พิธีดำเนินต่อไป ผู้เป็บิดาเริ่มสั่งสอนบุตร แต่ดูเหมือนว่าฮ่องเต้จะไม่เพียง้าสั่งสอนองค์หญิงใหญ่เท่านั้น พระองค์ยังตรัสถึงฮองเฮาเล็กน้อยด้วย
“อาจื่อ ข้าจดจำมารดาของเ้าได้เสมอ”
หลังจากตรัสจบก็ทรงผินพระพักตร์ไปที่โจวกุ้ยเฟย โจวกุ้ยเฟยยิ้มให้ ก่อนจะกล่าวถ้อยคำสั่งสอนอย่างไพเราะ เหมาะสมกับสถานะและโอกาส หลังจากกล่าวจบแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็ดำเนินต่อ
อวิ๋นจื่อกล่าวขอบคุณทุกคนในห้องโถงทีละคน
เสียงสรรเสริญดังเป็พิเศษ
หลังเสร็จพิธีปักปิ่น
ฮ่องเต้ทรงตรัสขอบคุณ จากนั้นก็ถึงเวลาของงานเลี้ยง
อย่างไรก็ตาม ขณะที่กำลังจะเดินออกจากตำหนักซีชุย เสียงดาบปะทะกันก็ดังขึ้น
ฮ่องเต้ขมวดคิ้วและตรัสถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”
จากนั้นฮ่องเต้และอวิ๋นจื่อก็มองไปที่โจวกุ้ยเฟยพร้อมกัน
โจวกุ้ยเฟยสบตาฮ่องเต้และกล่าวเบาๆ ว่า “หม่อมฉันไม่รู้เพคะ อาจมีมือสังหารอยู่ในวัง”
อวิ๋นจื่อกล่าวเสียงเบา “เสด็จพ่อ ให้องครักษ์มาคุ้มกันสนมเหล่านี้ไปยังที่ปลอดภัยเถิดเพคะ ตอนนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าพวกนางใจะวุ่นวายไปกันใหญ่”
ทันทีที่ฮ่องเต้ได้ยินเช่นนี้ ก็รับสั่งให้องครักษ์พาเหล่าสนมออกไปทันที
เหล่าสตรีวังหลังและองครักษ์กลับมารวมตัวกันที่ตำหนักเฉียนหยวน เสียงการต่อสู้ดังขึ้นเรื่อยๆ คิ้วของฮ่องเต้ขมวดแน่น
ฮ่องเต้ตรัสถามโจวกุ้ยเฟยอย่างเ็า “โจวยี่ เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อโจวกุ้ยเฟยได้ยินฮ่องเต้เรียกชื่อนาง นางกลับยิ้มกว้างแทนที่จะแสดงความโกรธ
“ฝ่าากำลังสงสัยว่าเื่ที่เกิดขึ้นอาจเกี่ยวข้องกับหม่อมฉันหรือเพคะ?”
