ซูิเยว่ลืมตาขึ้น ภาพตรงหน้าพร่ามัว ข้างหูเหมือนมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวดังขึ้น แต่เหมือนจะดังอยู่ไกลมากจึงฟังไม่ค่อยออก
จี๋โม่หานพาคนเดินตามหาทีละห้อง แต่ทุกห้องล้วนไม่ใช่ซูิเยว่ ในคุกเมืองหลวงขังคนร้ายเอาไว้มากกว่าร้อยคน ทุกคนต่างไม่รู้ว่าเกิดเื่อะไรขึ้นจึงมาเกาะดูที่ประตูคุก
จี๋โม่หานเหมือนกับปีศาจคลั่ง กลิ่นอายคลุ้มคลั่งแผ่ออกมาอย่างไม่ปิดบัง ใบหน้าเผยจิตสังหารมากมายไร้ที่สิ้นสุด
ิจิ่วไม่เคยเห็นเ้านายมีท่าทางแบบนี้มาก่อน แม้แต่ตอนนั้นที่ถูกคนมาปิดล้อมจวนเอาไว้ก็ยังไม่เป็เช่นนี้ นางยกเท้าถีบผู้คุมที่พุ่งเข้ามาให้ถอยไป จากนั้นแววตาก็หยุดอยู่ที่หนึ่ง ดวงตาเบิกกว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความใ
“องค์ชาย หาเจอแล้วเพคะ”
ฝีเท้าที่เดินไปด้านหน้าของจี๋โม่หานหยุดลง กลิ่นอายคลุ้มคลั่งบนตัวสงบลงทันที แล้วก็กลับมาเป็คนเดิมเช่นทุกที “เปิดประตู”
มือของิจิ่วกำลังสั่น นางยกกระบี่ขึ้นมาตัดโซ่ที่คล้องประตูคุกเอาไว้ออก
เจียงจ้าวเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างทนมองไม่ได้
ตรงมุมห้องขัง ซูิเยว่นอนอยู่ตรงนั้นด้วยสภาพเือาบไปทั้งตัว ผิวแตกออก ลมหายใจรวยริน ไม่มีตรงไหนที่ทนดูได้เลย ทั้งตัวสภาพย่ำแย่จนไม่กล้ามอง
เสียงรอบข้างทำให้สติที่เลือนรางของซูิเยว่แจ่มชัดขึ้นมาเล็กน้อย นางเหมือนได้ยินเสียงของจี๋โม่หาน
นางขยับตัว ลืมตาขึ้น ภาพตรงหน้ายังคงพร่ามัว เห็นเพียงเงาคนสีขาวกำลังเดินมาทางนี้
ถึงจี๋โม่หานจะมองไม่เห็น แต่เขาก็ได้ยินเสียงลมหายใจที่แ่เบา เขาเดินไปสองก้าว กลิ่นเืคละคลุ้งลอยเข้าจมูก หัวใจของเขาก็หนักอึ้ง ก่อนจะเพิ่มความเร็วของฝีเท้าขึ้นไปอีก
ิจิ่วตามอยู่ด้านหลังเขา นางไม่กล้าคิดเลยว่าหากองค์ชายมองเห็นภาพนี้แล้วจะเป็อย่างไร
“แม่หนู แม่หนู” จี๋โม่หานร้องเรียกเสียงอ่อนเบาๆ ตัวเขาเองยังรู้เลยว่าเสียงของตนนั้นสั่นเล็กน้อย
ร่างกายของซูิเยว่แข็งเกร็งขึ้นมา ภาพเลือนรางตรงหน้าค่อยๆ ชัดเจนขึ้นมา นางอ้าปาก แต่ยังไม่ได้พูดอะไร น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างเงียบเชียบอยู่แบบนั้น
จี๋โม่หาน เป็จี๋โม่หานจริงๆ
ไม่ได้เจอกันแค่วันเดียว แต่ทั้งตัวของจี๋โม่หานกลับให้ความรู้สึกเหนื่อยล้ามาก ใบหน้าขาวซีดมากกว่าเดิม
หลังจากที่ซูิเยว่ถูกลงโทษเมื่อคืนวาน กระทั่งถึงตอนกลางดึกไข้ก็ขึ้นสูงจนสติพร่าเลือน นางรู้สึกทรมาน แต่ตอนนี้พอได้เห็นจี๋โม่หานแล้ว ความเ็ปภายในอกก็ไม่อาจเก็บไว้ได้อีกก่อนจะทะลักออกมาจากหัวใจ
