เพราะอู๋ซวนบอกว่าเป็เื่สำคัญที่บิดามารดา้าพบ เมื่อกลับมาถึงจวนสองพี่น้องจึงตรงไปยังเรือนฉืออวิ๋นเก๋อ ซึ่งยามนี้หย่างไท่ิพูดคุยกับซูอันเื่กิจการผ้าไหมไปพลาง ๆ
หยางซิวหรงกับหยางเฟิ่งเซียนเข้ามาถึงห้องรับรอง ก็ทำความบิดามารดาอย่างรู้มารยาท แม้ใครจะมองว่าทั้งสองถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจ แต่ก็แค่คนส่วนน้อยที่ไม่รู้อะไรเสียมากกว่า
“คารวะท่านพ่อ ท่านแม่ขอรับ /เ้าค่ะ”
“มากันแล้วหรือรีบเข้ามานั่งเถิด พ่อกับแม่รอพวกเ้าอยู่นานแล้วนะ” หยางไท่ิที่เปลี่ยนสีหน้าเป็เคร่งขรึม เมื่อบุตรทั้งสองมาพบตนที่เรือนอย่างรวดเร็ว
เพื่อมิให้เกิดความเคร่งเครียดจนเกินไป ซูอันจึงถามเื่การสอบของฟงเหยาเหวิน “เป็อย่างไรเซียนเอ๋อร์ ผลการสอบของพี่เหยาเหวินของเ้าได้อย่างที่้าหรือไม่”
พอได้ยินคำถามของมารดาถึงเื่นี้ หยางเฟิ่งเซียนถึงกับคุยโวความเก่งกาจของญาติผู้พี่ “ท่านแม่เ้าคะพี่เหยาเหวินเก่งกาจมาก เพราะว่าคนที่สอบได้อันดับหนึ่งก็คือพี่เหยาเหวินเ้าค่ะ”
“โอ๋ว ที่แท้จอหงวนปีนี้ก็เป็ของอาเหวินหรอกหรือนี่” ซูอันไม่แปลกใจหากตำแหน่งนี้จะเป็หลานชายของนาง เพราะฟงเหยาเหวินชอบอ่านตำราเป็ชีวิตจิตใจ แต่การฝึกซ้อมวรยุทธ์ก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน
หยางซิวหรงที่รับฟังแผนการของน้องสาว เื่การเป็ขุนนางของญาติผู้พี่ทั้งสองั้แ่ทุกคนอายุได้สิบสองหนาว “ครั้งนี้ก็สมใจเซียนเอ๋อร์แล้วขอรับท่านแม่ พี่เสวี่ยหลินเป็รองแม่ทัพที่อายุน้อยที่สุด ส่วนพี่เหยาเหวินก็สอบได้จอหงวนอีกคน ตำแหน่งขุนนางในราชสำนักที่น้องเล็กวางไว้ ก็สำเร็จสมบูรณ์ไปหนึ่งขั้นแล้วขอรับ”
“อิ อิ ต่อไปในภายหน้ามีพี่เสวี่ยหลินเป็แม่ทัพ คอยตรวจตราเหล่าพ่อค้าที่เข้าออกแคว้น มิให้มีสิ่งแปลกปลอมที่อาจทำลายกิจการผ้าไหมของแคว้นเรา ส่วนพี่เหยาเหวินก็คอยตรวจสอบขุนนางในราชสำนัก หากมีบางคนรับเงินสินบนจะได้ลากตัวมาลงโทษทันทีเ้าค่ะ หึ” หยางเฟิ่งเซียนที่ติดตามมารดาทำการค้าแต่เด็ก นางจดจำและสังเกตปัญหานี้ที่มักถูกมองข้ามเอาไว้ ถึง้าให้ญาติผู้พี่เป็ขุนนางในราชสำนัก
หยางไท่ิแสนจะภูมิใจกับความเ้าเล่ห์ของบุตรสาว “ฮ่า ๆ ๆ เซียนเอ๋อร์ของพ่อช่างฉลาดวางแผนนัก ยอดเยี่ยมมากสมแล้วที่เป็ลูกของพ่อ”
หยางเฟิ่งเซียนแม้จะชมตัวเอง แต่นางไม่ลืมชื่นชมบิดามารดาของตน และไม่ลืมถามถึงเื่ที่เรียกมาพบที่เรือนเช่นกัน “เพราะลูกได้ความฉลาดมาจากท่านพ่อกับท่านแม่ ไม่เช่นนั้นคงคิดอะไรเช่นนี้ออกมาไม่ได้แน่ ว่าแต่พวกท่านให้อู๋ซวนไปตามลูกกับพี่ใหญ่มาพบ มีเื่สำคัญอันใดอยากจะกำชับหรือเ้าคะ”