ฮ่องเต้มีสีหน้าเย้ยหยัน “เหตุใดจะไม่เกี่ยวข้องกับเ้า? อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเ้าคิดจะทำการใด โจวยี่ข้ามอบความรักความโปรดปรานให้เ้าไม่พอหรือ? เ้าเป็ถึงกุ้ยเฟยแล้วแท้ๆ แต่บัดนี้ตำแหน่งนั้นคงไม่เหมาะกับเ้าแล้ว”
โจวกุ้ยเฟยยิ้มอย่างเหยียดหยัน
“กุ้ยเฟย? ในสายตาของฝ่าา หม่อมฉันไม่เคยเทียบกับฮองเฮาได้เลย” นางกัดฟันกล่าวอย่างใจเย็น
ฮ่องเต้ตรัสด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เ้าไม่ได้ด้อยไปกว่าฮองเฮา”
จู่ๆ ใบหน้าของกุ้ยเฟยโจวก็เปลี่ยนเป็บิดเบี้ยว “หม่อมฉันรู้ว่าฝ่าาไม่เคยรักหม่อมฉันเลย แม้ว่าซูว่านหรูจะตายไปแล้ว ฝ่าาก็ยังรักนางจนสุดหัวใจ โจวยี่ผู้น่าสงสารจึงไม่ต่างจากคนตาย”
ฮ่องเต้กล่าวอย่างเฉยชา “เ้าก็มีความดีของเ้า”
โจวกุ้ยเฟยหัวเราะก่อนกล่าวว่า “จริงหรือเพคะ? ฝ่าา ท่านคงไม่รู้สินะว่าชางอู๋หลิงเป็ของหม่อมฉันแล้ว กองกำลังลับในวังหลวงก็ถูกควบคุมโดยหม่อมฉันเช่นกัน ในไม่ช้าพี่ใหญ่จะนำทหารจากกองพันจิ่วเชวียเข้ามาในวังแล้ว นับั้แ่นี้จะไม่มีคนสกุลอวิ๋นอีกต่อไป”
อวิ๋นจื่อยืนอยู่ด้านข้างโดยไม่พูดอะไร เมื่อได้ยินคำพูดของโจวกุ้ยเฟย นางก็คิดว่าโชคดีที่นางให้จินเหนียงพาอาเหิงหนีออกไปก่อนเกิดเื่ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่แคล้วต้องกลายเป็ศพ
ฮ่องเต้พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “โจวยี่ บอกข้ามาว่าเ้า้าอะไร?”
โจวกุ้ยเฟยทำสีหน้าเย้ยหยัน “หม่อมฉัน้าให้พระองค์ตาย”
ทันใดนั้นฮ่องเต้ก็ล้มลงกับพื้น เขาโกรธจัด พูดเสียงดังจนเกือบจะะโว่า “พูดมา เ้าทำอะไรกับข้า?”
โจวกุ้ยเฟยคลี่ยิ้มอ่อนหวาน “แน่นอนว่านี่เป็พิษอย่างหนึ่ง ภายในหนึ่งชั่วยามจะมีเืออกจากรูทวารทั้งเจ็ดจนกว่าพระองค์จะตาย หม่อมฉันต้องพยายามอย่างหนักกว่าจะมีวันนี้!”
ฮ่องเต้ปวดท้องจนทนไม่ไหว เขามองมายังอวิ๋นจื่อ “อาจื่อ พ่อ…”
อวิ๋นจื่อขัดจังหวะฮ่องเต้และกล่าวด้วยท่าทีรังเกียจว่า “เสด็จพ่อ นี่คือสตรีที่ท่านโปรดปราน โปรดดูให้ดีว่านางเป็สตรีเช่นใด ลูกต้องไปแล้วเพคะ”
ฮ่องเต้พึมพำ “อาจื่อ เ้าจะไปไหน?”
อวิ๋นจื่อพูดอย่างเฉยเมย “อาจื่อแค่อยากถามเสด็จพ่อว่า ยังทรงจำสิ่งที่เสด็จแม่กล่าวกับเสด็จพ่อเมื่อสิบหกปีก่อนได้หรือไม่? โปรดทำตามนั้นด้วย”
สีหน้าของฮ่องเต้เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพึมพำ “อาจื่อ อย่า อย่า”
โจวกุ้ยเฟยยิ้มอย่างเ็าเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า นางพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “อวิ๋นจื่อ เ้าคิดว่าอยากหนีก็จะหนีไปได้เลยหรือ?”
อวิ๋นจื่อโต้กลับ “โจวกุ้ยเฟย คิดว่าทุกอย่างจะเป็อย่างที่เ้า้าหรือ? ข้าขอชี้แนะหน่อยว่าการยืมมือผู้อื่นนานเกินไปไม่ใช่เื่ดี อำนาจนั้นไม่เข้าใครออกใคร รู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงไม่เคยถูกวางยาเลย?”
