ตระกูลเนี่ยดับสูญ สะท้านเมืองอวิ๋นไห่
ตระกูลเนี่ยถึงกับถูกฆ่าล้างตระกูลภายในวันเดียว สิ่งก่อสร้างของตระกูลเนี่ยทั้งหมดกลายเป็ซากปรักหักพัง เื่นี้ทำให้ตระกูลใหญ่ในเมืองอวิ๋นไห่ต่างกระวนกระวายใจ อยู่ไม่เป็สุข
เกรงว่าตระกูลที่จะถูกฆ่าล้างต่อไปคือพวกเขา
ถึงอย่างไรคนตระกูลเนี่ยก็ถูกฆ่าตายหมดแล้ว พวกเขายิ่งเทียบไม่ติด
ในสมองของเซียวเฉินเวลานี้มีคำพูดประโยคนั้นของเนี่ยเทียนไห่ดังสะท้อนอยู่ตลอดเวลา
“เฉินเอ๋อร์ หากตอนนี้พ่อสำนึกเสียใจ เ้าจะอภัยให้พ่อได้หรือไม่...”
“เ้าจะอภัยให้พ่อได้หรือไม่...”
“ได้หรือไม่...”
ยามนี้เซียวเฉินมาถึงสุสานของเมืองอวิ๋นไห่ เขามาเยี่ยมเซียวอวิ๋นหลัน ท่านแม่ของตนเอง
เมื่อมาถึงหน้าหลุมศพ เซียวเฉินก็คุกเข่าลง
เซียวเฉินยกมือขึ้นลูบป้ายเซ่นไหว้ ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม ทว่าดวงตามีน้ำตาคลอ
“ท่านแม่ เฉินเอ๋อร์มาเยี่ยมแล้ว”
เซียวเฉินปัดฝุ่นบนป้ายเซ่นไหว้ ดวงตาอ่อนโยนและสงบนิ่ง
“ท่านแม่ ข้าฝังท่านไว้ที่นี่แต่ไม่ได้กลับมาเยี่ยมท่านบ่อยๆ ท่านตำหนิข้าหรือไม่?” เซียวเฉินเอ่ยอย่างแ่เบา ราวกับกลัวว่าหากเสียงดังจะทำให้ท่านแม่ของตนเองใ
เวลานี้ ในดวงตาของเซียวเฉินเต็มไปด้วยความทรงจำ
...
ฤดูหนาวตอนหกขวบ ในเรือนซอมซ่อ เซียวเฉินยังเป็เพียงเด็กน้อย แม้เป็ถึงบุตรชายคนโตในภรรยาเอกของประมุขตระกูล แต่เสื้อผ้าที่สวมใส่กลับไม่ดีไปกว่าบ่าวไพร่เลย
เซียวเฉินน้อยในตอนนั้นกำลังกุมท้อง มองออกไปข้างนอกตาปริบๆ เหมือนกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง
ในเวลานี้เอง มีสตรีคนหนึ่งเดินเข้ามา
“ท่านแม่ ท่านกลับมาแล้ว” เซียวเฉินน้อยโผไปหาและซบในอ้อมอกของเซียวอวิ๋นหลันทันที ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
“ท่านแม่ ข้าหิว...”
เซียวอวิ๋นหลันนำหมั่นโถวซึ่งยังมีไอร้อนอยู่ลูกหนึ่งออกมาจากอกยื่นส่งให้เซียวเฉิน แล้วกล่าว “แม่มีหมั่นโถว รีบกินตอนร้อนๆ เถอะ”
เซียวเฉินน้อยรีบกัดคำหนึ่ง ยังร้อนอยู่
“กินช้าๆ หน่อย ระวังร้อน”
เซียวอวิ๋นหลันกำชับด้วยเสียงอ่อนโยน เซียวเฉินน้อยมองท่านแม่ของตนเองแล้วส่งเสียงถาม “ท่านแม่ มีหมั่นโถวแค่ลูกเดียว แล้วท่านกินอะไร?”
เซียวอวิ๋นหลันยิ้ม “เ้ากินเถอะ แม่กินก่อนกลับมาแล้ว”
เซียวเฉินน้อยก้มหน้า ไม่เอ่ยวาจาและไม่ได้กินหมั่นโถว
“เฉินเอ๋อร์ ทำไมเ้าไม่กิน?”
