“เ้าเห็นอย่างที่ข้าเห็นฤาไม่ ตราหยกสีเขียว ทำให้ชายผู้นั้นฝ่าเข้ามายังแคว้นนี้ได้” หญิงสาวท่าทางแก่นแก้วในชุดสีดำ หันไปพูดกับศิษย์น้องหัวฟูด้วยท่าทางมีแผนร้ายลึก ทั้งสองมองตากันเพียงครู่เดียวแล้วพยักหน้าส่งสัญญาณบางอย่าง ก่อนจะสะกดรอยตามองค์รัชทายาทเพื่อหยกวิเศษก้อนนั้น
“ท่าทางแปลกประหลาดนัก ข้ามิเคยเห็นผู้ใดคุยกับกระต่ายเป็ตุเป็ตะเช่นนั้นมาก่อน” หญิงสาวในชุดดำท่าทางแก่นแก้วกอดอกมองตรงไปอย่างไม่เข้าใจ
“เราตามไปก่อน เผื่อจะมีอะไรสนุกๆ ให้ได้เล่น นาน ๆ จะหนีอาจารย์ออกมาได้ เอาให้คุ้มเสียหน่อย” ชิงจูพยักหน้าแสดงความเห็นด้วย พลังเวทน้อยนิดที่ฝึกมาทำให้เขาทั้งสองค่อนข้างมั่นใจในฝีมือตัวเองระดับหนึ่ง
“ท่านยอดฝีมือ ปล่อยข้ากลับคืนร่างได้แล้วฤาไม่” องค์รัชทายาทหยุดเดิน พลางมองรอบ ๆ เพื่อตรวจดูความปลอดภัย ก่อนจะคลายเวทให้นางกลับคืนสู่ความเป็คน ร่างของซูเจินค่อย ๆ คลายกลับมาในรูปร่างเดิม
“นะ นั่นมันอะไรกันศิษย์พี่” ชิงเถาตีมือตัวเองพลางเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนจะถูกชิงจูดึงตัวเข้ามาหลบหลังต้นไม้ใหญ่ พลางใช้มือปิดปากศิษย์น้องอย่างรวดเร็ว
“อย่าทำเสียงดังไป คนผู้นั้นมีพลังเวทที่แปลกประหลาดข้ามิเคยเห็น ดังนั้นจงระวังทุกฝีก้าว” ชิงเถาพยักหน้าเข้าใจ ก่อนมือบางของหญิงสาวจะค่อย ๆ คลายออก แล้วหันไปตั้งใจดูเหตุการณ์ประหลาดตรงหน้า
“ค่อยหายใจสะดวกหน่อย” ซูเจินอ้าแขนแล้วบิดไปมา พลางสูดอากาศเพื่อคลายความปวดเมื่อย ดวงหน้าสวยหวานยังคงแสดงความงามออกมาให้เห็นเป็ระยะ รูปร่างอ้อนแอ้นอีกทั้งใบหน้างดงามราวกับภาพวาด ทำให้ชิงเถาอ้าปากค้างด้วยความตะลึงงัน
“มัวแต่เหม่อมองสาวงาม เ้าจงจำไว้จุดมุ่งหมายของเราคือหยกวิเศษนั่น หาใช่สาวงามที่ต้องตาเ้าไม่”
“นางงามจนข้ามิอาจละสายตาได้จริง ๆ ศิษย์พี่”
“หากเ้าพูดแม้เพียงคำเดียว ข้าจักไล่เ้ากลับไปยังสำนัก แลหยกก้อนนั้นก็จักเป็ของข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น” น้ำเสียงแข็งของศิษย์พี่ทำให้ชิงเถาได้สติกลับมา แล้วเร่งจับตาดู เพื่อหาจังหวะในการ่ชิงตราหยกประหลาดนั่น
หลังจากเหิงเยว่ถูกนางกำนัลตามตัวมาพบกับพระสนมเจียวจิน นางเดินเข้ามายังตำหนักด้วยกิริยาอ่อนน้อมก่อนก้มเคารพ
“พระสนม้าให้เหิงเยว่ทำอันใดฤา” หญิงกลางคนหันใบหน้ามาแล้วส่งยิ้มอ่อน แล้ววาดหางตากลับมายังกองสมุนไพรต่างๆ ตรงหน้า
“หลังจากข้าศึกษาตำรายาสมุนไพรมานาน ข้า้าตัวยาหลายอย่างที่ไม่มีอยู่ในหอสมุนไพร ต้องรบกวนให้เ้าออกไปหา”
“พระสนมหมายถึงให้ข้าออกนอกวังเช่นนั้นฤา” หญิงกลางคนพยักหน้ายิ้มอ่อน ก่อนส่งกระดาษที่จดรายชื่อสมุนไพรมาสามสี่ชนิดยื่นให้ เหิงเยว่เปิดอ่าน พลางถอดสีหน้าออกมาอย่างเห็นได้ชัด สายตาหวานมองรายชื่อสมุนไพรที่ไม่เคยรู้จัก อีกทั้งนับจากลืมตาดูโลกนางยังไม่เคยเหยียบย่างออกจากวังหลวง มิรู้ได้ว่าโลกภายนอกอันตรายเยี่ยงไร
