ผม - เนกิ เวลส์
ในสมัยโลกก่อนที่ผมจะมาอยู่ในโลกนี้ ผมเป็แค่นักเรียนเตรียมสอบเข้าที่ใช้เวลาไปวันๆ กับหนังสือการ์ตูน โดย
เฉพาะเื่แนวไปต่างโลกแฟนตาซี ตั้งตี้หาฮาเร็มสาว นักดาบโลลิเผ่าเด็กหูแมว เมจเอลฟ์สาวหน้าอกใหญ่ และ
สุดท้ายแจ่มสุดคือ คุรแม่พระนักบวชเอวSexy- นี่มันแค่เื่ที่เพื่อนๆ ในโรงเรียนเขาเล่ากันทั้งนั้น... เหมือน
เป็การศึกษาเื่ราวน่าสนใจใน่พักกลางวันน่ะ!
เอาเป็ว่าถ้าใน ชีวิตในโรงเรียนของผมก็เรียกได้ว่าผ่านไปได้อย่างสบายๆ เพราะครูมักจะใจดีแจกเกรด
ให้เหมือนแจกขนม และมีเพื่อนโอตะที่คอยคุยเล่นกับผมจนเหมือนเป็การประชุมแฟนคลับรายสัปดาห์ เราจะพูด
ถึงการ์ตูนที่ชอบและการต่อสู้ในเกมที่น่าสนใจ เหมือนพวกเรากำลังจัดคอนเสิร์ตสุดอลังการ แต่ในความเป็จริง
มันก็แค่การนั่งอยู่ในห้องเรียนกัน
แข่งขันได้อย่างไม่ขัดเขินนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเวลาส่วนใหญ่ผมกลับไปหมดไปกับการอ่านการ์ตูน และสนุกกับ
การทำอะไรที่ไร้สาระมากกว่า
ในทุกยุคทุกสมัย ย่อมมีการแก่งแย่งแข่งขัน แม้กระทั่งการศึกษาก็ยังมีการต่อสู้กันแบบชิงดีชิงเด่น โดยเฉพาะอย่าง
ยิ่งวันที่เราต้องไปสอบ ทุกคนต้องมาโรงเรียนในชุดนักเรียนสวยๆ และต้องเผชิญกับความตึงเครียดที่เกิดจากการ
สอบ ซึ่งเป็วันที่คนเยอะจนแทบจะทำให้ผมคิดว่า คนญี่ปุ่นไม่สูงอายุอย่างที่บอกกันจริงๆ หรือว่าข่าวลือทั้งหมดก็
แค่พวกฮิปสเตอร์ที่ชอบบอกเื่ไม่เป็เื่กันแน่
และแล้วเวลาแห่งโชคชะตาก็มาถึง... ในขณะที่ผมกำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบและเดินข้ามถนน (โอเค ผมก็ไม่ได้
อ่านจริงจังขนาดนั้นหรอก แต่พูดให้มันเท่ไว้ก่อนดีกว่า) ไฟจราจรที่สว่างอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนจากสีแดงเป็เขียว รถ
บรรทุกพุ่งเข้ามาในระยะประชิด แต่โชคดีที่ผมสะดุดเท้าตัวเอง เลยไม่โดนรถชน
แต่นั่นแหละ ในความโชคดีมักมีโชคร้ายซ่อนอยู่ เมื่อผมสะดุดทำให้หน้าผมกระแทกพื้น กรามหัก และเศษกระดูก
ติดหลอดลมตาย ตอนนั้นผมแค่รู้สึกว่าชีวิตผมมันตลกขำจริงๆ ทำไมถึงไม่มีใครเห็นว่าผมโชคดีมากกว่าโชคร้าย แต่
ผมก็ไม่ได้เสียใจเลยนะ บอกตามตรง...
ช่างเป็การตายที่น่าอนาถที่สุด ทำไมผมถึงไม่ถูกรถบรรทุกชนตายซะเลย? แทนที่ผมจะได้เป็ฮีโร่ที่ช่วยคนข้าม
ถนนแล้วโดนรถชนแทน... แต่ก็ช่างมันเถอะ ตอนนี้ผมได้ไปแล้ว ก็ไม่ต้องมาคิดให้มากมายหรอก
ไงเจอกันอีกครั้ง ผม เนกิเอง
หลังจากวันนั้นที่โรงพยาบาล ตอนนี้ผมอายุ 3 ขวบแล้วนะ! แต่ถ้าเอาจริงๆ ก็ยังมีอายุ 21 ปีอยู่ดี วันนี้ผมจะได้ออก
จากบ้านครั้งแรก! เพราะปกติแล้วผมใช้เวลาไปกับการกินและนอนเป็หลัก วันนี้แม่จะพาผมไปห้องสมุด ซึ่งนั่น
ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก... จริงๆ นะ เพราะไม่ได้ออกจากบ้านแบบจริงจังมาก่อน อย่างมากก็แค่โยนลูกบอลเล่นใน
สวนหลังบ้าน ซึ่งพูดตรงๆ มันก็เหมือนแม่กลิ้งลูกบอลให้ผมใช้ตัวกอดแล้วดันบอลกลับคืนไป
บ้านของเรานั้นเป็บ้านชั้นเดียว มีแค่แม่กับผม ส่วนไอ้ผู้ชายที่ผมไม่อยากจะพูดถึงมันว่าเป็พ่อก็ออกไปทำงานที่
ต่างประเทศอยู่ จึงเหลือแค่ผมกับแม่เท่านั้น
''เนกจัง เป็อะไรหรอ?'' แม่ดูเหมือนจะสงสัยว่าทำไมผมถึงนิ่งจัง ผมกำลังอธิบายสถานการณ์ครอบครัวของเราให้
ผู้อ่านฟังนะ แต่ติดที่ว่าผมยังพูดไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่ เฮ้อ! ไม่ได้โง่หรอก แค่ตอนเด็กมันยัง... เอาเถอะ บอกเลยว่า
ผมไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน เพราะผมโง่ไง ถึงไม่อยากยอมรับก็เถอะ
''ม-ม้า'' ผมพยายามเรียก 'มาม๊า' แต่ทำไมกลายเป็ม้าซะล่ะ! ผมชี้ไปที่ห้องสมุด แน่นอนว่าอยากจะศึกษาโลกนี้ให้
มากขึ้น เผื่อว่าจะได้เอาความรู้จากโลกเก่ามาประยุกต์ใช้ ฮ่าฮ่าฮ่า
ในขณะที่แม่หันมองตามทิศทางที่ผมชี้ ผมก็รู้สึกถึงความตื่นเต้นในอากาศ เหมือนกับว่าห้องสมุดจะเต็มไปด้วยเื่
ราวและความรู้มากมายรอให้ผมไปค้นพบ แค่คิดก็รู้สึกเหมือนเป็นักสำรวจที่พร้อมจะไปค้นหาอารยธรรมใหม่ๆ
___________________________________________________________________________
่สาระในนิยาย
เหตุผลที่เด็กอายุ 3 ขวบยังไม่ชัดนั้นก็เพราะ "อวัยวะที่ใช้สำหรับการออกเสียง เช่น ลิ้น ฟัน ริมฝีปากยังทำงานสัมพันธ์กันได้ไม่ดีนัก เด็กจึงเหมือนพูดไม่ชัด และพูดติดขัด โดยเฉพาะเสียงที่ยากๆ เช่น ส ซ ร ล เป็ต้น"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้