คนตระกูลฉีออกจากอำเภอหนานอี๋ไปพร้อมกับเสียงด่าทอ ขณะที่ครอบครัวเฉิงชิงได้รับความเห็นใจอย่างท่วมท้น
เฉิงชิง้ากล่าวขอบคุณนายท่านห้าเและนายอำเภอหลี่ นายท่านห้าลูบเคราไม่เอ่ยคำ สีหน้าไม่อบอุ่นเหมือนแต่ก่อน คล้ายยังคงโกรธเฉิงชิงอยู่ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็การเป็งาน
“อะไรที่เรียกว่าตระกูล ตระกูลก็คือกลุ่มคนที่ร่วมใจกันฟันฝ่าอุปสรรค ครอบครัวไหนในตระกูลประสบเื่เช่นนี้ ตัวข้าล้วนย่อมไปช่วยเหลือ ไม่ใช่เพื่อเ้าเพียงผู้เดียว”
นายอำเภอหลี่ก็กล่าวกับเฉิงชิงว่าไม่ต้องเกรงใจ
วันนี้นายอำเภอหลี่เองก็ได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม ชาวบ้านรอบด้านต่างเรียกเขาว่าขุนนางหลี่ผู้เที่ยงตรง
“ปีหน้าหากเ้าสามารถสอบผ่านซิ่วไฉได้ นั่นก็ถือว่าเป็การตอบแทนข้าที่ดีที่สุด!”
ไม่มีนายอำเภอหลี่ ตระกูลฉีไม่มีทางที่จะคืนสินเดิมกลับมาโดยง่าย หลังจากวันนี้ยังต้องคิดว่าจะให้ของขวัญแสดงความขอบคุณนายอำเภอหลี่อย่างไร
เฉิงชิงอยู่ในที่ว่าการอำเภอพูดจารื่นหู ทั้งยังกล่าวขอบคุณแล้วขอบคุณอีกกับเหล่าเพื่อนบ้าน ข่าวการถอนหมั้นอย่างราบรื่นก็ได้แพร่กระจายกลับไปยังตรอกหยางหลิ่ว บุตรสาวคนรองและบุตรสาวคนที่สามเฝ้ารออย่างมีความหวังเต็มเปี่ยม สุดท้ายเมื่อเฉิงชิงและบุตรสาวคนโตกลับบ้าน จึงเอ่ยชมว่าเฉิงชิงเก่งกาจไม่หยุด
“ข้ารู้อยู่แล้วเชียวว่าน้องชายต้องไม่ยอมให้พี่ใหญ่เสียเปรียบ!”
“ตระกูลฉีนั่นเลวจริงๆ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าสามารถถอนหมั้นอย่างเงียบเชียบได้ กลับ้ารังแกคน…”
หาเหตุผลมาอ้างเสียดูดี แต่ไม่ใช่ว่ารังเกียจที่ตระกูลเฉิงตกต่ำลงหรือ
สมน้ำหน้า สุดท้ายก็เสียหน้า ณ ที่ว่าการอำเภอ
้าทำร้ายให้พี่ใหญ่ออกเรือนไม่ได้ แต่กลับทุ่มหินลงเท้าตนเอง ฉีเหยียนซงนั่นชื่อเสียงเน่าเหม็นแล้ว ครอบครัวที่พิถีพิถันเลือกเฟ้นอย่างดีก็คงไม่ยินยอมยกบุตรสาวให้เขาแล้ว ดูซิว่าฉีเหยียนซงจะสามารถแต่งภรรยาเช่นไร!