“สะ สมุนไพรพวกนี้ข้ามิรู้จักหน้าตาของมัน ข้าจักหามาให้พระสนมได้อย่างไร” หญิงสาวพูดตะกุกตะกักคล้ายกับไม่มั่นใจ
“เ้ามิต้องห่วงอันใด ที่ข้าเรียกใช้เ้า เพราะเ้าคือคนที่ข้าไว้ใจมากที่สุด ดังนั้นมิต้องกังวล ข้าจะให้ทหารติดตามไปด้วยสองถึงสามคน พวกเขารู้ดีถึงชนิดของสมุนไพรที่ข้า้า อีกทั้งจะได้ดูแลความปลอดภัยของเ้าด้วย” หลังจากได้ยินดังนั้นเหิงเยว่จึงคลายความกังวลลง นางเกิดและเติบโตภายในรั้ววัง ดังนั้นโลกภายนอกจึงเป็สิ่งที่นางไม่คุ้นชิน ก่อนดวงตากลมจะเลื่อนมอง ส่วนผสมของสมุนไพรที่พระสนมเจียวจินนำมาผสมกันบ้างแล้ว ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่ว
“นี่คือยาบำรุงกำลัง ที่ข้านำสรรพคุณของสมุนไพรต่าง ๆ มาปรุงเข้าด้วยกัน ข้าลองด้วยตัวเองแล้วรู้สึกดีขึ้นมาก คาดว่าพรุ่งนี้จักนำไปให้องค์จักรพรรดิเสวยดู เ้าคิดเห็นอย่างไร”
“ยานี้กลิ่นหอมมากเ้าค่ะ ข้าคิดว่าควรลองให้องค์จักรพรรดิเสวยดูก่อน หากรู้สึกดีขึ้นจึงเพิ่มปริมาณตามความเหมาะสม แลหากยานี้ได้ผล ควรเรียกหมอหลวงมาจดบันทึกไว้สืบไป”
“ฮ่า ๆ ๆ เ้าช่างคิดการณ์ไกล ข้าชอบใจนัก”
“เ้าค่ะ” เหิงเยว่ก้มรับคำ ก่อนวรกายขององค์ชายรองจะเดินเข้ามา แล้วพบกับหญิงสาวที่เขาแอบมีใจตั้งแรกเริ่ม พลางส่งยิ้มให้แล้วเดินเข้ามาหามารดา สายตาคมเลื่อนมองส่วนผสมของสมุนไพรต่าง ๆ ด้วยรู้สึกสนพระทัยอยู่ไม่น้อย
“เ้ามาก็ดีเลย ลองชิมสมุนไพรนี้ดู เป็สูตรที่ข้าคิดค้นขึ้นเพื่อเพิ่มกำลังไม่ให้อ่อนเพลีย คาดว่าพรุ่งนี้จะนำไปให้ท่านพ่อของเ้าเสวย”
“กลิ่นหอมดีเช่นนี้ รสชาติจะเป็เช่นไร” พระสนมยิ้มอ่อน พลางรินยาใส่ถ้วยให้องค์ชายรองดื่ม ก่อนสังเกตสีหน้าแล้วรอความคิดเห็นอย่างตั้งใจ
“รสดีไม่ขม กลิ่นหอมอ่อน ๆ ทำให้กินง่ายขึ้น เสด็จพ่อต้องชอบแน่” คำชมจากบุตรชายทำให้พระสนมยิ้มกว้าง ก่อนชายหนุ่มเลื่อนสายตามองตรงมายังสาวงามแล้วเอ่ยถาม
“หมู่นี้ไม่ใคร่ได้เจอเ้านัก ยังทำขนมอยู่ฤาไม่”
“ทำอยู่เพคะ”
“ข้าคิดถึงฝีมือเ้า แลอยากกินขนมถั่วดำ พรุ่งนี้เ้าทำให้ข้าได้ฤาไม่”
“เอ่อ...” ท่าทางอึกอักของเหิงเยว่ ทำให้องค์ชายรองขมวดคิ้ว ก่อนที่พระสนมเจียวจินจะกล่าวเสริม
“นางไม่มีเวลาทำให้เ้าหรอกเจิ้งหลี่ ข้าใช้ให้นางไปหาสมุนไพรที่เขาซงซาน หลายวันกว่าจะกลับ”
“ท่านแม่ นางเป็หญิง หากเกิดเหตุไม่คาดฝันใครจักช่วย ตัวคนเดียวออกไปนอกวัง น่าห่วงนัก” หญิงสาวได้ยินดังนั้นจึงก้มหน้าลง ความเมตตาขององค์ชายรองทำให้นางรู้สึกซาบซึ้งจนไม่อาจพูดได้
“นางมีทหารของเราติดตามไปด้วยอีกสองสามนาย เ้าจงวางใจ” น้ำเสียงอ่อนนุ่มของมารดา มิได้ทำให้สายพระเนตรขององค์ชายรอง ที่มองมายังเหิงเยว่คลายกังวลลงแม้แต่น้อย
