เพราะ "ฟ้อง" จนได้ผลงาน เฉียวเยว่กับฉีอันต่างได้รับของขวัญเล็กๆ น้อยๆ
นายท่านผู้เฒ่าซูให้พู่กันพวกเขาคนละด้าม
"ฝึกเขียนอักษรให้ดีๆ"
เด็กสองคนดีใจมาก แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากลับไม่รู้สึกว่าดี นี่ไม่เท่ากับยิ่งสนับสนุนให้เด็กกลายเป็คนช่างฟ้องหรอกหรือ?
นางบ่นนายท่านผู้เฒ่าจนเขารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
แต่ไม่ว่านายท่านผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าจะเป็อย่างไร ระหว่างที่เฉียวเยว่กับฉีอันสองพี่น้องจูงมือกันเดินกลับเรือนในวันรุ่งขึ้น ต่างก็ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
"พอเห็นท่านพ่อ พวกเราก็วิ่งเข้าไปพร้อมกัน แล้วกอดขาคนละข้างร้องไห้แล้วบอกว่าผิดไปแล้ว ต้องให้ดูจริงใจหน่อยล่ะ เข้าใจหรือไม่? เดี๋ยวท่านพ่อก็หวั่นไหวไม่ลงโทษพวกเราเอง"
เฉียวเยว่คิดว่าถ้าไม่อยากถูกตีก็ต้องใช้อุบายเล็กน้อย
ฉีอันรีบพยักหน้า เวลาแบบนี้ฟังพี่สาวต้องไม่พลาดแน่ นางทำความผิดเยอะกว่าเขา มีประสบการณ์มากกว่า
"จริงใจหรือ?" เสียงของบุรุษดังขึ้น ซาลาเปาน้อยสองคนต่างขวัญหนีดีฝ่อ แย่แล้ว บิดานางยืนหน้านิ่งอยู่ด้านหลัง "ข้าว่าพวกเ้าอย่าเรียนรู้จะดีกว่า"
จอมวางแผนอันดับหนึ่งในใต้หล้า
เฉียวเยว่ยิ้มน่ารัก พูดละล่ำละลัก "ท่านพ่อ ข้าคิดถึงท่าน"
หลังจากนั้นก็หันมาขยิบตา ฉีอันเข้าใจความหมาย ทั้งสองต่างกอดขาซูซานหลางคนละข้าง ซูซานหลางถูกเด็กอ้วนตุ้ยนุ้ยสองคนพุ่งเข้าชนจนแทบยืนไม่อยู่
"เอาล่ะ เลิกแสดงละครได้แล้ว ครานี้พ่อจะไม่เอาความพวกเ้า" เขายิ้มอย่างจนปัญญา
"เอ๋?" เฉียวเยว่เงยหน้าอย่างงุนงง
"ปล่อยได้แล้ว" ซูซานหลางเอ่ย
เฉียวเยว่กับฉีอันมองหน้ากัน หลังจากนั้นก็ร้อง "เย่" พลางะโโลดเต้นด้วยความดีใจ
"เอาล่ะ เอาล่ะ มา พ่อจะจูงพวกเ้ากลับห้อง เหตุใดถือพู่กันมาด้วยเล่า?"
เฉียวเยว่ทำสีหน้าภาคภูมิใจ "นี่คือรางวัลจากท่านปู่ของพวกเรา"
ซูซานหลางหนังตากระตุก รู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดี เขาลองถามหยั่งเชิง "พวกเ้าทำความดีอันใดถึงได้รางวัล?"
เฉียวเยว่หัวเราะคิกคัก "ข้ากับฉีอันแสดงเื่เมื่อวานให้ท่านปู่ดู ข้าแสดงเป็ป้าสะใภ้รอง ฉีอันแสดงเป็ท่านพ่อ ท่านปู่ชมว่าพวกเราแสดงดี หลังจากนั้นก็ให้ของขวัญกับพวกเรา"
ซูซานหลาง "..."