นางหลิ่วสงสารบุตรสาว กอดไหล่บุตรสาวคนโตไม่ยอมปล่อย
“เ้ายังมีน้องสาวน้องชาย และยังมีแม่ที่รักเ้าสุดหัวใจ”
ยามคนตระกูลฉีจากไป ฮูหยินผู้เฒ่าฉีก้าวหนึ่งก้าวแล้วก็หันกลับมามองสามที ดวงตาทั้งสองเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ไม่ยินยอมที่จะแยกจากบุตรสาวคนโตไปอย่างยิ่ง บุตรสาวคนโตก็ไม่ได้ใจอ่อน ยามนี้ยังกลับเป็ฝ่ายปลอบโยนนางหลิ่ว ว่าไปแล้วการถอนหมั้นนี้ถือเป็เื่ดีอย่างเห็นได้ชัด
เฉิงชิงยังคงนึกถึงละครตลกในวันนี้
ว่ากันตามความจริงแล้ว นางยังไม่ทันทำอะไรก็แก้ไขปัญหาได้แล้ว ราบรื่นจนน่าใ
จดหมายย่อมเอามาจากในห้องหนังสือของฉีเหยียนซง แต่คนตระกูลฉีจะให้ความร่วมมือดีเกินไปไหม? เหมือนยอมให้นางใส่ร้าย ้าที่จะตัดขาดบุตรสาวคนโตอย่างหมดจดทั้งหมด
ตระกูลฉีมีดีอะไร? เฉิงชิงกดทับความสงสัยลงไปภายในใจ
บุตรสาวคนโต้าให้นางหลิ่วเป็ผู้ดูแลเงินห้าพันตำลึง นางหลิ่วมิอาจรับไว้ได้
คนในครอบครัวทั้งห้าคนปิดประตูจ้องมองตั๋วเงินในกล่องไม้ นอกจากเฉิงชิงแล้ว เงินก้อนนี้เป็จำนวนที่เยอะที่สุดเท่าที่พวกนางหลิ่วสี่คนเคยเห็นมา
ยามเฉิงจือหย่วนมีชีวิตอยู่เป็ขุนนางยากจนผู้หนึ่ง หลังเสียชีวิตไปแล้วเื่ราวแต่ละอย่างก็ยิ่งทำให้ทรัพย์สินของตระกูลเฉิงว่างเปล่า นางหลิ่วผู้เป็อดีตฮูหยินนายอำเภอไม่เคยดูแลเงินมากกว่าหนึ่งพันตำลึงเงิน ไม่ต้องกล่าวถึงห้าพันตำลึงเต็ม!
“ลูกชาย เงินก้อนนี้ไม่ว่าผู้ใดก็มิอาจเคลื่อนย้าย นี่เป็สิ่งที่มารดาผู้ให้กำเนิดพี่สาวคนโตเ้าเหลือไว้ให้นาง เป็ที่พึ่งพิงของพี่สาวคนโตเ้าในภายหลัง…”
นางหลิ่วเอ่ยวาจาไม่น่าฟังขึ้นมาก่อน ด้วยเกรงว่าบุตรที่ตนเองให้กำเนิดทั้งสามจะเกิดความคิดละโมบ
ตระกูลหลิ่วไม่ได้ร่ำรวยเหมือนตระกูลฉี สินเดิมตอนนางหลิ่วแต่งเป็ภรรยาคนที่สองของเฉิงจือหย่วนน้อยนิดจนน่าสงสาร เงินห้าพันตำลึงเงิน ตระกูลหลิ่วพลิกกลับไปกลับมาสิบรอบก็ยังรวบรวมไม่ได้
นางหลิ่วมีสินเดิมไม่มากนัก ย่อมไม่อาจแบ่งให้บุตรชายหญิงที่ให้กำเนิดมากมายเท่าไร แต่ก็ไม่อาจใช้เหตุผลนี้ไปละโมบสินเดิมของคู่ครองเดิมของสามี
ยามบุตรสาวคนที่สองและบุตรสาวคนที่สามออกเรือน ภายในบ้านคงไม่มีเงินมากขนาดนี้ นางหลิ่วเกรงว่าบุตรสาวทั้งสองจะเกิดการเปรียบเทียบกับบุตรสาวคนโต สุดท้ายแม้แต่ความเป็พี่สาวน้องสาวก็ไม่เหลือแล้ว!
“ท่านแม่ ที่พึ่งของข้าในวันหน้าหาใช่เงินแต่เป็คนในครอบครัวเ้าค่ะ——”
บุตรสาวคนโตเอ่ยว่ายามคนในครอบครัว้าใช้เงิน มีเงินห้าพันตำลึงเงินนี้ก็สะดวกมือดี หรือไม่ก็ยังสามารถช่วยชำระล้างมลทินให้บิดาเฉิงจือหย่วนได้ คนมีชีวิต ส่วนเงินไร้ชีวิต คนในครอบครัวสำคัญกว่าเงินมากนัก
บุตรสาวคนโตคิดไปไกล
หากไม่ได้เกี่ยวข้องกับเยี่ยอ๋องซื่อจื่อ เฉิงชิงก็จะชื่นชมความคิดของบุตรสาวคนโต เงินทองจากไปก็ได้คืนมา สามารถจ่ายเงินพลิกคดีให้เฉิงจือหย่วน วิกฤตเดิมของครอบครัวนี้ก็จะคลี่คลายแล้ว
แต่นางไม่ใช่ว่าไปข้องเกี่ยวกับเยี่ยอ๋องซื่อจื่อแล้วหรือ มีความสัมพันธ์หนึ่งร้อยคนไม่สำคัญเท่ากับเยี่ยอ๋องซื่อจื่อเพียงผู้เดียว
มอบเงินให้เยี่ยอ๋องซื่อจื่อหรือ?
