ตอนที่ 147 แผนการของเจียงต้าไห่
“สองตำลึงเงิน!”
อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์ได้ยินก็โวยวายขึ้นมาทันที “อะไรกัน สองตำลึงเงินหรือ ท่านจะปล้นกันหรือไง ไหนท่านบอกว่าแผลของเทียนเป่าไม่เป็อะไรมากมิใช่หรือ!”
หมอยิ้มเยาะเย้ย “เ้าก็บอกเองว่าลูกชายเ้าสลบไปแล้ว หากรังเกียจว่าแพงไป เช่นนั้นก็ได้ ข้าไม่รักษาแล้ว”
เขาไม่ค่อยพอใจครอบครัวนี้ั้แ่แรกอยู่แล้ว จึงตั้งใจจะโก่งราคาสักหน่อย กล่าวจบหมอก็ลงมือแกะผ้าพันแผลของเจียงเทียนเป่าออก
“สามีเ้าบอกเองว่าไม่ต้องสนใจจำนวนเงินขอแค่ใช้ยาดีที่สุดก็พอ ที่แท้ก็แค่หลอกข้าเท่านั้น คิดว่าข้าใช้ยาดีๆ แล้วข้าจะแกะออกไม่ได้อย่างนั้นหรือ สำหรับคนอย่างพวกเ้า ข้ายอมทิ้งยาดีๆ พวกนี้เสียดีกว่ายอมลดราคาให้!”
“ท่าน...” อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์โกรธจนหน้าเขียวคล้ำ รีบใช้ร่างกายบังเจียงเทียนเป่าไม่ให้หมอแกะผ้าพันแผล
มีสตรีขวางอยู่ เ้าคงก็ไม่กล้าทำอะไรหรอก อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์คิดอย่างลำพองใจ ฮึ หากเ้ากล้าแตะต้องตัวข้า ข้าจะะโว่าลวนลาม ถึงตอนนั้นไม่เพียงแต่เ้าจะไม่ได้รับค่ารักษา ยังต้องจ่ายเงินชดเชยให้ข้าอีกด้วย
ขณะที่อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์กำลังคิดเพลินๆ ก็เห็นหมอหันหลังเดินออกไป นางยิ่งรู้สึกลำพองใจมากขึ้น เจียงต้าไห่ไม่ยอมจ่ายเงิน แถมยังไม่ยอมห้ามปราม เถาซื่อก็แสร้งทำเป็หลับตา ผู้เฒ่าอวิ๋นก็ไม่ปริปากสักคำ
ความเงียบสงัดเื้ัทำให้หมอแสยะยิ้มอย่างดูถูก เขารักษาคนไข้มานานหลายปี เคยเจอคนไข้ที่เ้าเล่ห์เพทุบายมานักต่อนัก ปกติหากพบเจอครอบครัวที่ยากจนเขามักจะช่วยเหลือเต็มที่ และหากเลี่ยงได้ก็จะไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ แต่สำหรับคนตระกูลอวิ๋นที่ไร้ศีลธรรมเช่นนี้ เขาก็มีวิธีจัดการเช่นกัน
เขาเดินไปยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านตระกูลอวิ๋นเก่า แล้วะโเสียงดังฟังชัดว่า “พี่น้องทั้งหลายโปรดมาตัดสินทีเถิด คนบ้านตระกูลอวิ๋นเก่าได้รับาเ็ให้ข้ามาช่วยรักษา ตอนข้ามาถึงก็พูดดีนักหนา บอกว่าไม่ต้องห่วงเื่เงิน ให้ใช้ยาดีที่สุดก็พอ”
“ข้าก็ใช้ยาดีที่สุดให้พวกเขาไปแล้ว แต่พวกเขากลับเบี้ยวค่ารักษาไม่ยอมจ่ายเงิน ถือว่าข้าโชคร้ายที่ไปหลงเชื่อคนพรรค์นี้ อย่างมากข้าก็แค่แกะยาออก ทิ้งให้เสียเปล่าไปก็สิ้นเื่ แต่อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์กลับขวางข้าไม่ให้ข้าแกะยา”
“เจียงต้าไห่กับผู้เฒ่าอวิ๋นอยู่ที่นั่นแท้ๆ แต่พวกผู้ชายกลับไม่มาขวาง ปล่อยให้ผู้หญิงมาขวางข้า พวกเขาคิดอะไรกันแน่? โชคดียังที่ข้าถอยออกมาทัน ไม่อย่างนั้นทั้งที่พ่อและสามีของนางก็อยู่ด้วย หากถูกใส่ร้ายว่าล่วงเกินนางละก็ ข้าคงอธิบายไม่ไหวแน่ๆ!”