เหอะๆๆ
"ท่านพ่อ วันหลังป้าสะใภ้รองจะมาอีกหรือไม่?" เฉียวเยว่ถาม ถึงรู้ว่าความเป็ไปได้มีไม่มาก แต่คนหน้าหนายากจะคาดเดาได้ว่านางคิดอย่างไร
ซูซานหลางหัวเราะเสียงเย็น "ไม่หรอก ถึงนางจะมาก็ต้องเข้ามาให้ได้ก่อน พ่อสั่งการไว้แล้ว ต่อไปหากป้าสะใภ้รองของเ้ามาให้ขวางไว้ พวกเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับนาง"
เฉียวเยว่รีบพยักหน้า มีเหตุผล!
"พี่หญิงสามช่างแสนดี เหตุใดป้าสะใภ้รองถึงเลอะเลือนไปได้"
ซูซานหลางขยี้หัวผู้ใหญ่ตัวน้อยของตนเอง "เ้าอย่าวิตกเื่ไม่เป็เื่ให้มากนัก เ้าวาดภาพเป็อย่างไรบ้าง ท่านตาของเ้ามา ไปห้องหนังสือเล็กของเ้าแล้วด้วย"
เฉียวเยว่ได้ยินก็ร้อนใจขึ้นมา "เช่นนั้นก็รีบไปสิเ้าคะ จะรออันใด ท่านพ่อจริงๆ เลย ไยไม่บอกให้เร็วกว่านี้"
ซูซานหลางเลิกคิ้ว "เฉียวเยว่ของเราเฉลียวฉลาดมากมิใช่หรือ พ่อนึกว่าเ้ารู้แล้ว หากท่านตาของเ้าไม่มา พ่อไหนเลยจะให้อภัยพวกเ้า ป่านนี้ถูกตีก้นไปแล้ว"
เฉียวเยว่ อะแง้ว... เดี๋ยวนี้ท่านพ่อรู้จักวางหลุมพรางแล้ว
เฉียวเยว่สนิทกับท่านตามากกว่าฉีอัน ถึงอย่างไรนางก็อยู่จวนสกุลฉีมาพักหนึ่ง
พอเข้าประตูมา เฉียวเยว่ก็วิ่งเข้าหาราวกับเหาะ "ท่านตา ข้าคิดถึงท่านจะตายอยู่แล้ว"
ฉีอันเป็เวอร์ชันคอสเพลย์ของเฉียวเยว่ ไม่ว่าเฉียวเยว่จะทำสิ่งใด เขาล้วนทำตาม จึงวิ่งเข้าไปเช่นกัน ชายชราหัวเราะเบิกบานใจกับความกระตือรือร้นของหลานๆ
"ไกวเยว่ ไกวเยว่ คิดถึงตาหรือไม่?"
"คิดถึง" เสียงตอบดังสนั่น
"ท่านตา ท่านตา ท่านดูสิ นี่คือพู่กันที่ท่านปู่มอบให้พวกเรา พู่กันนี้เหมาะสมกับการวาดภาพหรือไม่?" พอเห็นว่าภาพของตนเองถูกพลิกดู เฉียวเยว่ก็ถามขึ้นทันที "ท่านตาดูภาพของข้าแล้วหรือ เป็อย่างไรบ้างเ้าคะ?"
นางเพิ่งร่างแบบฉีเทียนต้าเซิ่งเชียวนะ
แต่การวาดภาพไม่ง่ายอย่างที่คิด ยิ่งเป็การ์ตูนมังงะการวาดก็ยิ่งซับซ้อน
"ภาพดูไร้เดียงสาแบบเด็กๆ แต่ไกวเยว่ของข้าเพิ่งจะห้าขวบ สำหรับเด็กห้าขวบคนหนึ่งถือว่าทำได้ดีมากแล้ว นอกจากนี้ยังมีความคิดเป็ของตนเอง ตาคิดว่านี่จะเป็จุดกำเนิดที่นำไปสู่สิ่งใหม่ได้อีกมากมาย" อาจารย์ฉีวิจารณ์
เฉียวเยว่วาดการ์ตูนในแบบยุคปัจจุบัน นางพยายามนึกถึงตัวละครในความทรงจำแล้ววาดออกมา
อาจารย์ฉีมองดูพู่กันแล้วกล่าวว่า "พู่กันนี้ไม่เหมาะสำหรับวาดภาพ แต่เหมาะสมกับการเขียนอักษรแบบตัวบรรจงเล็กได้ดียิ่ง ตาคิดว่าที่ท่านปู่ของเ้ามอบพู่กันนี้ให้ ก็คงปรารถนาให้พวกเ้าสองคนเขียนอักษรได้ดีกระมัง"
เฉียวเยว่พยักหน้า "ท่านปู่ก็กล่าวเช่นนี้"
นางวางพู่กันไว้บนชั้นวางพู่กัน ก่อนพูดรบเร้า "ท่านปู่เห็นฉีเทียนต้าเซิ่งของข้าแล้ว ท่านช่วยขัดเกลาให้ข้าได้หรือไม่ ท่านรู้สึกว่าตรงไหนยังไม่ดีพอ?"
