“มึงว่างป่าว ไปกับกูหน่อย” นนท์รีบพูดทันที หลังจากวินเปิดประตูห้องออกมา
“มีเื่อะไร” วินถามเพราะเห็นหน้าตาของเพื่อนเขาแลดูตื่นตระหนก
“มีแน่ มึงแค่ตามกูมาก่อน” วินจึงรีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและตามนนท์ออกมาด้วยกัน เพื่อนของเขาขับรถด้วยความเร็วมุ่งหน้าออกไปทางชานเมืองด้วยสีหน้าที่ดูร้อนใจนัก ซึ่งวินจำได้ว่าเส้นทางนี้คือ เส้นทางที่กำลังมุ่งตรงไปยังร้าน kawaii bistro นั่นเอง
“มึงมาบอกว่ากูไม่มีสิทธิ์ ให้กูหยุดคิด กูก็พยายามจะตัดใจ แล้วมึงจะพาไปร้านนั้นอีกทำไม”
“เกิดเื่กับคุณแพร” นนท์ตอบสั้นๆ
“เกิดอะไรขึ้น” วินถามด้วยความร้อนใจ
“ไปถึง เดี๋ยวก็รู้เอง” หลังจากทั้งสองมาถึงที่ร้านก็รีบเดินไปหากวี ที่มายืนรอที่ลานจอดรถอยู่ก่อนแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณแพรครับ พี่กวี” วินถาม แต่กวีไม่ตอบเขากลับเร่งฝีเท้าเดินนำทั้งสองไปยังหลังร้านทันที
ภาพที่ทุกคนเห็นคือปกรณ์ที่กำลังพยายามทุบประตูห้องครัวเพื่อขอให้แพรเปิดประตูออกมาพูดคุยกัน แต่ไม่มีใครยอมเปิดประตู พวกเขาได้ยินแค่เสียงของหญิงสาวที่ตอบกลับมาอย่างกระท่อนกระแท่น
“คุณลุงกลับไปเถอะนะคะ แพรไม่มีเื่อะไรจะคุยด้วย ทุกอย่างมันเป็อดีตไปแล้ว ให้มันจบไปเถอะค่ะ” วินกับนนท์มองหน้ากัน แล้วรีบเดินเข้าไปหาเ้านายของพวกเขา นนท์จับที่แขนของปกรณ์พร้อมเรียกชื่อ
“พี่ปกรณ์ครับ” ชายสูงวัยหันไปมอง เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นลูกน้องของตนมาอยู่ที่นี่เช่นกัน หลังเลิกงานเขาอุตส่าห์แยกตัวจากเตชินทร์และแอบสะกดรอยตามหญิงสาวมาเงียบๆ จนเห็นว่าเธอรับจ้างทำงานพิเศษอยู่ที่ร้านนี้ ซึ่งเขาคิดว่าถ้าจะพูดคุยเื่ราวในอดีต สถานที่แห่งนี้น่าจะสะดวกและเหมาะสมกว่าสถานที่ทำงาน
“ลุงมีเื่สำคัญที่อยากจะคุยกับแพรจริงๆ นะ เอาไว้โอกาสหน้าลุงจะมาหาใหม่” พูดจบเขาก็หันกลับมามองหน้าลูกน้องทั้งสอง แต่ไม่เอื้อนเอ่ยอะไรสักคำและก้าวเท้าเดินจากไป
“นนท์...นายพาเ้านายของตัวเองกลับไปเลยนะ อย่าให้มากวนคนที่ร้านฉันอีก” กวีสั่งญาติผู้น้องเสียงดุ
“แพร…เปิดประตูให้พี่หน่อย” แล้วหันไปบอกหญิงสาวในห้องครัวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน สักพักหญิงสาวก็เปิดประตูห้องครัวและก้าวออกมาด้วยน้ำตานองหน้า
“เอ้า ทุกคนกลับไปทำงานตามปกติ ไม่มีอะไรแล้ว” กวีะโสั่งกับลูกน้องในครัวด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ก่อนหันมาลูบหลังปลอบใจหญิงสาวและดึงเธอเข้ามากอด แพรร้องไห้ตัวโยนและซบไหล่ของกวีเพราะหวังหาที่พึ่งพิง