ครั้นเหนียนยวี่ได้ยินถ้อยคำนี้ พลันฟังออกถึงเงื่อนงำบางอย่าง เหนียนยวี่จึงถือโอกาสนี้เดินตามเจินกูกูเข้าไปในตำหนักชีอู๋ “ลำบากให้ฮองเฮาทรงเป็กังวลเสียแล้ว ั้แ่ยังเล็ก พี่สาวเป็เพียงคนเดียวที่ดีกับยวี่เอ๋อร์ ยวี่เอ๋อร์ย่อมจดจำมิตรภาพอันลึกซึ้งของพี่สาวได้เป็ธรรมดา”
มิตรภาพอันลึกซึ้งหรือ?
เจินกูกูอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเหนียนยวี่ พลางยกยิ้มอย่างสดใส “รู้จักกตัญญู หาวิธีตอบแทน คุณหนูยวี่มีจิตใจกว้างขวาง ฮองเฮาทรงโปรดปรานคนที่ฉลาดและละเอียดอ่อนเช่นนี้ที่สุด”
วันนั้นแม้เจินกูกูจะไม่ได้ตามไปจวนเหนียนด้วย ทว่าหลังจากนั้น นางก็ได้ยินฮองเฮาเอ่ยถึงเื่อะไรบางอย่าง เมื่อนำมารวมกับการลงโทษของฮองเฮาที่ทรงจัดการกับเหนียนอีหลาน นางจึงสามารถคาดเดาเื่ราวบางส่วนได้
ความใจดีของเหนียนอีหลานเป็สิ่งเสแสร้ง ความโหดร้ายคือของจริง และคุณหนูยวี่ผู้นี้...
ได้ยินมาว่า นางได้รับความทุกข์ทรมานมาสิบห้าปีในจวนเหนียน ทว่าในยามนี้ดูเหมือนนางจะมิใช่ตัวรองรับอารมณ์ที่ผู้ใดจะฆ่าแกงได้อีกแล้ว
ทั้งสองคนยิ่งก้าวเดินเข้าไปในตำหนักชีอู๋มากเท่าใด เสียงร้องที่ได้ยินด้านนอกประตูเมื่อครู่นี้ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น และเหนียนยวี่พบว่า เส้นทางที่เจินกูกูพาเดินเข้าไปคือทิศทางของสวนร้อยสัตว์
ในใจของเหนียนยวี่ผุดความคิดคาดเดาอย่างหนึ่ง เพียงครู่เดียว เจินกูกูได้พาเหนียนยวี่เดินไปถึงประตูของสวนร้อยสัตว์แล้ว
“คุณหนูยวี่ สวนร้อยสัตว์แห่งนี้เป็สถานที่ต้องห้าม แต่ไหนแต่ไรมามิเคยเปิดให้เข้าง่ายดาย ทว่ายามนี้มีแขกผู้มีเกียรติ จึงต่างไปจากปกติ” เจินกูกูกล่าว รอยยิ้มบนใบหน้าแฝงนัยลึกซึ้ง
แขกผู้มีเกียรติหรือ?
การคาดเดาในใจเหนียนยวี่จึงเริ่มแน่ชัดมากขึ้น “มิรู้ว่าแขกผู้มีเกียรติผู้นั้นจะพักอยู่ที่นี่ได้อย่างสุขสบายดีหรือไม่?”