"ข้ารู้สึกว่ามันไม่น่ารักเหมือนที่ท่านลุงมอบให้เล่มนั้น แต่ไม่รู้ว่าควรเปลี่ยนตรงไหน" ฉีอันชี้
เฉียวเยว่ดึงฉีอันเข้ามาวาดด้วยกัน ฉีอันจึงรู้สึกถึงการมีส่วนร่วม และเป็การฝึกฝนไปในตัว
อาจารย์ฉีมองเล่มต้นแบบของพวกเขา "เ้าดูตรงนี้ ของพวกเ้า..."
ซูซานหลางเห็นอาจารย์ฉีนั่งลงวาดภาพร่วมกับเด็กๆ ก็ยิ้มเดินออกมาจากห้อง ขณะนี้ไท่ไท่สามยกขนมเข้ามาพอดี "เฉียวเยว่กับฉีอันกลับมาแล้วหรือ?"
"กลับมาแล้ว กำลังวาดภาพร่วมกับท่านพ่อตาอยู่ ท่าทางสนุกไม่เบา" ซูซานหลางตอบ
ไท่ไท่สามกลอกตาใส่เขา "เฉียวเยว่ของเราไม่ได้ทำเล่นๆ เสียหน่อย นางกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้"
เด็กห้าขวบของผู้อื่นเหมือนเฉียวเยว่ของพวกเขาเสียที่ไหน
ซูซานหลางอมยิ้ม "ใช่ ใช่ ใช่ เฉียวเยว่ไม่ได้เล่น อาอิ่ง เ้าว่าข้าตกแต่งห้องรับแขกที่ใหญ่ที่สุดในเรือนเป็ห้องหนังสือดีหรือไม่?"
ไท่ไท่สามตอบอย่างงุนงง "เื่นี้ก็แล้วแต่ท่านสิ มีอะไร ห้องเดิมของท่านยังใหญ่ไม่พออีกหรือ?"
ซูซานหลางอมยิ้มพลางส่ายหน้า ตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ไม่ใช่ ข้าวางแผนจะจัดให้เฉียวเยว่กับฉีอันใช้ต่างหาก ข้าอยากให้พวกเขาศึกษาร่วมกัน ให้อิ้งเยว่มาอยู่กับพวกเขาด้วย สามพี่น้องจะได้เรียนที่เดียวกัน"
เดิมทีเขาคิดว่าช้าเร็วเด็กก็ต้องเติบโต อยู่ด้วยกันคงจะไม่สะดวก แต่เมื่อครู่เห็นปู่หลานสามคนวาดภาพด้วยกัน เฉียวเยว่กับฉีอันต่างก้นกระดกท่าทางจริงจังมาก เขาพลันรู้สึกว่าความคิดของตนเองดูจะตื้นเขินเกินไป
แท้จริงแล้วการที่เด็กๆ ร่วมศึกษาด้วยกันกลับยิ่งดีมิใช่หรือ ให้อิ้งเยว่มาอยู่กับพวกเขา นางจะได้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นอีกหน่อย
ไท่ไท่สามย่อมสนับสนุนความคิดนี้ "เป็เช่นนี้ก็ดี ท่านยังจำห้องเล็กน่ารักห้องนั้นในจวนสกุลฉีได้หรือไม่ ตอนนั้นข้ารู้สึกว่านี่คือสิ่งที่พวกเราไม่เคยนึกถึง หากจัดห้องเยี่ยงนั้นให้พวกเขาอยู่ร่วมกันั้แ่แบเบาะ ก็อาจเพิ่มความสนุกสนานให้กับเด็กๆ อีกมาก
ซูซานหลางยิ้มน้อยๆ "เมื่อเ้าเห็นด้วย ข้าก็จะไปทำตามนี้"
"แล้วห้องรับแขกเล่า?"