ดวงตาของโจวกุ้ยเฟยหรี่ลง “ถ้ามารดาของเ้ามีสติปัญญาเพียงหนึ่งในสามของเ้า นางคงไม่ตายเร็วขนาดนี้”
อวิ๋นจื่อยิ้มเล็กน้อย “เพราะมารดาของข้าบอกให้ข้าระวังสุนัขจิ้งจอกให้ดีก่อนที่นางจะจากไป เ้าอย่าคิดว่าคนอื่นโง่ มารดาของข้าไม่เคยแพ้เ้า นางเพียงไม่สนใจจะทะเลาะกับคนขี้แพ้บางคนเท่านั้น เคยคิดบ้างหรือไม่ว่าเหตุใดเ้าถึงไม่เคยให้กำเนิดองค์หญิงองค์ชายเลยทั้งที่ความโปรดปรานของฝ่าาอยู่ที่เ้าเพียงผู้เดียว? อันที่จริง เป็เพราะเ้าทำชั่วมากเกินไป”
โจวกุ้ยเฟยยิ้มบางๆ “เอาเลย หลังจากวันนี้เ้าจะไม่ใช่องค์หญิงของอวิ๋นเมิ่งอีกต่อไปแล้ว ต่อให้เ้าแลบลิ้นพ่นน้ำลายก็ไม่มีประโยชน์อันใด!”
อวิ๋นจื่อหัวเราะตัวโยนจนเกือบจะน้ำตาไหล “โจวยี่ คิดว่าหลังจากที่บิดาของเ้ากลายเป็ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ใหม่แล้ว เ้าจะยังได้เป็องค์หญิงหรือ? ถ้าอยากชนะใจราษฎร คนแรกที่จะถูกราชวงศ์ใหม่ปะาชีวิตก็คือเ้า เพราะถึงอย่างไรเ้าก็เป็กุ้ยเฟยสนมรักของเสด็จพ่อ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเ้าก็เป็ที่โปรดปราน ใครบ้างจะไม่รู้ว่าหลังจากที่มารดาข้าจากไป เ้าก็ได้เป็กุ้ยเฟยเพียงคนเดียว สนมตำแหน่งอื่นๆ ไม่มีใครได้รับการแต่งตั้งถึงขั้นเฟยหรือแม้แต่กุ้ยเฟย ไม่แปลกใจที่เสด็จพ่อไม่เคยปล่อยให้เ้าให้กำเนิดทายาท ใครจะรู้ว่าเด็กที่ถูกสตรีชั่วร้ายเช่นเ้าเลี้ยงดู เติบโตมาจะเป็อย่างไร?”
โจวกุ้ยเฟยตกตะลึงกับคำพูดของอวิ๋นจื่อ
อวิ๋นจื่อใช้โอกาสนี้รีบกล่าวว่า “ลาก่อน โจวกุ้ยเฟย”
แล้วนางก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เสียงดาบปะทะกันดังก้องไปทั่วพระราชวัง
น่าเสียดายที่นางช่วยเสด็จพ่อไว้ไม่ได้
นางมองดูฝุ่นที่ปลิวว่อนจากประตูตำหนัก ภาพที่เห็นทำให้นางปวดใจและหวาดหวั่น
นางรีบเข้าไปในตำหนักเหวินฮวา
ภายในตำหนักเงียบกริบ
มู่ชิงซ่งและผู้ติดตามกำลังรอนางอยู่ในห้องโถงด้านใน
นางพูดทั้งน้ำตาว่า “ขอบคุณมาก คุณชายมู่”
พวกเขาเข้าไปในทางลับอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เข้าไปก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย
มู่ชิงซ่งกล่าวว่า “องค์หญิง้าทำลายทางลับนี้หรือไม่?”
