การถูกพี่สาวสุดสวยอย่างหลินซือฉิงชนเข้ากับอ้อมกอด ชายคนไหนกันจะไม่รู้สึกอะไรเลย เย่เฟิงเองก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้ เมื่อเขาก้มมองผ่านคอเสื้อของหลินซือฉิง ร่องลึกใต้คอเสื้อมาพร้อมกับความขาวราวหิมะของก้อนเนื้อกลมๆ ทั้งสองข้าง เขาเอื้อมมือออกไปโอบเอวนุ่มของหญิงสาวโดยไม่รู้ตัว
“นาย...”
หลินซือฉิงใบหน้าแดงก่ำ จากนั้นเธอตระหนักได้ว่าตัวเองรีบร้อนเกินไปจนชนเย่เฟิง และไม่อาจโทษเย่เฟิงที่มีปฏิกิริยาเช่นนี้
“พี่หลิน มีเื่ด่วนอะไรเหรอ?”
เย่เฟิงรู้สึกอายเล็กน้อยและรีบถามเพื่อเปลี่ยนเื่
เมื่อได้ยินคำถามของเย่เฟิง เธอก็นึกออกว่า อันที่จริงตนมีเื่สำคัญต้องทำตอนนี้ จึงรีบร้อนเกินไปจนชนกับเย่เฟิง
“แย่แล้ว เซียวฉี่ไม่ยอมออกจากบ้านเลย...”
สีหน้าของหลินซือฉิงแสดงถึงความกังวล
เมื่อเย่เฟิงได้ยินดังนั้นก็แปลกใจเล็กน้อย เซียวฉี่สาวน้อยคนนั้นน่ะหรือ? ไม่ยอมออกจากบ้านหมายความว่าอย่างไร?
เมื่อเห็นสีหน้างงงวยของเย่เฟิง หลินซือฉิงก็อธิบายทันที “เป็เพราะลุงสามของฉัน หลินเหรินเทียนพาซิวเหวินไปบ้านตระกูลเซียว เพื่อบังคับให้เซียวฉี่แต่งงานกับซิวเหวิน”
ทันทีที่เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็มีท่าทางแปลกไป บังคับให้เซียวฉี่แต่งงานกับคนปัญญาอ่อนเนี่ยนะ? สมกับเป็ความคิดของหลินเหรินเทียนจริงๆ ลูกชายตัวเองเป็คนปัญญาอ่อนแล้วก็รีบเร่งเตรียมงานต่อไป ซ้ำยัง้าหาลูกสะใภ้แสนสวยอีก เมื่อเื่เป็เช่นนี้ เย่เฟิงก็รู้สึกว่าตนไม่สามารถยืนดูเซียวฉี่ตกอยู่ในปากเสือได้แน่นอน ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นเลย คนอย่างตาแก่หลินเหรินเทียน ถึงจะไม่สามารถสังหารได้ อย่างน้อยก็ขอตบระบายความแค้นในใจสักฉาดสองฉาดหน่อยเถอะ!
สร้างปัญหาให้เย่เฟิงครั้งแล้วครั้งเล่า หากชายหนุ่มอดทนเช่นนี้ต่อไป เขาคงกลายเป็เซียนแล้วจริงๆ นั่นแหละ
“พี่หลินให้ผมไปช่วยเถอะ” เย่เฟิงพูดกับหลินซือฉิงทันที
“เื่นั้น...” หลินซือฉิงลังเลเล็กน้อย
“มีคนของผมอยู่ ไม่เกิดเื่อะไรขึ้นหรอก ขนาดคนของเพ่ยเค่อกรุ๊ปยังถูกผมจัดการแล้วเลย” มุมปากเย่เฟิงยกขึ้น
เมื่อหลินซือฉิงได้ยินดังนั้นก็ประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อครู่เธอได้ยินเพียงว่าเย่เฟิงจับชายผิวขาวผู้เป็นักฆ่าแล้ว แต่ไม่คิดว่าเขาจะจัดการได้รวดเร็วขนาดนี้