น้ำเสียงของหมอดังกึกก้อง ทุกคำพูดชัดถ้อยชัดคำเล็ดลอดเข้าไปในห้องโถงบ้านตระกูลอวิ๋น ผู้เฒ่าอวิ๋นและคนอื่นๆ ได้ยินก็หน้าซีดเผือด รีบลงจากเตียงอุ่นแล้วเดินออกไปทันที
“เข้าใจผิดแล้วๆ ทุกอย่างเป็การเข้าใจผิด ต้าไห่ รีบเอาเงินไปให้หมอเร็วเข้า”
เจียงต้าไห่รีบเอ่ยขึ้น “เป็การเข้าใจผิดจริงๆ ภรรยาข้าแค่อยากจะถามว่าเหตุใดยาถึงแพงขนาดนี้ ต้องใช้เงินถึงสองตำลึง” ที่จริงเขาตั้งใจพูดให้ทุกคนฟังว่าไม่ใช่ว่าเขาไม่จ่าย แต่เป็เพราะหมอโก่งราคาต่างหาก
แต่ครั้งนี้หมอยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์ก็พูดขึ้น
“เื่ยารักษาโรคยากที่จะอธิบาย มีทั้งราคาถูกและราคาแพง คุณชายรองของตระกูลอวิ๋นยังใช้ยาราคาถึงยี่สิบห้าตำลึงต่อหนึ่งเม็ดเลย”
“นั่นน่ะสิ ตอนแรกก็บอกเองว่าไม่ต้องห่วงเื่ค่ารักษา ขอแค่ใช้ยาดีที่สุด แต่พอคนเขาใช้ยาดีๆ ให้แล้วก็มาบ่นว่าแพง”
“บ้านอวิ๋นโส่วเย่าถูกพวกเขารังแกจนน่าสงสาร เด็กสาวแสนดีต้องโดนบังคับจนต้องะโน้ำฆ่าตัวตาย พวกเขาช่างไร้จิตสำนึกโดยแท้”
“หน้าไม่อายจริงๆ แค่ค่ายาสองตำลึงยังจะเบี้ยวอีก”
ถ้าเป็เมื่อก่อน ในหมู่บ้านเล็กๆ เงินสองตำลึงถือเป็เงินจำนวนมาก เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายของครอบครัวหนึ่งเป็เวลาหนึ่งเดือน แต่สองวันก่อนพวกเขาเพิ่งได้เห็นยาล้ำค่าที่ราคาแพงกว่านี้!
เทียบกับยาล้ำค่าที่ราคายี่สิบห้าตำลึงต่อหนึ่งเม็ดแล้ว ยารักษาโรคธรรมดาๆ ราคาสองตำลึงจะนับเป็อะไร? ยิ่งไปกว่านั้นเป็เพราะพวกเ้าร้องจะเอายาดีๆ เองแท้ๆ
หมอโจวผู้นี้มีชื่อเสียงและมีคนนับหน้าถือตามากมายในหมู่บ้านไหวซู่ ฉะนั้นชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์ต่างเข้าข้างเขา
เจียงต้าไห่ อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์ ผู้เฒ่าอวิ๋นและเถาซื่อหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย ผู้เฒ่าอวิ๋นจึงเร่งเร้า “ยังยืนเซ่ออยู่ทำไม รีบเอาเงินไปให้หมอเร็วเข้า!”