แม้ว่าเซียวเฉินน้อยยังเยาว์วัย แต่ก็รู้ว่าท่านแม่ของตนเองกำลังหลอกลวง นางไม่ได้กินอะไรเลย
ดังนั้น เซียวเฉินจึงบิหมั่นโถวแล้วยื่นส่งถึงมือของเซียวอวิ๋นหลัน ยิ้มกล่าวว่า “เฉินเอ๋อร์อยากให้ท่านแม่กินเป็เพื่อน”
เซียวอวิ๋นหลันรับหมั่นโถวครึ่งลูกนั้นมา ยิ้มอย่างมีความสุข ลูบศีรษะของเซียวเฉินพลางเอ่ยปลอบโยน “เฉินเอ๋อร์ของแม่โตเป็ผู้ใหญ่ รู้ความแล้ว รู้จักรักแม่ แม่จะกินเป็เพื่อนเ้า” ว่าแล้วก็กัดหมั่นโถว แต่ขอบตากลับแดงก่ำ
แม้เซียวเฉินน้อยจะสะกดความไม่เป็ธรรมที่ได้รับไว้ในใจอย่างสุดความสามารถ แต่เขายังเล็ก ไหนเลยจะปิดบังความรู้สึกได้ สุดท้ายก็น้ำตาร่วง โผเข้าซบอ้อมอกของเซียวอวิ๋นหลัน ร่ำไห้ออกมา
“ฮือฮือ...ท่านแม่ ทำไมท่านพ่อกับน้องชายกินเนื้อกินผัก แต่พวกเรากลับกินได้แค่หมั่นโถว ไม่มีแม้แต่ผัก ทำไมท่านพ่อลำเอียงขนาดนี้ รักแต่น้องชาย ไม่รักข้า ชอบแต่แม่รอง ไม่ชอบท่าน...ฮือฮือ...”
เซียวเฉินน้อยไร้เดียงสา เอ่ยคำพูดที่คับข้องในใจทั้งหมดออกมา เซียวอวิ๋นหลันสะอื้นโดยไร้เสียง แต่ยังปลอบโยนเซียวเฉิน
“เฉินเอ๋อร์ แม่มีแค่เ้าก็พอแล้ว แม่ไม่สนใจคนอื่นๆ หรอก ไม่สนใจ...”
เซียวเฉินยื่นมือน้อยๆ ไปกอดเซียวอวิ๋นหลัน น้ำเสียงอ่อนเยาว์ทำให้นางซาบซึ้งใจ
“เฉินเอ๋อร์ก็้าแค่ท่านแม่ ชอบแค่ท่านแม่”
...
“ท่านแม่ เฉินเอ๋อร์คิดถึงท่านมาก คิดถึงมากๆ...” ระหว่างที่พูดจา เซียวเฉินน้ำตาไหล เสียงแหบเครือ ทำให้คนปวดใจ
เขาซึ่งอายุสิบเจ็ดปี เดิมทีสมควรจะรื่นรมย์กับ่วัยของตนเองในครอบครัวที่สุขสันต์ แต่กลับผ่านเื่ราวมามากมาย ท่านแม่ด่วนจากไป ถูกคนรังแก ถูกตระกูลทอดทิ้ง ยิ่งกว่านั้นยังถูกพ่อแท้ๆ ของตนเองตัดขาดความสัมพันธ์
ทุกอย่างนี้กดทับลงบนตัวเขา
เขาถูกบีบให้ต้องแบกรับ
แค่คิดดูก็รู้ว่าเซียวเฉินรู้สึกอึดอัดคับข้องใจมากเพียงใด
เวลานี้เซียวเฉินคลายความระวังป้องกัน เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าด้านหลังของตนเองมีคนผู้หนึ่งมายืนอยู่ั้แ่เมื่อใด ส่วนคนผู้นั้นขอบตาแดงก่ำเพราะคำพูดของเซียวเฉิน
รู้สึกสงสารเซียวเฉิน
นางคือมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์
นางไม่ได้รบกวนเซียวเฉิน ทว่าปรากฏตัวอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ทำตัวเป็ผู้ฟังคอยรับฟังคำพูดของเซียวเฉิน
เซียวเฉินเช็ดน้ำตา จู่ๆ ก็ยิ้ม ยิ้มทั้งน้ำตา “ท่านแม่ ในที่สุดเฉินเอ๋อร์ก็แก้แค้นให้ท่านแล้ว ข้าสังหารเซี่ยซื่อที่รังแกท่านมาตลอด ข้าทำลายตระกูลเนี่ย ในที่สุดก็ทวงสิ่งที่ตระกูลเนี่ยติดค้างพวกเราคืนมาได้แล้ว”
พูดถึงตรงนี้ เซียวเฉินก็เอ่ยอีก “แต่เฉินเอ๋อร์ไม่ได้ฆ่าผู้บริสุทธิ์ บ่าวไพร่หญิงรับใช้ของตระกูลเนี่ยล้วนเป็ผู้บริสุทธิ์ ดังนั้น ข้าไม่ได้สร้างความลำบากให้แก่พวกเขา แต่ข้าไม่ได้ปล่อยคนที่เคยทำร้ายท่านไป”
เอ่ยถึงตรงนี้ เซียวเฉินก็โขกศีรษะอย่างแรง
“ท่านแม่ เนี่ยเทียนไห่ตายแล้ว”
“ต่อให้ข้าไม่ใช่คนตระกูลเนี่ยอีกต่อไป แต่เขายังเป็ท่านพ่อของข้า ข้าไม่ได้สังหารเขา เขาฆ่าตัวตายแล้ว แต่ข้าไม่ได้ยกโทษให้เขา ข้าอยากให้เขาพาความรู้สึกผิดไปขอขมาท่าน...”
