงเคาะระฆัง หากเราที่ได้ยินเสียงระฆังจะต้องไปรวมตัวที่โถงเพคะ" กู่ซือฝานพูดพลางลากนางออกไปข้างนอก "น่าจะเป็เพราะพระชายาองค์อื่นก็มาถึงแล้วกระมังเพคะ!"
"มีพระชายาองค์อื่นๆ อีกจริงหรือ?" อวิ๋นอี้โพล่งออกมา "ข้านึกว่าไทเฮาหลอกข้า! "
กู่ซือฝานหัวเราะฮิฮิ “เดิมทีก็มิมีหรอกเพคะ แต่ข้าส่งประกาศออกไป จึงมีคนมากับข้า ข้าทราบมาว่า แม่นมของที่นี่ล้วนอารมณ์ร้าย หากมีแค่พวกเราสองคนที่ถูกส่งมาให้เรียนที่นี่ เราต้องโดนถลกหนังแน่เพคะ ถ้าหากว่ามีคนเยอะ พวกแม่นมจะมีกะจิตกะใจคอยดูแต่พวกเราหรือเพคะ?”
“....…”
รู้จักนางมาตั้งนาน ในที่สุดอวิ๋นอี้รู้สึกว่ากู่ซือฝานฉลาดขึ้นมาก็ครานี้
ทั้งสองรีบไปที่ห้องโถงใหญ่และพบว่ามีคนมารวมกันเป็จำนวนมาก
อวิ๋นอี้มองไปคร่าวๆ ก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยหลายคน แม้แต่พระชายาเอกขององค์รัชทายาทก็อยู่ที่นี่ด้วย
นางอดไม่ได้ที่จะชื่นชมกู่ซือฝาน ยิ่งกว่านั้น แม้แต่พระชายาเอกนางยังกล้าส่งรายงานไปให้ กล้าหาญเสียจริง
นอกจากกลุ่มเ้านายที่แต่งกายอย่างหรูหราแล้ว ยังมีแม่นมสองคนยืนอยู่ทางด้านซ้ายและขวา
ตอนที่อวิ๋นอี้ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน หัวหน้าแม่นมกระแอมและพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
เนื้อหาของสิ่งที่นางพูดมิมีกระไรมากไปกว่าการข่มขู่และแสดงอำนาจ
“คุณหนูทุกท่านมาที่นี่ ก็เพื่อที่จะเรียนรู้มารยาท ข้าน้อยหวังว่าพวกท่านจะรู้ตัวตนของตัวเองดี การกระทำของพวกท่าน ข้าน้อยจะต้องรายงานให้องค์ไทเฮาได้รับทราบทุกวัน หากพวกท่านมิอยากจะสร้างปัญหาให้ตัวเอง โปรดจงรักษาตนอยู่ในกฎระเบียบ ฉะนั้นทุกคนจะอยู่ได้อย่างเป็สุข"
อวิ๋นอี้เม้มปาก และเมื่อเงยหน้าขึ้น พบว่าหัวหน้าแม่นมกำลังจ้องมองนางอย่างมีความหมาย
"......"
มองข้าด้วยเหตุใด น่าจะมีปัญหาจริง นางพึมพำอย่างอดมิได้ และจ้องกลับไป
แม่นมผู้นี้ชะงักไปครู่หนึ่ง นางอ้าปากดูเหมือนกำลังจะพูดกระไรบางอย่าง ทันใดนั้น ก็มีเสียงแจ้งมาจากข้างนอกว่า "คุณหนูมาแล้ว!"
คุณหนู?
อวิ๋นอี้มีลางสังหรณ์ไม่ดี
นางเดินตามฝูงชนไปที่ประตู สิ่งแรกที่นางเห็นคือกระโปรงยาวสีฟ้า ตามด้วยร่างเรียวบางดั่งต้นหลิว จากนั้นก็มองเห็นใบหน้าใบหน้าบานกลมที่มีรอยยิ้มพอใจประดับอยู่
หลังจากเห็นคนที่เดินเข้ามา อวิ๋นอี้รู้สึกเพียงว่าอยากจะเป็ลมเสียให้ได้
ซูเมี่ยวเออร์นี่หลอกหลอนไม่เลิกเสียจริง!
จะเห็นนางไปทุกที่ได้อย่างไร!
เมื่อพิจารณาจากท่าทีของแม่นมที่มีต่อนาง อวิ๋นอี้พอเดาได้ว่าคนสำคัญที่รับผิดชอบในครั้งนี้ก็คือซูเมี่ยวเออร์!
พระเ้าช่วย!
หากเป็เช่นนั้น นางคงจะอยู่ต่อไปมิได้แล้วใช่หรือไม่?
ใน่เวลาสั้นๆ อวิ๋นอี้มีความคิดมากมายผุดขึ้นในหัว นางมองซูเมี่ยวเออร์ที่เดินมาท่ามกลางฝูงชนอย่างว่างเปล่า มองนางย่อตัวทักทายกลุ่มคน และในที่สุดแววตาคู่นั้นก็หันมาอยู่ที่หน้านาง
"ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป การเรียนรู้มารยาทของทุกท่านจะได้รับการจัดการโดยซูเมี่ยวเออร์ หวังว่าทุกท่านจะให้ความร่วมมือและไม่ก่อปัญหา!"
ซูเมี่ยวเออร์ยิ้มน้อยๆ รอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความได้ใจ
จบแล้ว
อวิ๋นอี้เม้มปาก นางเลือกที่จะตายเพลานี้ ยังจะทันหรือไม่นะ?
เชิงอรรถ
[1] เพื่อนร่วมทีมหมู 猪队友 หมายถึง เพื่อนร่วมทีมที่โง่เหมือนหมู ไม่มีประโยชน์ต่อทีม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้