เจียงต้าไห่ไม่มีทางเลือกจึงจำใจควักเงินสองตำลึงออกมาจ่ายให้หมอโจว หมอโจวรับเงินแล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า “ส่วนยาก็นำเทียบยาไปซื้อที่ร้านขายยาในตำบลเองก็แล้วกัน จะได้ไม่ต้องมาบ่นว่าข้าโก่งราคาอีก”
กล่าวจบเขาก็ไม่รอให้ผู้เฒ่าอวิ๋นและคนอื่นๆ ได้พูดอะไรต่อก็หันไปโค้งคำนับให้กับชาวบ้านแล้วสะบัดแขนเสื้อจากไป
“ยังยืนเซ่ออยู่ทำไม รีบไปซื้อยามาสิ” ผู้เฒ่าอวิ๋นไม่กล้าต่อว่าเจียงต้าไห่จึงได้แต่หันไปดุอวิ๋นเจวียนเอ๋อร์แทน น่าโมโหจริงๆ เชียว เขาอับอายขายหน้าเสียจนแทบแทรกแผ่นดินหนี!
“ท่านพ่อ อย่าเพิ่งโมโหไปเลยขอรับ ข้าจะให้หลิ่วจือไปซื้อยามาให้” เจียงต้าไห่รีบพูด ตอนที่เขากลับมาเขาก็ได้เจอกับหลิ่วจือพอดี โชคดีที่มีคนวิ่งไปซื้อให้
หลังจากส่งหลิ่วจือไปแล้วเจียงต้าไห่ก็ปิดประตูบ้านทันที ปิดกั้นสายตาชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์ พอเข้ามาในห้องโถง ผู้เฒ่าอวิ๋นก็ใช้กล้องยาสูบเคาะโต๊ะเสียงดัง “เ้านี่นะยายแก่ นี่มันเื่อะไรกัน เหตุใดถึงทำให้เหลียนเอ๋อร์ไปะโน้ำได้?”
เถาซื่อหน้าบึ้งตึง “ทำไม จะโทษข้าหรือ? ยัยเด็กน่าตายนั่นะโน้ำเอง หลานชายข้ายังโดนนางแทงได้รับาเ็เลย”
ผู้เฒ่าอวิ๋นถอนหายใจ “แล้วไหนว่าวางแผนมาอย่างดีแล้วไง? ไหนบอกว่าให้ทั้งสองคนอยู่ในห้องเดียวกันสักพักก็เรียบร้อยแล้วไง?”
ชายหญิงอยู่ในห้องด้วยกันสองต่อสอง ย่อมต้องเกิดเื่อื้อฉาวขึ้น หญิงสาวที่้ารักษาหน้าตาไว้ก็ทำได้เพียงแต่งงานกับฝ่ายชายเท่านั้น
เถาซื่อเบิกตากว้างจ้องเขม็ง “ข้าจะไปรู้ได้ยังไงว่ายัยเด็กนั่นจะใจเด็ดขนาดนั้น ข้าแค่ไปเข้าห้องน้ำครู่เดียว นางก็แทงเทียนเป่าเสียแล้ว”
เจียงต้าไห่รีบพูดปลอบ “ท่านพ่อ อย่าไปโทษท่านแม่เลยขอรับ แบบนี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยเหลียนเอ๋อร์ลูกของพี่สามก็ทำได้เพียงแต่งงานกับเทียนเป่าของพวกเราเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้นางเสื่อมเสียชื่อเสียงไปแล้ว หากอยากแต่งกับเทียนเป่าของพวกเรา ก็ต้องดูสินเดิมของนางว่าพอหรือไม่!”