"ห้องรับแขกใช้แค่เรือนชั้นนอกก็พอแล้ว ไม่จำเป็ต้องใช้เรือนชั้นในของพวกเรารับแขก อีกอย่างห้องรับแขกก็มีไว้ดื่มชาพูดคุยกันเท่านั้น คนนอกไหนเลยจะสำคัญเท่ากับบุตรของพวกเรา"
ไท่ไท่สามอมยิ้มรับคำ
ซูซานหลางพูดได้ทำจริง ใช้เวลาเพียงสิบกว่าวัน เฉียวเยว่กับฉีอันก็เห็นห้องรับแขกเดิมถูกตกแต่งใหม่ทั้งหมด ไม่รู้ว่าบิดาของพวกเขาคิดจะทำอะไร
แต่เฉียวเยว่ก็ยุ่งมาก ต้องไปทำตัวน่ารักประจบสอพลอท่านปู่ท่านย่า ต้องไปยั่วเย้าให้อิ้งเยว่เบิกบานใจ ซ้ำนางยัง "ถูกลงโทษ" ให้คัดคัมภีร์กตัญญุตาธรรม ไหนจะหนังสือภาพของนางอีก ไม่มีเวลาหาคำตอบว่าบิดาจะทำอันใด
จนกระทั่งสิ่งที่น่าประหลาดใจปรากฏขึ้นตรงหน้า เฉียวเยว่ก็ถึงกับอึ้งงัน นางหันไปถามอย่างเชื่องช้า "นี่... มอบให้พวกเราหรือเ้าคะ?"
ซูซานหลางยิ้ม "ใช่ ต่อไปห้องใหญ่ห้องนี้จะทำเป็ห้องหนังสือสำหรับพวกเ้าสามคนพี่น้อง พวกเ้าเห็นว่าดีหรือไม่?"
เฉียวเยว่ะโโลดเต้นทันควัน "ดี ดีๆๆๆ!"
ฉีอันก็ลุกขึ้นมาะโเลียนแบบนาง
"ห้องหนังสือเล็กเดิมก็ยังคงเก็บไว้ให้พวกเ้า ต่อไปหากพวกเ้าโตขึ้น รู้สึกไม่สะดวกค่อยย้ายกลับไปก็ได้"
เฉียวเยว่ตื่นเต้นดีใจที่สุด นางชอบให้ครอบครัวอยู่ร่วมกัน ไม่ต้องต่างคนต่างอยู่ "ข้าไม่ย้ายกลับ ข้าจะอยู่ร่วมกับพี่สาวและฉีอัน"
"ข้าก็จะอยู่กับเฉียวเฉียว"
เด็กสองคนกอดกันอย่างมีความสุข
หลังจากย้ายทุกสิ่งเข้าไปในห้องหนังสือใหญ่แล้ว เฉียวเยว่ก็วิ่งไปทั่วห้อง "ข้ารู้สึกว่าดียิ่ง ดูเหมือนจะใหญ่ขึ้นในชั่วพริบตา"
นางลูบท้องน้อยๆ ของตนเอง "ห้องใหญ่ขึ้นแล้ว ต่อไปขนมในห้องหนังสือก็จะเยอะขึ้นด้วยใช่หรือไม่?"