สีหน้าของซูอันเปลี่ยนไปเล็กน้อย ภายหลังบุตรสาวเอ่ยถามเื่ที่นาง้าพบ “อืม อันที่จริงจะถือว่าเป็เื่สำคัญมากเื่หนึ่งก็ว่าได้ เพราะแม้แต่ท่านพ่อของพวกเ้าสองคน ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ดังนั้นยามนี้พวกลูกต่างเติบโตเป็ผู้ใหญ่ สามารถตัดสินใจทั้งเื่การทำงานและชีวิตของตนได้แล้ว แต่บางครั้งอาจมีเื่ที่ยางจะรับมือ แม่จึงอยากให้คนที่แม่รักได้รับรู้สิ่งนี้เอาไว้ เอาล่ะทุกคนลุกขึ้นมาจับมือกันเอาไว้ จากนั้นหลับตาลงให้สนิทอย่าเพิ่งมีคำถามใด ๆ จนกว่าจะบอกให้ลืมตาได้เท่านั้น เมื่อลืมตาแล้วอยากถามสิ่งใดค่อยถามออกมา”
สามคนพ่อลูกแม้จะรู้สึกแปลก ๆ กับคำพูดของภรรยาและมารดา แต่ก็ทำตามอย่างว่าง่าย “พี่เข้าใจเ้าอันอัน /เข้าใจแล้วขอรับ /ลูกก็เข้าใจเ้าค่ะ”
“จีจี้...”
วับ! พรึบ! ทั้งสามคนรู้สึกว่าร่างกายขยับเพียงเล็กน้อย ต่อมาก็มีเสียงดังอยู่รอบ ๆ ทั้งที่ก่อนหน้าภายในห้องรับรองไม่มีเสียงเช่นนี้
ซูอันเห็นสามคนพ่อลูกเริ่มคิ้วขมวด จึงบอกให้ลืมตาตามที่รับปากไว้เมื่อครู่ “ทั้งสามคนลืมตาได้พวกเรามาถึงแล้วล่ะ”
แต่ก่อนที่จะลืมตากลับมีเสียงทักทาย จนสามพ่อลูกะโกอดกันกลม [สวัสดีทุกท่าน ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรของจีจี้เ้าค่ะ]
“อ๊ากก! /เหวอออ! /กรี๊ดดด!”
“สะ สะ เสียงใคร นะ นะ นั่นใครพูดออกมาเดี๋ยวนะ อย่าได้คิดลอบทำร้ายครอบครัวของข้าเด็ดขาด” หยางไท่ิได้สติจึงรีบกางแขนปกป้องทั้งซูอันและบุตรทั้งสองทันที
[โอยย อะไรจะเหมือนกันได้ขนาดนี้นะ นายหญิงท่านรีบอธิบายให้ทุกคนเข้าใจสิเ้าคะ จะให้จีจี้ออกไปได้อย่างไรในเมื่อจีจี้ไม่มีร่างกาย]
“หึ ๆ ๆ ท่านพี่ หรงเอ๋อร์ เซียนเอ๋อร์ ไม่ต้องใกับเสียงที่ได้ยินนั่นหรอก เพราะตอนนี้พวกเราอยู่ในพื้นวิเศษ โดยมีเ้าของเสียงนั่นเป็ผู้ดูแลทั้งหมดน่ะ”
“หา! พื้นที่วิเศษ”
“ท่านแม่ขอรับ ด้านหลังพวกเรามันคือสิ่งใด ทำไมข้าได้ยินเหมือนเสียงของมันดังอยู่ตลอดเวลาล่ะขอรับ”
แต่หยางเฟิ่งเซียนกลับถามคำถามไม่เหมือนบิดากับพี่ชายสักนิด “ท่านแม่! หรือว่าแท้จริงแล้วท่านคือเทพธิดาจาก์เ้าคะ แล้วสิ่งที่พวกเราเห็นอยู่ในยามนี้ ล้วนเป็สิ่งวิเศษที่ท่านแม่นำติดตัวมาใช่หรือไม่เ้าคะ”
[ฮ่า ๆ ๆ คุณหนูของจีจี้ช่างฉลาดคิดไม่เหมือนผู้ใดจริง ๆ หากจะบอกว่ามารดาของท่านเป็เทพธิดาก็มีส่วนถูกกระมัง แต่ความโเี้ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความงาม คนที่ได้เห็นมาก่อนย่อมเป็บิดาของท่านนะเ้าคะ]
หยางไท่ินึกถึงภาพในอดีตก็ขนลุกขึ้นมาอีกครั้ง ภาพการสังหารพระชายาหานยังคงติดตาจนถึงตอนนี้ และเขายังนึกไปถึงเื่อาวุธที่ซูอันใช้ในแคว้นหยวนซิง