“ท่านแม่ ิญญาของท่านบน์พักผ่อนอย่างสงบได้แล้ว”
ว่าแล้ว เซียวเฉินก็โขกศีรษะอย่างแรงอีก
โขกศีรษะต่อเนื่อง รู้ว่าหน้าผากแตกโลหิตไหล แต่ก็ยังไม่หยุดโขก
ไม่รู้ว่ามู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลังน้ำตาไหลั้แ่เมื่อใด มองเงาหลังของเซียวเฉินแล้วรู้สึกเสียใจและสงสาร
สงสารเด็กหนุ่มตรงเบื้องหน้า
สงสารในสิ่งที่เขาได้ประสบและพบเจอ
“เซียวเฉิน อย่าโขกอีกเลย...” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ส่งเสียงห้ามและมาถึงข้างกายเซียวเฉิน
ร่างของเซียวเฉินสะท้าน หันกลับมา น้ำตายังไม่แห้ง สองตาแดงก่ำ
“เชี่ยนเอ๋อร์ เ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
น้ำเสียงแหบเครือรุนแรง ทำเอามู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ขอบตาร้อนผ่าวอีก
“ข้ารู้ว่าเ้ากลับเมืองอวิ๋นไห่ รู้สึกไม่วางใจ ดังนั้น ข้าจึงมาดูหน่อย เกรงว่าเ้ามีอันตราย”
เซียวเฉินยิ้ม ยิ้มอย่างเบิกบานใจ
“ขอบคุณนะ เชี่ยนเอ๋อร์ ในที่สุดข้าก็แก้แค้นให้ท่านแม่ได้แล้ว...”
“อืม”
“เชี่ยนเอ๋อร์ ข้าอาจจะอยู่ที่นี่อีกหลายวัน ข้าอยากอยู่เป็เพื่อนท่านแม่” เซียวเฉินมองป้ายหน้าหลุมศพท่านแม่แล้วเอ่ยเรียบๆ มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ผงกศีรษะ
“ได้ ข้าอยู่เป็เพื่อน”
เซียวเฉินสร้างกระท่อมเล็กๆ ข้างสุสาน และอาศัยอยู่ที่นี่ มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ก็อยู่เป็เพื่อนเขาตลอด อยู่ที่นี่เป็เพื่อนท่านแม่กับเขา
เซียวเฉินพูดกับป้ายหน้าหลุมศพทุกวัน พูดทีหนึ่งก็กินเวลาทั้งวัน ราวกับมีเื่พูดคุยกับท่านแม่ของตนเองไม่หมดสิ้น ส่วนมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ก็ยืนอยู่ด้านข้าง ฟังเซียวเฉินพูดคุยโดยไม่ส่งเสียง รู้สึกถึงความอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก หัวใจอ่อนโยน สีหน้าก็มีรอยยิ้ม
พริบตา เวลาก็ผ่านไปสิบวัน
เซียวเฉินตื่นแต่เช้า เขายังไม่ได้กินข้าวก็มาที่หน้าหลุมศพท่านแม่ มองป้ายเซ่นไหว้ เอ่ยเสียงเบา “ท่านแม่ เฉินเอ๋อร์จะไปแล้ว ต้องกลับสถานศึกษา อีกระยะหนึ่งค่อยมาเยี่ยมท่านอีก ข้าอยู่ดีมีสุข ท่านไม่ต้องเป็ห่วง...”
“เซียวเฉิน กินข้าวได้แล้ว” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เรียก เซียวเฉินเดินยิ้มแย้มกลับมา
เห็นอาหารบนโต๊ะแล้วอดยิ้มไม่ได้
“เชี่ยนเอ๋อร์ เ้าในตอนนี้เหมือนภรรยาตัวน้อยจริงๆ ต่อไปใครแต่งงานกับเ้าก็มีลาภปากแล้ว”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์แค่นเสียง
“แน่สิ ข้าเข้าสถานศึกษาลงห้องครัว ทั้งฝึกวิชาและทำอาหาร เป็หนึ่งในใต้หล้า ใครแต่งงานกับข้าคือสั่งสมบุญมาแปดชาติ”
เซียวเฉินยิ้ม ก้มหน้ากินข้าว
ส่วนมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ก็มองเซียวเฉินแบบหน้าแดงนิดๆ
“ตาทึ่ม...”
เซียวเฉินเงยหน้าขึ้นมองมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ ถามว่า “เชี่ยนเอ๋อร์ เ้าว่าอะไรนะ?”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์รีบกล่าว “ข้าบอกว่า พวกเราออกมาหลายวัน สมควรกลับสถานศึกษาชางหวงได้แล้ว”
เซียวเฉินพยักหน้า
“ได้ พวกเรากินข้าวเสร็จก็กลับ”
วิหคั์สยายปีก คนทั้งสองยืนอยู่บนหลังของมันแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว หลังกลับถึงสถานศึกษาชางหวง เซียวเฉินก็มีความเชื่อมั่นในตนเองอีกครั้ง เขาแย้มยิ้ม มองผังชางหวงที่ตั้งตระหง่าน
“คราวนี้ ข้าเซียวเฉิน จะตั้งใจชิงชัย...”