อวิ๋นจื่อส่ายหัว “ไม่จำเป็ วันหนึ่งข้าจะกลับมาที่ตำหนักเหวินฮวา โจวยี่ไม่มีอำนาจและความกล้าหาญที่จะค้นที่นี่ ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับการต่อสู้ของตระกูลโจว”
ตลอดทางไม่มีใครเอ่ยวาจาใดออกมา ทางลับนั้นแคบมากจนสามารถเดินได้ทีละคน ผู้ติดตามคนหนึ่งเดินนำหน้า ตามด้วยผู้ติดตามอีกคน ส่วนทั้งสองเดินอยู่ตรงกลาง โดยมีอวิ๋นจื่ออยู่ข้างหน้า มู่ชิงซ่งอยู่ข้างหลัง ผู้ติดตามที่เดินปิดท้ายทำหน้าที่ถือคบไฟให้แสงสว่าง
ทันใดนั้นอวิ๋นจื่อก็เซและเกือบจะล้มลง มู่ชิงซ่งจึงกอดนางไว้แน่น ลมหายใจอุ่นๆ ของบุรุษยังคงอ้อยอิ่งอยู่บนไหล่ของนาง อวิ๋นจื่อรู้สึกมึนงงเล็กน้อย
นางทำใจให้สงบและเดินหน้าต่อไป โชคดีที่ในทางลับมีแสงสว่างเลือนราง จึงไม่สามารถมองเห็นใบหน้าที่แดงซ่านราวกับผิงกั่วของนางได้ในขณะนี้
อวิ๋นจื่อมีเื่มากมายอยู่ในใจ นางไม่รู้ว่าจะเริ่มเอ่ยปากอย่างไร
มู่ชิงซ่งก็ไม่ใช่คนช่างพูดเช่นกัน
ดังนั้น แม้ว่าทั้งสองจะเดินไปด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้พูดคุยกัน
ในที่สุดก็มาถึงทางออก
อวิ๋นจื่อรู้สึกว่าการเดินในทางลับเพียงหนึ่งชั่วยามดูเหมือนว่าเวลาสิบห้าปีของนางได้สิ้นสุดลงแล้ว
ลาก่อน เมืองอวิ๋นเมิ่ง
ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะเป็เช่นไร?
แต่วันหนึ่งนางจะกลับมา
นางเป็องค์หญิงใหญ่ของตำหนักเหวินฮวา นางต้องอยู่และตายที่เมืองอวิ๋นเมิ่ง
เมื่อมาถึงทางออก เสียงที่ได้ยินมีเพียงเสียงน้ำไหลเท่านั้น
ป่าเขียวขจีสวยงามน่ารื่นรมย์ ม่านน้ำตกที่กระเซ็นลงมา น้ำไหลเชี่ยวกรากดูมีชีวิตชีวา
อวิ๋นจื่อมองทิวทัศน์รอบด้านและค่อยๆ รู้สึกสบายใจมากขึ้น สิ่งที่นางต้องสูญเสียไปในวันนี้ นางจะกลับมาทวงคืนพร้อมดอกเบี้ย!!!
ทันทีที่มู่ชิงซ่งออกจากทางลับ เขาก็กล่าวอย่างอบอุ่นว่า “ทิวทัศน์ที่นี่ไม่เลวเลย”
อวิ๋นจื่อตอบว่า “ใช่ ที่นี่สวยงามมาก แต่ข้าต้องขออภัยที่ไม่อาจชื่นชมทิวทัศน์ด้วยจิตใจเบิกบาน”
มู่ชิงซ่งกล่าวว่า “องค์หญิง ไม่ต้องเสียใจ องค์หญิงเป็ผู้ที่ได้รับพร พระองค์จะได้กลับไปยังเมืองอวิ๋นเมิ่งอย่างแน่นอน”
อวิ๋นจื่อพูดเบาๆ “จากนี้ย่อมไม่มีองค์หญิงอีกต่อไป คุณชายมู่โปรดเรียกข้าว่าอวิ๋นจื่อเถอะ”
มู่ชิงซ่งพยักหน้า “หลังจากนี้เ้าวางแผนไว้อย่างไร?”
นางมีแผนอย่างไรน่ะหรือ?
หากคำทำนายเป็จริง ถ้านางคิดจะกลับไปอีกครั้งต้องมุ่งหน้าไปยังหอคณิกา
และรอคนคนนั้นมารับ
หอคณิกาน่ะหรือ?