“อันอัน เ้าคงไม่ได้หมายความถึงอาวุธ หรือแม้แต่สิ่งที่ใช้พาพี่ไปแคว้นหยวนซิง ล้วนมีเ้าเสียงนี่เป็ผู้ช่วยจัดหามาให้หรอกกระมัง”
ซูอันกลั้นขำท่าทางของหยางไท่ิแทบไม่ไหว เนื่องจากพวกเขาได้ยินเพียงเสียงแต่ไม่เห็นผู้ใด “ท่านพี่เข้าใจได้ถูกต้องแล้วเ้าค่ะ และสิ่งเ่าั้ในโลกนี้ไม่สามารถทำขึ้นมาได้ รวมถึงอาวุธลับที่มอบให้กับลูกของเรากับลูกของพี่หญิงด้วย ทั้งหมดเป็จีจี้ที่ช่วยคิดและหามาให้เ้าค่ะ”
หยางซิวหรงนึกถึงสิ่งที่มารดามอบให้ตนกับน้องสาว รวมถึงญาติผู้พี่ที่ได้รับพร้อมกันคราวที่สำเร็จการฝึกวรยุทธ์ “ท่านแม่เช่นนั้นอาวุธที่ท่านมอบให้พวกเราสี่คน ล้วนเป็สิ่งที่ทุกคนบนแผ่นนี้ไม่อาจมีได้ แม้แต่จะทำด้วยการลอกเลียนแบบ อาจทำได้แต่วัสดุที่นำมาใช้ย่อมสู้ของท่านไม่ได้”
[คุณชายเข้าใจเื่ของอาวุธได้ดีจริง ๆ เ้าค่ะ สิ่งที่พวกท่านได้รับไปมีความแข็งแรงทนทานมาก จีจี้ย่อมคัดเลือกแต่สิ่งที่ดีที่สุดมาให้นะเ้าคะ หากมีใครกล้ามาทำร้ายพวกท่าน ก็ใช้มันจัดการให้สมกับที่เป็ลูกของเ้าแม่มาเฟียด้วยนะ]
“เอ่อ ท่านแม่เ้าคะ คำว่าเ้าแม่มาเฟียนี่มันคืออันใดหรือเ้าคะ?” หยางเฟิ่งเซียนไม่เคยได้ยินคำนี้ของจีจี้มาก่อน
หยางไท่ิกับบุตรชายก็เช่นกัน ทุกคนต่างมองไปที่ซูอันเป็จุดเดียว คล้ายกำลังรอคำอธิบายจากนาง ซูอันจึงต้องอธิบายให้ทั้งสามคนเข้าใจ “คำพูดนี้น่ะหรือ หากแปลให้เข้ากับโลกนี้คงหมายถึงผู้มีอำนาจ ที่แม้แต่ทางการก็ไม่สามารถโค่นล้มได้ จะมีสุนัขรับใช้เป็ข้าราชการที่รับเงินสินบน คอยดูแลเก็บกวาดกลับดำให้เป็ขาวไม่ถูกจับไปดำเนินคดี หรือจะพูดว่าเป็ผู้อยู่เหนือกฎหมายก็ว่าได้
แต่มิใช่ว่าโลกนั้นจะไม่มีเ้าหน้าที่ผู้ซื่อสัตย์นะ เพียงแค่บางครั้งคนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมีมากกว่า จึงทำงานได้ไม่สะดวกอย่างที่ควรจะเป็ ซึ่งก็คล้ายคลึงกับโลกแห่งนี้ ที่มีขุนนางกังฉินคอยรับเงินสินบน หรือยักยอกเงินงบประมาณอย่างไรล่ะ”
“พี่เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเ้าถึงต้องเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็การช่วยเหลือผู้อื่นหรือกำจัดคนที่คิดทำร้ายเ้ากับครอบครัว บางคราวความโเี้ก็ช่วยให้คนเ่าั้ฉุกคิด ถึงผลดีผลเสียหาก้าเป็ศัตรูกับเรา” หยางไท่ินึกถึงความเด็ดขาดของซูอันเมื่อครั้งที่ได้ติดตามนางไปช่วยชาวบ้าน
ซูอันยิ้มรับกับคำพูดของสามีที่รับรู้ในสิ่งที่นางทำมาตลอด ไม่ว่าจะเป็การสั่งสอนคนหรือการสังหารหมู่ “ใช่เ้าค่ะท่านพี่ ข้าถึงได้สอนให้ลูก ๆ กับหลานทั้งสอง ฝึกวรยุทธ์และการใช้อาวุธั้แ่เด็ก แม้เราจะไม่รังแกผู้ใดแต่มิใช่ว่าคนที่มีใจอิจฉาริษยา จะไม่หาเื่เราก่อนเสียเมื่อไหร่”