อวิ๋นเจวียนเอ๋อร์ได้ยินก็ตาเป็ประกาย “ใช่แล้ว หากสินเดิมไม่ถึงยี่สิบหีบ ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เข้าประตูตระกูลเจียงของพวกข้า ผู้หญิงมีตำหนิแบบนั้น ยังไงก็ไม่มีใครเอาแล้ว”
“มีตำหนิอะไร เจวียนเอ๋อร์พูดจาให้มันดีๆ หน่อย ระวังบาปกรรม!” ถึงอย่างไรเหลียนเอ๋อร์ก็เป็ลูกของเ้าสาม ผู้เฒ่าอวิ๋นได้ยินก็รู้สึกไม่พอใจจึงเอ็ดอวิ๋นเจวียนเอ๋อร์ไปหนึ่งประโยค
ในใจเขารู้สึกไม่สงบสุขนัก เ้าสามรักและเอ็นดูลูกสาวคนนี้มาก เื่ที่เหลียนเอ๋อร์ะโน้ำในครั้งนี้ ไม่รู้ว่าเ้าสามจะเคียดแค้นเขาหรือไม่ เมื่อคิดถึงเื่นี้ ผู้เฒ่าอวิ๋นก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ใจ
เจียงต้าไห่เป็พ่อค้า ย่อมเป็คนช่างสังเกต เขารีบส่งสายตาให้กับอวิ๋นเจวียนเอ๋อร์แล้วเอ่ยขึ้น “ท่านพ่อ เจวียนเอ๋อร์ก็แค่เป็ห่วงตระกูลของเรา นางเป็ห่วงโส่วหลี่ ท่านก็รู้ว่าเจวียนเอ๋อร์ดูแลโส่วหลี่ดีแค่ไหน ตอนอยู่ที่ตำบล เวลาทำอาหารอร่อยๆ ก็ไม่ลืมแบ่งไปให้โส่วหลี่ที่สำนักศึกษาเอกชนเสมอ”
พอเห็นสีหน้าของผู้เฒ่าอวิ๋นอ่อนลงเจียงต้าไห่จึงพูดต่อ “ที่จริงเื่สินเดิมอะไรพวกนี้ไม่ใช่เื่สำคัญ ขอแค่พวกเขายอมมอบสูตรเม่าไช่มาให้ก็พอแล้ว ท่านพ่อ วันนี้ข้าจะบอกความจริงกับท่านก็ได้ มีคนเสนอเงินหนึ่งร้อยตำลึงเพื่อซื้อสูตรเม่าไช่”
“เทียนเป่าของพวกเราอยู่ในตำบลจะแต่งเมียคนไหนก็ได้ทั้งนั้น เหตุใดถึงต้องแต่งงานกับอวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ให้ได้เล่า นั่นก็เพราะโส่วหลี่ไงขอรับ เจวียนเอ๋อร์พร่ำบ่นกับข้าทุกวันว่าหลังจากแยกบ้าน อวิ๋นโส่วจู่ก็ถูกเนรเทศไปเป็ทหาร บ้านเราไม่มีคนทำงาน จะเอาเงินที่ไหนส่งเสียโส่วหลี่เล่า?”
“พี่สามก็ถูกพี่รองสอนจนเสียคน มีวิธีหาเงินแต่กลับช่วยแต่ครอบครัวพี่ใหญ่ ไม่เคยคิดจะช่วยเหลือท่านเลย พวกเราถึงได้คิดแผนการนี้ขึ้นมา ใช้การแต่งงานเป็ข้ออ้างเพื่อให้ได้สูตรเม่าไช่มา! ท่านพ่อ วางใจเถิด เงินหนึ่งร้อยตำลึงนี้ข้ากับเจวียนเอ๋อร์จะไม่แตะต้องแม้แต่อีแปะเดียว! จะมอบให้ท่านทั้งหมด!”
“ข้าตกลงกับเถ้าแก่ที่ร้านในอำเภอแล้วว่าจะขายสูตรให้เขาในราคาหนึ่งร้อยตำลึง แต่ข้าขอขายเม่าไช่ในตำบลไป๋อวิ๋น ไม่ไปขายในเมือง ข้ากับเจวียนเอ๋อร์ไม่โลภ ขอแค่มีช่องทางหาเงินก็พอแล้วขอรับ...”