“เป็ยังไงบ้าง ยังมีพรรคพวกเขาอยู่ไหม? ยังมีคนอื่นๆ อยู่หรือเปล่า?” หลินซือฉิงถามอย่างกังวล
“พรรคพวกที่เหลือถูกจับไปแล้ว งานแสดงสินค้าครั้งนี้ปลอดภัยแล้ว”
เย่เฟิงยิ้ม นี่เป็งานแสดงสินค้าเครื่องประดับ เพ่ยเค่อกรุ๊ปไม่ส่งคนแข็งแกร่งขนาดนั้นมาหรอก นอกจากนี้งานนอกประเทศไม่ใช่งานที่สนุกเท่าไร หากมีคนมากเกินไป เมื่อเกิดปัญหาตามมาจะเป็การสูญเสียครั้งใหญ่ แน่นอนว่าเพ่ยเค่อกรุ๊ปและไวเปอร์รวมทั้งเย่เฟิงเป็ศัตรูกัน ไม่ว่าจะเป็การสูญเสียทางเศรษฐกิจหรือการสูญเสียกำลังคนก็ถือว่าเป็การสูญเสียครั้งใหญ่
หลังเย่เฟิงเอ่ยจบ เบนจามินและเมดูซ่าก็ออกมาจากสำนักงานพร้อมกัน
แม้พวกเขาจะไม่มีเย่เฟิงอยู่ข้างๆ แต่ก็ทำตัวไม่ต่างไปจากเดิม เพียงแต่เมื่อเย่เฟิงปรากฏตัวต่อหน้าหรือได้ยินเสียงของเย่เฟิง อำนาจการสะกดจิตก็จะทำให้พวกเขาเชื่อฟังมากกว่าเดิม
ขณะที่หลินซือฉิงอยู่ตรงหน้า ทั้งสองก็แสดงความเคารพต่อเย่เฟิง ก่อนออกจากศูนย์แสดงสินค้า พร้อมทำตามที่เย่เฟิงจัดเตรียมให้
เบนจามินเป็นักฆ่าระดับเหรียญทองของไวเปอร์ หน้าที่ของเขาคือการสืบการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปขององค์กร เมื่อมีท่าทีว่าจะคุกคามเย่เฟิง เขาจะแอบรายงานอย่างลับๆ เพื่อให้เย่เฟิงเตรียมพร้อมรับมือ
เขาเชื่อว่าหลังจากสูญเสียกองกำลังไปมากขึ้น ไวเปอร์จะต้องลองชั่งน้ำหนักดูว่าคุ้มค่าหรือไม่ที่จะจัดการเย่เฟิง...
ส่วนหน้าที่ของเมดูซ่าคือการชักจูงเ้าพ่อยาเสพติดเพื่อสืบหาข้อมูลลับของเพ่ยเค่อกรุ๊ปและรายงานให้เย่เฟิงทราบ แม้มันจะค่อนข้างยุ่งยาก แต่เย่เฟิงคิดว่าการรายงานเื่เกี่ยวกับประเทศเป็ตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
การประชันระหว่างสองขั้วอำนาจนี้ ถ้าเป็ไปได้เย่เฟิงก็ไม่้าเผชิญหน้าด้วยสักเท่าไร ดังนั้นจึงคิดหาวิธีหลีกเลี่ยงความขัดแย้งดีกว่า
เมื่อเห็นเบนจามินและเมดูซ่ามีท่าทีนอบน้อมแบบนั้นแล้ว เย่เฟิงก็แนะนำตัวตนของพวกเขา หลินซือฉิงประหลาดใจกับความจริงที่ว่าเย่เฟิงไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เมื่อต้องรับมือกับเพ่ยเค่อกรุ๊ปและไวเปอร์ที่เป็สององค์กรใหญ่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะรับมือได้เลย!