หยางเฟิ่งเซียนที่เหมือนมารดาอย่างกับแกะ ย่อมมีนิสัยใจคอเช่นเดียวกันโดยไม่ต้องสอน “ลูกก็คิดเหมือนกับท่านแม่เ้าค่ะ ถ้าเพียงแค่หาเื่ทะเลาะธรรมดาก็สั่งสอนพอให้หลาบจำ แต่หากถึงขั้นลงไม้ลงมือหมายเอาชีวิต หรือทำลายกิจการผ้าไหมของตระกูลจิน ลูกไม่มีทางปล่อยให้คนพวกนั้นได้มีโอกาสลงมือเป็ครั้งที่สองแน่”
“ท่านแม่ไม่ต้องห่วงข้ากับน้องเล็กจะปกป้องกิจการนี้ และจะขยายการค้าให้ทั่วทุกแคว้นกิจการผ้าไหมของตระกูลจิน จะเจริญรุ่งเรืองต่อไปอีกร้อยปีพันปีแน่นอนขอรับ”
[คุณชายกับคุณหนูหากพวกท่าน้าอาวุธร้ายแรง หรือยาพิษที่หลากหลายในการกำจัดศัตรู พวกท่านบอกผ่านนายหญิงได้นะเ้าคะ จีจี้จะเตรียมไว้ให้ครบทุกอย่างเองเ้าค่ะ]
ซูอันคล้ายจะคิดถึงบางเื่ขึ้นมาได้นางจึงลองถามกับจีจี้ “จีจี้ ข้าอยากถามถึงสิ่งประดิษฐ์บางอย่าง”
[นายหญิงถามถึงสิ่งประดิษฐ์อันใดหรือเ้าคะ]
“หากข้าอยากได้วัตถุที่ใช้เป็มิติเก็บของ มอบให้ลูกทั้งสองคนกับหลานชายของข้า เ้าสามารถหามาให้ข้าได้หรือไม่จีจี้”
[โธ่เอ้ยยย ลืมเื่นี้ไปได้อย่างไรนะ นายหญิงหากท่านไม่ถามจีจี้ก็คงลืมไปแล้วจริง ๆ สิ่งที่ท่านอยากได้มีหรือที่จีจี้จะหามาให้ไม่ได้ ว่าแต่คุณชายกับคุณหนูอยากได้หรือไม่เ้าคะ]
“ข้าอยากได้! /ข้าอยากมีเหมือนท่านแม่!”
[จีจี้ยินดีจัดให้ตามคำขอเ้าค่ะ แต่ว่าขอเวลาจีจี้สักสองสามวัน เพื่อเตรียมของพิเศษให้กับพวกท่านนะเ้าคะ]
“ได้สิ ข้ากับน้องเล็กย่อมรอได้”
ซูอันเอ่ยขอบใจจี้หยกวิเศษก่อนจะชักชวนสามีกับบุตรทั้งสอง เข้าไปดูการทำงานของเครื่องจักรด้านในโรงงานทั้งสองแห่ง
“ฝากด้วยนะจีจี้ขอบใจเ้ามาก เอาล่ะตอนนี้พวกเราเข้าไปดูด้านในโรงงานกันเถิด จะได้รู้ว่าผ้าไหมบางส่วนที่วางขายในร้านมีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง หากพวกลูกคิดลวดลายใหม่ ๆ ได้ก็วาดตัวอย่างออกมา และลองให้เครื่องจักรด้านในทดลองทอให้ดูก็แล้วกัน”
หมับ! “พี่ใหญ่เข้าไปดูด้านในกันเถิด ข้าอยากเห็นแล้วว่าเครื่องจักรหน้าตาเป็อย่างไรเ้าค่ะ”
“ช้า ๆ สิน้องเล็กไม่ต้องรีบร้อนหรอกน่า อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงอยู่แล้วระวังจะหกล้มจนได้แผลล่ะ” หยางซิวหรงเอ่ยเตือนน้องสาวแต่เท้ากลับขยับตามไป ั้แ่ถูกมือบางฉุดดึงแขนกำยำของตนนั่นแล้ว
ซูอันก็จับจูงมือสามีอย่างหยางไท่ิ เพื่อพาเข้าไปชมต้นตอการผลิตผ้าไหม ที่ส่งเข้าวังหลวงและคนที่มีฐานะร่ำรวย ได้นำไปตัดเป็เสื้อผ้าสวมใส่ไว้โอ้อวดตามงานเลี้ยงต่าง ๆ เมื่อได้บอกความลับของตนกับสามีและบุตรทั้งสอง ซูอันรู้สึกสบายใจและไม่ต้องแอบนำสิ่งของออกมาลับหลังพวกเขาอีกแล้ว