นางไม่กล้าหรอก
คนป่วยผู้นั้นไม่ใช่ผู้ที่เงินจะสามารถซื้อตัวได้ ซื่อจื่อผู้สูงศักดิ์ ไหนเลยจะขาดเงินไม่กี่พันตำลึงเงิน!
“พี่ใหญ่ ท่านแม่กล่าวถูกแล้ว เงินก้อนนี้ไม่อาจเคลื่อนย้าย คนอื่นที่ใช้จ่ายเงินก้อนนี้นอกจากท่านแล้วคนอื่นย่อมวิจารณ์ได้ ครอบครัวเราสนิทสนมทางสายเื ไหนเลยจะแตกคอกันเพราะเงิน พวกเราไม่อาจเก็บตั๋วเงินมากขนาดนี้ไว้ภายในบ้านได้ ข้าคิดจะเปลี่ยนเงินเป็ที่นาแทนท่าน ทุกปีก็จะมีรายได้ที่มั่นคง หากไม่จัดการให้ดี ถึงมีูเาเงินูเาทองก็ใช้จ่ายจนหมดได้ หากจัดการดี ห้าพันตำลึงเงินก็สามารถเปลี่ยนไปเป็มากยิ่งขึ้น!”
นางหลี่เห็นด้วยที่เฉิงชิงกล่าวว่า้าซื้อนาให้บุตรสาวคนโต แต่ที่นาในอำเภอหนานอี๋หาซื้อได้ไม่ง่ายเท่าไร
“ท่านแม่ไม่ต้องกังวลไป ข้าสามารถให้คนไปสอบถามได้ และไม่ต้องจ่ายไปในทีเดียว สามารถซื้อได้เท่าไรก็เท่านั้น แต่ข้ามีข้อเสนอแนะอย่างหนึ่ง ไม่เพียงพี่ใหญ่จะสามารถศึกษากิจการนี้ได้เท่านั้น พี่รองและพี่สามก็สามารถช่วยเหลือได้เช่นกัน เื่เย็บปักทำครัว อะไรที่ต้องร่ำเรียนก็ไม่เท่ากับทักษะที่สตรีสามารถก่อร่างสร้างตัวได้”
สามารถทำงานเย็บปักได้ดีก็ถือเป็การดำรงชีวิตอย่างหนึ่ง แต่หญิงที่ทำงานเย็บปักเป็อาชีพไม่สามารถดำรงชีพเช่นนี้ได้ตลอดชีวิต
ศิลปะการครัวล่ะ ก็คือเป็การเติมลายดอกไม้ลงบนผ้าแพร[1] ทำไม่ได้ก็ไม่เป็ไร มีเงินแล้วยังต้องกลัวว่าจะจ้างแม่ครัวไม่ได้หรือ?
เหตุผลเดียวกัน หวังจะพึ่งพาสามีหลังจากออกเรือนแล้ว สามีก็อาจเปลี่ยนใจไปได้
คิดจะพึ่งพาบุตรชายหญิง ผู้ใดจะสามารถรับรองได้ว่าบุตรชายหญิงจะกตัญญูเพียงพอ?
เมื่อจัดการสินเดิมของตนเองดีแล้วชีวิตก็คงไม่แย่จนเกินไป หากสามีไม่สนใจ บุตรชายหญิงไม่ใส่ใจก็ไม่เป็ไร ในกระเป๋ายังมีเงิน ภายในใจก็ไม่ว้าวุ่นแล้ว!
คำพูดของเฉิงชิงทำให้พี่สาวทั้งสามกล่าวว่า้าที่จะลองดู
นางหลิ่วปวดหัว “ลูกชาย พวกพี่สาวเ้าไหนเลยจะสามารถออกหน้าในที่สาธารณะได้!”