เมื่อกล่าวทักทายหลงหว่านเอ๋อร์และซูเมิ่งหาน ก็เห็นจื่อเจี้ยนหลานกำลังดื่มด่ำกับชาอยู่ในร้านอาหารชั้นหนึ่ง เย่เฟิงโล่งใจจึงออกจากศูนย์แสดงสินค้าพร้อมหลินซือฉิง
หลังจากทั้งสองไปแล้ว สินค้าเครื่องประดับของหลิวกรุ๊ปก็ส่งมาถึงและเติมเต็มพื้นที่ว่างของบูธชั้นหนึ่งของศูนย์การแสดงสินค้า
ชื่อเสียงของบริษัทรักษาความปลอดภัยเตาเฟิงต้องสั่นะเืครั้งใหญ่ เพราะมันทำให้ทั้งงานแสดงสินค้ามีชีวิตชีวาขึ้นมา
ราคาประมูลของเพชรจักรพรรดิยังอยู่ที่สิบแปดล้านและไม่มีใครเสนอราคาอีก อย่างไรตามนี่เป็เพียงวันแรกเท่านั้น เชื่อว่าหลังจากนี้จะต้องมีพวกเ้าถิ่นแย่งกันเสนอราคาแน่นอน
ดูจากแนวโน้ม งานแสดงสินค้าครั้งนี้ค่อนข้างประสบความสำเร็จทีเดียว อย่างน้อยมูลค่าการซื้อขายและกำไรที่ได้รับก็ไม่น้อย แต่ไม่รู้ว่าสามวันหลังจากนี้ บริษัทที่ไม่ได้เข้าร่วมงานจะเสียใจกันมากแค่ไหน?
…………
ตระกูลเซียวตั้งอยู่ในหมู่บ้านอีกเขตหนึ่งใจกลางเมืองเยี่ยนจิง หมู่บ้านแห่งนี้สร้างขึ้นสำหรับตระกูลเซียวโดยเฉพาะ และคนที่อาศัยอยู่ที่นั่นทั้งหมดก็เป็คนตระกูลเซียว
เมื่อหลินซือฉิงขับแลมโบกินีคันสวยของเธอพร้อมพาเย่เฟิงไปถึงหน้าประตูบ้านพัก ทันใดนั้นพวกเขาก็ตกเป็เป้าสายตาของผู้คนโดยรอบ
ช่างเป็พี่สาวชั้นสูงเสียจริง!
จะเซ็กซี่เกินไปแล้ว!
น่าเสียดายที่พี่สาวคนนี้ดันมีผู้ชายหน้าตาธรรมดาสวมเสื้อเชิ้ตดำอยู่ข้างกาย ทำให้หลายคนต้องแอบส่ายหัว นี่เหมือนดอกไม้สดบนมูลวัวชัดๆ...
เย่เฟิงไม่สนใจความคิดคนอื่นเท่าไร ปกติเขาก็ไม่แยแสเื่พวกนี้อยู่แล้ว เมื่อมาถึงประตูทางเข้าหมู่บ้านตระกูลเซียว ชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้น “พี่หลิน สมมติว่าผมรักษาหลินซิวเหวินได้ พี่ว่าผมควรทำไหม?”
หากเป็โรคที่เกิดจากความเสียหายทางจิต เช่น ความบกพร่องทางจิต เคล็ดแสงศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจช่วยได้มากเท่าไร แต่ถ้ามันเป็การาเ็ทางสมองจนทำให้ปัญญาอ่อน เคล็ดแสงศักดิ์สิทธิ์ของเย่เฟิงก็ยังพอรักษาได้บ้าง
เขาถามออกไปไม่ใช่เพราะอยากรักษาหลินซิวเหวิน แต่ในแง่หนึ่งเขาสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้เซียวฉี่ได้ และยังทำให้ชายชราตระกูลหลินรู้สึกดีขึ้นได้ จะได้หลีกเลี่ยงความ้าเย่เฟิงเป็หลานเขยเสียที เขาและหลินซือฉิงต่างก็ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่
เมื่อหลินซือฉิงได้ยินดังนั้น ดวงตาก็พราวระยับด้วยความประหลาดใจ “นายบอกว่าสามารถรักษาซิวเหวินได้เหรอ เป็ไปไม่ได้หรอก อาการป่วยของเขาแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญในโรงพยาบาลทหารก็ยังจนปัญญาเลย...”
“พี่หลินเชื่อผมก็พอแล้ว” เย่เฟิงส่งยิ้มเบาๆ “ผมแค่ไม่รู้ว่าจะช่วยเขาดีไหม ถึงผมจะช่วยหรือไม่ช่วยเขา ยังไงวันนี้ผมจะทำให้หลินเหรินเทียนได้ลิ้มรสความขมขื่นแน่นอน!”
ในเมื่อมาที่นี่แล้ว เย่เฟิงก็ไม่คิดที่จะกลับไปมือเปล่าแน่ หลินเหรินเทียนสร้างเื่ยุ่งยากให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาต้องคิดบัญชีสักหน่อยแล้ว!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้