“จี๋โม่หาน จี๋โม่หาน” นางอ้าปาก ตอนที่ได้ยินเสียงของตัวเองแหบพร่าปนเสียงสะอื้น แม้แต่ตัวนางเองก็ใ
เมื่อจี๋โม่หานได้ยินเสียงเ็ปของนาง ในใจก็เจ็บจี๊ดขึ้นมาเหมือนถูกคนเอามีดแทง เจ็บจนเขาหายใจลำบาก
เขาคุกเข่าลงยกมือขึ้นคลำไปด้านหน้า จากนั้นก็เอ่ยเสียงอ่อนโยน “แม่หนูอย่ากลัวเลย ข้ามารับเ้าแล้ว”
แต่เขากลับแตะโดนปากแผลของซูิเยว่โดยไม่ได้ตั้งใจ ซูิเยว่ขมวดคิ้วร้องอึกออกมาเบาๆ
คิ้วของจี๋โม่หานขมวดคิ้วขึ้น ใบหน้ามีจิตสังหารทะลักออกมาอีกครั้งอย่างเก็บเอาไว้ไม่อยู่ “นางเป็อย่างไรบ้าง?”
ิจิ่วไม่อาจทนมองได้ นางพูดเสียงสั่น “คุณหนูซู นาง....าเ็หนักมาก บนตัวเต็มไปด้วยาแจากแส้”
ซูิเยว่จะแค่าเ็หนักได้อย่างไร แค่ชีวิตก็แทบจะไม่เหลือแล้ว เสื้อผ้าบนตัวถูกเืย้อมจนเป็สีแดง ในคุกทั้งมืดทั้งชื้น อีกทั้งนางก็อยู่มาหนึ่งคืนแล้ว สถานการณ์เป็อย่างไรแค่คิดก็ยังไม่กล้า
มือของจี๋โม่หานที่ยื่นออกไปนั้นแข็งค้างกลางอากาศ นางาเ็หนักมาก ทั้งตัวเต็มไปด้วยแผลจากแส้หลายรอย คำพวกนี้เปรียบเหมือนค้อนที่ทุบแรงๆ ลงมากลางใจของจี๋โม่หาน ลมหายใจของเขาหอบถี่ขึ้นมา ตัวก็เริ่มสั่นเล็กน้อย
ถึงว่าทำไมเขาถึงได้กลิ่นเืเข้มข้นขนาดนี้ มิน่าตอนที่เขาเข้ามาซูิเยว่ถึงไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับอะไร
ซูิเยว่ฝืนสะกดความเ็ปเอาไว้ นางยกมือสั่นๆ ไปลูบใบหน้าของจี๋โม่หาน เสียงแหบพร่าพูดอย่างอ่อนแรง “หม่อมฉันไม่เป็ไร”
จี๋โม่หานจับมือของนาง ในใจเ็ปมาก “จะไม่เป็อะไรได้อย่างไร”
กลิ่นอายคลุ้มคลั่งบนตัวของจี๋โม่หานไม่อาจเก็บไว้ได้อีกต่อไป บรรยากาศรอบตัวเย็นลงทันที ทั้งที่คุกในเดือนเจ็ดจะร้อนระอุ แต่กลิ่นอายของเขากลับทำให้ทุกคนเหมือนอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง สีหน้าของเขาทั้งสงสารและอ่อนโยน
เขายกมือขึ้นช้าๆ อุ้มซูิเยว่เข้ามาในอ้อมกอดอย่างอ่อนโยน ราวกับรักษาของล้ำค่า เขากลัวว่าจะทำให้นางเจ็บ
ร่างของคนในอ้อมกอดเต็มไปด้วยาแมากมาย ถึงจะมองไม่เห็น แต่เพียงใช้มือััก็รับรู้ได้ เสื้อผ้าที่เปื้อนด้วยเืแห้งแข็งตัว ตัวร้อนจี๋จนน่าใ แม้จะมีเสื้อผ้ากั้นอยู่ก็ยังรู้สึกได้
เมื่อาแบนตัวของซูิเยว่ได้รับความกระเทือน นางก็เจ็บจนทนไม่ไหวแล้วร้องอึกออกมา
การเคลื่อนไหวของจี๋โม่หานแข็งค้างไป เขาก้มหน้าลงจูบที่หน้าผากของซูิเยว่เบาๆ “เจ็บมากใช่หรือไม่?”
เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด เมื่อคืนวานซูิเยว่รอดพ้นจากที่แบบนี้ได้อย่างไร ตอนนั้นนางคงจะสิ้นหวังมาก
ซูิเยว่หลับตาซุกหน้าลงไปในอ้อมกอดของจี๋โม่หาน รู้สึกว่าความน้อยใจที่ได้รับเมื่อคืนเริ่มเก็บเอาไว้ไม่ไหวอีกแล้ว ตอนนี้คอทั้งแห้งและเจ็บ นางอ้าปากก่อนจะพูดเสียงสั่นเครือปนน้อยใจ “เจ็บ”
เจ็บมากจริงๆ นางไม่อยากแสร้งทำเป็เข้มแข็งต่อหน้าจี๋โม่หานแล้ว ตอนนี้นางแค่อยากจะอ้อนจี๋โม่หานเพื่อบอกถึงความน้อยใจของนาง
อย่างไรนางก็เป็แม่นางน้อยอายุสิบสี่คนหนึ่ง
จี๋โม่หานปวดใจจนพูดไม่ออก เขาอุ้มซูิเยว่แล้วสาวเท้าไวๆ เดินออกไปด้านนอก บนตัวปล่อยจิตสังหารออกมาทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้
ซูิเยว่จับสาบเสื้อของจี๋โม่หานเอาไว้แล้วฟังเสียงหัวใจของเขา นางไม่เคยรู้สึกสงบใจเช่นนี้และไม่เคยมีความสุขเท่าวินาทีนี้มาก่อนเลย
นางยกยิ้มมุมปากแล้วสูดลมหายใจเข้า “หม่อมฉันคิดว่าหากต้องตายที่นี่ หม่อมฉันจะไม่ได้เจอท่านอีกแล้ว”
ตอนดึกเมื่อคืนวานซูิเยว่สิ้นหวังมากจริงๆ าแบนตัวก็เจ็บจี๊ดไปถึงหัวใจ ทั้งยังไม่ได้ดื่มน้ำมาทั้งวัน ร่างกายก็ยังร้อนจี๋ สติก็เลือนราง นางที่เป็หมอเลยรู้ถึงสภาพร่างกายของตัวเองดี วินาทีนั้นนางคิดว่าตัวเองจะต้องตายที่นั่นแล้ว
แต่พอนางลูบสร้อยที่จี๋โม่หานให้นาง นางก็รู้สึกว่าไม่อยากตาย นางไม่อยากจะตายไปเช่นนี้
เพราะการเกิดใหม่มาอีกชาติ นางเจอเื่ที่มีความหมายมากกว่าการแก้แค้น ความเชื่อนั้นคอยค้ำยันนางไว้ นางฝืนตัวเองไม่ให้หลับ ่เวลานั้นเนิ่นนานมากเป็พิเศษ โชคดีที่จี๋โม่หานมาแล้ว
“ไม่มีทาง พูดไร้สาระอะไรน่ะ เ้ามีข้าอยู่ ข้าไม่มีทางปล่อยให้เ้าเป็อะไร” เสียงของจี๋โม่หานอ่อนโยน ในใจนึกตำหนิตัวเองอย่างหนัก เขาอุ้มซูิเยว่พร้อมก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าโดยไม่กล้าที่จะหยุดแม้แต่วินาทีเดียว
บนตัวของจี๋โม่หานปล่อยกลิ่นอายน่ากลัวออกมา ราวกับยมทูตที่ออกมาจากนรก รวมกับตอนที่เขาเข้ามานั้นใช้วิธีรุนแรง ตอนออกมาจึงไม่มีใครกล้าขวางเขาอีก
เพียงครู่เดียวทุกคนก็มาถึงทางออกคุก ด้านนอกเงียบลง จี๋โม่หานอุ้มซูิเยว่ออกมา