“เช่นนั้นแล้ว เ้าอยากออกไปพร้อมนางฤาไม่” หญิงสาวได้ยินดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้นอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง พลางมองตรงไปยังพระสนมด้วยความแปลกใจ
“เหตุใดพระสนมจึงอนุญาตองค์ชายรองเยี่ยงนั้น เพราะด้วยสถานะขององค์ชายแล้วมิควรใส่ใจนางกำนัลเช่นข้า” เหิงเยว่รอบคิดในใจพลางหันใบหน้าหวาน กลับมายังองค์ชายรอง ที่กำลังจับจ้องอยู่มิละสายตาไปไหน หญิงสาวหลุบตาต่ำลง แล้วนิ่งเงียบไม่แสดงความคิดเห็น ปล่อยให้ทุกอย่างเป็ไปตามความประสงค์ของผู้เป็นาย
“นานมาแล้วที่องค์รัชทายาทมิกลับมา ข้ารอเขาอยู่ที่สระมรกตทุกวัน จากที่เคยหวังตอนนี้หมดหวังแล้ว ว่าเขาจะกลับมาในเร็ววันอย่างไรเสีย การออกไปนอกวังบ้าง อาจช่วยคลายความทุกข์ใจของข้าได้ เช่นนั้นแล้วหากท่านแม่เห็นดีด้วย ข้าก็ขออาสาออกไปเก็บสมุนไพรให้ท่านแม่พร้อมกับเหิงเยว่” พระสนมพยักหน้าขึ้นลงพลางส่งยิ้มอ่อนเป็การอนุญาตอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่พ้นข้ามสามวัน คณะขององค์ชายรองก็ถูกจัดขบวนขึ้นมีจุดหมายปลายทางอยู่ทีู่เาซงซาน เป็ูเาที่สูงลิบน้อยคนที่จะไปถึงยอด ปกคลุมด้วยพืชไม้นานาพรรณ และมีสมุนไพรแปลกๆ จำนวนมาก ซึ่งเป็แหล่งยาสำคัญสำหรับแคว้นก่งเหว่ย นานมาแล้วูเาแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็ูเาแห่งการรักษา หมอยาต่าง ๆ ทั่วทั้งแคว้นมักพบปะกันบริเวณนี้เสมอ การเดินทางไม่ได้ยากเย็นเท่าไหร่ เพราะห่างจากวังหลวงไม่มากนัก
“รากชงชู ใบเฟยฉี ต้นกู่หลาน และรากถังก๊วย สมุนไพรพวกนี้อยู่ในหุบเขาแห่งนี้เหรอเพคะ” เหิงเยว่ยกกระดาษขึ้นมาอ่านทวน แล้วหันใบหน้าหวานไปถามองค์ชายรองด้วยน้ำเสียงแสนไพเราะ เขายิ้มอ่อนแล้วพยักหน้าอย่างอบอุ่น
“สมุนไพรทุกอย่างทั่วทั้งแคว้นกงเหว่ยรวมอยู่ที่หุบเขาแห่งนี้ รากชงชู ต้นกู่หลาน ใบเฟยฉี รากถังก๊วยเป็สมุนไพรที่ท่านพ่อไม่อนุญาตให้เก็บกักตุน จึงไม่แปลกที่ในหอสมุนไพรจะไม่มีตัวยาพวกนี้ หญิงสาวพยักหน้ามองดูสิ่งรอบข้างอย่างสนใจ
“โลกภายนอกดูสงบเงียบดีนะเพคะ ั้แ่ข้าเกิดมายังไม่เคยเห็นต้นไม้มากมายเช่นนี้มาก่อน”
“โลกภายนอกดูอิสระ หากแต่แฝงไปด้วยอันตรายต่าง ๆ มากมาย ไม่เหมาะกับหญิงสาวที่เดินทางผู้เดียว ดังนั้นห้ามเ้าหนีออกมาเที่ยวเล่นเด็ดขาด” เหิงเยว่ลอบยิ้ม พลางหันมองใบหน้าเคร่งขององค์ชายรองก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ รถม้าและทหารจำนวนหนึ่งพาทั้งสองมุ่งขึ้นเขาเพื่อให้ถึงจุดพักก่อนตะวันตกดิน ภายในรถม้าบทสนทนาเงียบสนิทมีเพียงดวงตาคมขององค์ชายรอง ที่นั่งมองเหิงเยว่เวลานอนหลับ ใบหน้าหวานของนางทำให้เขารู้สึกประทับใจซ้ำแล้วซ้ำเล่ามิอาจคลายลงได้ ก่อนจะจับศีรษะของนางเอนมาพิงที่ไหล่หนา