ไท่ไท่สามหัวเราะพรืด "เ้ากระต่ายอ้วนตัวน้อยพูดเหลวไหลอีกแล้ว"
เฉียวเยว่มีห้องหนังสือที่ "ใช้งานร่วมกัน" เพิ่มอีกห้อง นางอารมณ์ดีมากจริงๆ บอกกับแทบทุกคนที่ได้พบ เวลาเพียงครึ่งวัน ทั่วทั้งจวนซู่เฉิงโหวต่างก็ทราบว่าเด็กสามคนของเรือนสามมีห้องหนังสือใหญ่ที่ใช้ร่วมกัน
การตกแต่งห้องหนังสือเรียบง่ายมาก ซูซานหลางยังคงตกแต่งตามแบบเรียนในจวนสกุลฉี พื้นที่ส่วนใหญ่ล้วนเป็ตั่ง ต้องถอดรองเท้าก่อนขึ้นไปนั่ง
ไม่ช้า ิเยว่ที่มาเยี่ยมเยือนถึงกับถอนหายใจที่ได้เห็น
เวลาเพียงสั้นๆ ยังสามารถทำให้ยุ่งเหยิงได้เพียงนี้ ก็เก่งไม่มีใครเกินแล้ว
เนื่องจากเฉียวเยว่กับฉีอันกำลังวาดภาพ จึงวางกระดาษกระจัดกระจายไปทั่ว ยังมีคัมภีร์กตัญญุตาธรรมที่เฉียวเยว่ต้องคัดอยู่อีกด้านหนึ่ง ชั้นวางพู่กันตั้งอยู่กลางโต๊ะของทั้งสองคน ดูระเกะระกะไปหมดจริงๆ
แต่ภายใต้ความรกรุงรังกลับเปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวา
เก้าอี้เอนหลังที่ตั้งอยู่ในห้องหนังสือเล็กของเฉียวเยว่ก็ย้ายมาแล้ว นี่เป็การเตรียมไว้ให้อิ้งเยว่ซึ่งขายังไม่สะดวกในตอนนี้
ิเยว่เห็นตำราหลายเล่มถูกวางอยู่บนตั่งก็กล่าวว่า "เฉียวเยว่จะหยิบตำรามาเล่นไม่ได้"
เฉียวเยว่ซึ่งนั่งกินขนมอยู่ด้านข้างส่ายหน้า "ไม่ได้เอามาเล่น ข้าอ่านอยู่"
ิเยว่ถามด้วยความประหลาดใจแฝงแววหยอกเย้า "เ้าอ่านอยู่? เ้าอ่านเข้าใจด้วยหรือ?"
เฉียวเยว่ยิ้มตาหยี "ข้าเล็กขนาดนี้ ย่อมไม่ค่อยเข้าใจมากนัก" นี่ถึงจะสมเหตุสมผล
นางกล่าวเสริมอีกว่า "ข้าแค่อ่านนิดหน่อย ยังจำไม่ได้หรอก รอท่านพ่อไม่ยุ่งแล้วค่อยถาม หรือไม่รอให้ท่านตามาค่อยถามก็ได้"
เห็นดวงหน้าเล็กจ้อยเ้าเนื้อของน้องสาวคนเล็กเปี่ยมไปด้วยความจริงจัง ิเยว่พลันรู้สึกว่าเป็เช่นนี้ดียิ่งนัก
"เฉียวเยว่กับฉีอันต้องตั้งใจเรียนนะ" นางลูบศีรษะของเด็กน้อยสองคน
ฉีอันพยักหน้าอย่างจริงจัง "กว่าเสด็จพี่รัชทายาทกับพี่ชายิ่กลับมา ความรู้ของข้าก็เหนือพวกเขาแล้ว"
ิเยว่อมยิ้ม "ใครเป็คนพูดเหลวไหลเช่นนี้ คงไม่ใช่เฉียวเยว่หรอกกระมัง
เฉียวเยว่ยืดอก "นี่คือสิ่งที่ถูกต้อง ท่านพ่อข้าเป็ศิษย์ที่ท่านตาสอนมา พวกเขาจะเก่งกว่าพวกเราได้อย่างไร"
เฉียวเยว่ทำสีหน้ายิ้มย่องลำพองใจ หากนางมีหางก็คงจะกระดิกดุ๊กดิ๊กไปมาแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้