ช่างเป็สถานที่ที่…
ถ้าเสด็จแม่รู้ว่านางไปหอคณิกา เสด็จแม่ย่อมไม่อยากเห็นหน้านางอีกอย่างแน่นอน
นางกระซิบ “คุณชาย ข้าอยากพบประมุขตระกูลมู่”
มู่ชิงซ่งยิ้ม “เข้าใจแล้ว ตอนนี้ท่านประมุขอยู่ที่เมืองหยงโจว คืนนี้เราจะไปที่ตระกูลมู่”
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “คุณชาย ช่วยตั้งชื่อใหม่ให้ข้าที”
มู่ชิงซ่งพยักหน้า “ข้าคิดออกชื่อหนึ่ง ไม่รู้ว่าเ้าจะชอบหรือไม่”
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “คุณชายลองพูดมาก่อน”
มู่ชิงซ่งกล่าวว่า “ปี้เหยียนเป็อย่างไร?”
อวิ๋นจื่อน้ำตาไหล นางไม่คิดว่านี่จะเป็อีกชื่อของนาง เื่นี้ยากเกินจะยอมรับ แต่มันจำเป็ในการปลอมตัวไม่ใช่หรือ?
นางทนมาหลายปีแล้ว และนางต้องทนต่อไปให้ได้
แม้แต่ชื่อที่ติดตัวมาก็ไม่สามารถใช้ได้อย่างเปิดเผย
ความจริงอันโหดร้ายนี้ทำให้นางต้องก้มหน้า
มู่ชิงซ่งเห็นว่านางดูเหมือนจะเกิดความรู้สึกไม่ดีบางอย่างจึงกล่าวเบาๆ ว่า “ไม่ต้องกังวล ในโลกนี้มีปี้เหยียนเพียงคนเดียว ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีครอบครัว”
อวิ๋นจื่ออดไม่ได้ที่จะร้องไห้ “ขอบคุณ คุณชายมู่”
มู่ชิงซ่งยื่นผ้าเช็ดหน้าให้อวิ๋นจื่อและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ปี้เหยียน เ้าจงปล่อยวางอดีตเถิด”
ปี้เหยียนหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตา จากนั้นก็พยักหน้าและกล่าวว่า “คุณชายมู่ ปีนี้ท่านอายุเท่าใดแล้ว?”
มู่ชิงซ่งกล่าวว่า “ข้าเพิ่งผ่านพิธีสวมกวานมา”
อวิ๋นจื่อพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้าสงสัยว่าผู้าุโในตระกูลของท่านเคยพูดคุยเื่การแต่งงานหรือไม่? ถ้าดูจากเื้ัของตระกูลมู่ จริงหรือไม่ที่คุณชายมู่กำลังจะแต่งงานในเร็วๆ นี้?”
มู่ชิงซ่งยิ้มอย่างเขินอาย “ยังไม่ใช่ตอนนี้ ท่านประมุขกล่าวว่าจัดการกับเื่นี้ก่อน แล้วค่อยหารือเื่การแต่งงานของข้าในภายหลัง”
อวิ๋นจื่อยิ้มและกล่าวว่า “เป็เช่นนั้นเอง รีบไปเถอะ ปล่อยให้ท่านประมุขรอนานเกินไปไม่ดี”
ทางที่พวกเขาออกมาเป็ูเาสูงและอยู่ห่างไกล อวิ๋นจื่อที่รู้สึกอ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจจึงผล็อยหลับไปในรถม้า
ครอบครัว บ้านเมือง และโลกใบนี้ได้กลายเป็ก้อนหินที่หนักอึ้งสำหรับอวิ๋นจื่อ มันกลายเป็อดีตที่หนักหนาเสียยิ่งกว่าการแบกูเาไว้ทั้งลูก ตระกูลโจวและโจวยี่จะกลายเป็ฝันร้ายชั่วนิรันดร์ของนาง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้