ถอนหมั้นไปแล้วครั้งหนึ่ง หลังจากนี้บุตรสาวคนโตยัง้าจะแต่งงานอยู่อีกหรือไม่?
น่าเสียดายที่สามสาวพี่น้องภายใต้การล่อลวงของเฉิงชิงตกอยู่ใน่วัยต่อต้านแล้ว ทำเป็หูทวนลมใส่คำพูดของนางหลิ่ว
โดยเฉพาะบุตรสาวคนโต
ก่อนหน้านี้คาดหวังไว้มากว่าจะครองคู่กับญาติผู้พี่ราวกับฉินและเส้อสอดประสาน[2]กัน บัดนี้เมื่อถอนหมั้นแล้วก็รู้สึกว่านั่นก็เป็แค่เื่เื่หนึ่ง
จะแต่งหรือไม่แต่งงานก็ดูเหมือนจะไม่ได้สำคัญขนาดนั้น ชีวิตที่เฉิงชิงพรรณนาน่าดึงดูดใจยิ่งกว่าอย่างชัดเจน นางสามารถจัดการสินเดิมที่มารดาผู้ให้กำเนิดเหลือไว้ให้ได้หรือไม่นะ? บุตรสาวคนโตอยากจะลองดู บุตรสาวคนที่สองและบุตรสาวคนที่สามก็ตื่นเต้นเช่นกัน ลอบสาบานว่าจะช่วยพี่สาวคนโตรักษาเงินก้อนนี้ไว้ ไม่ให้เงินของพี่สาวคนโตลดน้อยลง
ตระกูลเฉิงไร้ซึ่งความหมองเศร้าจากการถอนหมั้นโดยสิ้นเชิง คนทั้งครอบครัวยิ่งเอ่ยก็ยิ่งมีชีวิตชีวา
แต่คนนอกไม่คิดเช่นนั้นน่ะสิ!
โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เห็นครอบครัวเฉิงชิงรื่นตา
เมื่อได้ยินว่าบุตรสาวคนโตถูกถอนหมั้น ฮูหยินผู้เฒ่าจูแห่งบ้านรองก็เจริญอาหารขึ้นสามส่วน
แม่นมโจวก็เอ่ยยกยอ นำเื่ที่บุตรสาวคนโตถูกถอนหมั้นมากล่าวเป็เื่ขบขัน
“ตระกูลฉีฉลาดนัก ทนความอัปยศสักพักก็สามารถสลัดครอบครัวนั้นได้แล้ว ผู้ที่มีสายตากว้างไกลต่างก็มองออกว่าคนครอบครัวนั้นหมดหนทางที่จะพลิกฟื้นคืนกลับมาแล้ว คดียักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติก็ยังไม่สิ้นสุด ทั้งยังล่วงเกินตระกูลอวี๋อย่างโเี้ ในเมืองเซวียนตูไหนเลยจะมีอนาคตที่รุ่งโรจน์ให้เอ่ยถึงได้ล่ะเ้าคะ!”
ใช่แล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าจูแอบเห็นด้วย
ฮูหยินาุโอวี๋ส่งเทียบมาจวนบ้านรอง ้าเชิญฮูหยินผู้เฒ่าจูไปจุดธูปภายในวัด
บ้านรองและจวนอวี๋ไปมาหาสู่กันไม่บ่อยนัก แต่ไหนแต่ไรมามีเพียงเฉิงกุยและอวี๋ซานที่สนิทสนมกัน ต้องขอบคุณเฉิงชิงที่ช่วยผลักดัน ทำให้ฮูหยินาุโอวี๋ถูกผลักมายังบ้านรอง
ฮูหยินผู้เฒ่าจูเข้าใจฮูหยินาุโอวี๋เป็พิเศษ เมื่อเอาใจเขามาใส่ใจเรา หากผู้ใดทำร้ายเฉิงกุยหลานชายของนางจนถูกให้ออกจากสถานศึกษา นางย่อมแค้นจนอยากจะถลกหนังของอีกฝ่ายออกมา!
[1] เติมลายดอกไม้ลงบนผ้าแพร หมายถึงการประดับตกแต่งสิ่งที่สวยงามอยู่แล้วให้สวยงามยิ่งขึ้นไปอีก สื่อถึงการกระทำที่ไม่จำเป็
[2] ฉินและเส้อสอดประสาน หมายถึงสามีภรรยารักใคร่กันราวกับดนตรีที่สอดประสานกันอย่างดี