“หึๆ ฮองเฮาทรงต้อนรับอย่างทุ่มเทเยี่ยงนี้ จะไม่สบายดีได้หรือ?” เจินกูกูหัวเราะอย่างแ่เบา ดึงกลไกประตู เสียงครืนของประตูหินดังสนั่น ประตูถูกเปิดออกตรงหน้าเหนียนยวี่ “คุณหนูยวี่เชิญเถิด”
เหนียนยวี่พยักหน้าเล็กน้อย เดินผ่านประตูหินเข้าไป ไร้ซึ่งสิ่งกีดขวาง เสียงร้องคร่ำครวญโอดครางดังชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
“ปล่อยข้าออกไป... ท่านแม่...ช่วยลูกด้วย รีบมาช่วยลูกด้วย... ฮองเฮาเพคะ นักโทษหญิงผู้นี้ทำผิดไปแล้ว...ทำผิดไปแล้ว... เหนียนยวี่... เ้า...เ้าจะต้องไม่ตายดี”
เหนียนยวี่ได้ยินไม่ค่อยชัดเท่าใดนัก ทว่าถ้อยคำที่กล่าวว่าจะต้องไม่ตายดี ดังเข้ามาในหูของเหนียนยวี่ มุมปากพลันผุดรอยยิ้มเยือกเย็น
ไม่ต้องพูดถึงความแค้นในชาติก่อน เพียงแค่ชาตินี้ นางก็มีเจตนากรีดหน้าของข้า ใช้ฉินอันมาทำลายความบริสุทธิ์ข้า ยังมีเื่สวนร้อยสัตว์อีก...เื่ที่นางทำกับข้า หากทำสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็เื่ใด มันสามารถทำลายข้า หรือแม้กระทั่งคร่าชีวิตข้าได้เลย
ข้าแค่เอาคืนบางส่วนเล็กน้อยเท่านั้น นางก็โกรธแค้นข้าถึงเพียงนี้แล้วหรือ?
จะต้องไม่ตายดี?
กลับกันข้าอยากจะลองดูเสียจริงว่า ผู้ใดกันแน่ที่จะไม่ตายดี!
เหนียนยวี่เดินเข้าไปใกล้ นางยืนอยู่นอกกระโจม มีกลิ่นเหม็นลอยออกมาจากข้างใน นางคุ้นเคยกับกลิ่นนั้นอย่างยิ่ง
ชาติก่อน นางต่อสู้ในสนามรบ เหล่าซากร่างไร้ิญญาในสนามรบก็มีกลิ่นเช่นนี้
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว ครั้นเจินกูกูสังเกตเห็นท่าทีของเหนียนยวี่ นางจึงหัวเราะออกมาอย่างเบิกบาน “คุณหนูยวี่ ฮองเฮาทรงเป็ห่วงว่าคุณหนูใหญ่สกุลเหนียนอยู่คนเดียวที่นี่จะเหงาเกินไป ดังนั้นจึงทรงจัดการพาคนสนิทของนางมาอยู่เป็เพื่อน”
คนสนิทของนาง?
คนฉลาดเฉลียวเช่นเหนียนยวี่ เพียงพริบตาก็เข้าใจทันที
ฟางเหอหรือ?
ทว่าฟางเหอตายไปแล้ว ฟางเหอมาอยู่เป็เพื่อนเหนียนอีหลาน นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
หลายวันมานี้ เหนียนอีหลานอยู่ในกระโจมเดียวกันกับศพทุกวันเลยหรือ?
หึ เหนียนยวี่เลิกคิ้ว นางคิดว่า วันนั้นยามที่ฮองเฮาทรงสั่งให้คนมาเอาร่างไร้ิญญาของฟางเหอไปด้วยตอนใกล้จะกลับ คงเพื่อจะช่วยนางปกปิด แต่นึกไม่ถึงเลยว่า จะนำศพนั้นไปเพราะมีจุดประสงค์เช่นนี้
เหนียนอีหลาน คุณหนูใหญ่ตระกูลสูงส่งผู้ได้รับการประคบประหงมมาโดยตลอด จะทนนอนกับศพได้อย่างไร?
นางแทบจะจินตนาการได้ว่า ใน่หลายวันมานี้ พี่สาวที่แสน ‘ดีงาม’ ผู้นี้ อยู่ที่นี่จะพบเจอกับความเ็ปทรมานอย่างไร
“ผู้ใด ผู้ใดอยู่ข้างนอก?”
บางทีเพราะได้ยินการเคลื่อนไหวข้างนอก เหนียนอีหลานจึงรู้สึกตื่นเต้น พยายามคลานไปนอกกระโจม “เจินกูกู นั่นท่านหรือ? เจินกูกู...ได้โปรดช่วยข้าทูลฮองเฮาด้วย ทูลพระนางว่านักโทษผู้นี้ผิดไปแล้ว นักโทษผู้นี้ไม่กล้าอีกแล้ว ทูลขอพระนางให้ละเว้นชีวิตของอีหลานด้วย...”
เสียงของเหนียนอีหลานเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ยามที่เพิ่งถูกขังอยู่ในนี้ นางยังคงฝากความหวังไว้กับมารดาและคนของตระกูลหนานกง ทว่ายิ่งเวลาผ่านไป ความหวังของนางก็ยิ่งรางเลือนลงไปเรื่อยๆ ครานี้หรือกระทั่งตระกูลหนานกงก็ช่วยนางไม่ได้?
ฮองเฮาจะขังข้าไปจนถึงเมื่อใด?
นาง้าชีวิตของข้าหรือ?
เหนียนอีหลานมีคำถามมากมายเหลือเกิน ความหวาดกลัวเองก็มากยิ่ง
นางไม่อยากตาย นางไม่อยากตายเช่นนี้!
นางไม่อยากอยู่ในสถานที่ผีสางเช่นนี้ การอยู่ที่นี่ ความหวาดกลัวเ่าั้กำลังเชือดเฉือนจิตใจนาง นางไม่รู้ว่าตนเองจะสามารถยืนหยัดได้นานเท่าใด ทั้งไม่รู้ว่าจะพังทลายลงภายใต้สถานการณ์เช่นไร
นอกกระโจมไม่มีเสียงตอบกลับ
“เจินกูกู...” เหนียนอีหลานร้องะโอย่างไม่ยอมแพ้ ไม่มีใครเลยหรือ? เมื่อครู่นี้ได้ยินเสียงบางอย่างอย่างชัดเจน!
มิง่ายเลยที่จะคลานไปถึงขอบกระโจม นางยกผ้ากระโจมขึ้นอย่างยากลำบาก สิ่งแรกที่เห็นคือขาสองคู่
มีคนอยู่ มีคนอยู่อย่างแท้จริง!
ในใจของเหนียนอีหลานดีใจมากจึงรีบเงยหน้าขึ้นทันที ทว่ายามที่เห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนเอง รอยยิ้มที่ยากจะผาดผุดบนใบหน้ากลับแข็งค้างทันใด
“เหนียน...” เหนียนยวี่!
เป็นาง? เป็นางได้อย่างไร?
นางมาทำอันใด?
ดวงตาของเหนียนอีหลานสั่นไหว ความเคียดแค้นเกลียดชังในใจรวมตัวกัน ทว่าครั้นนึกถึงสภาพในยามนี้ของตนเอง หากนาง้าจะลงมือทำสิ่งใดกับข้า ข้าในยามนี้ไร้ซึ่งแรงรับมืออย่างสิ้นเชิง
“ยวี่...ยวี่เอ๋อร์ ขอโทษ ข้าผิดไปแล้ว... ข้าผิดไปแล้ว...” เหนียนอีหลานคว้าชายกระโปรงของเหนียนยวี่ในทันใด พลางจ้องมองเหนียนยวี่ด้วยสายตาจริงใจอย่างยิ่ง
ผิดไปแล้ว?
เหนียนอีหลานยอมรับความผิดอย่างจริงใจเช่นนี้ได้หรือ?
เหนียนยวี่เลิกคิ้ว ไม่พลาด่เวลาแรกที่เหนียนอีหลานเห็นนาง ความโกรธแค้นที่แอบแฝงอยู่ในความประหลาดใจ
ในใจนางคงจะแทบทนรอให้ข้าตายไม่ไหว!
ผิดไปแล้วหรือ?
ในใจของเหนียนอีหลานผู้นี้มีความคิดอีกอย่าง เปลือกนอกเป็อีกอย่างมาั้แ่ไหนแต่ไร นางในยามนี้จะใช้วิธีการเดิมอีกแล้วหรือ?
“ท่านพี่ ท่านจะผิดได้อย่างไร?” เหนียนยวี่คุกเข่า ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เหนียนอีหลานชะงักงันไปเล็กน้อย ผิดได้อย่างไร?
นางพูดถูก คนที่ผิดคือเหนียนยวี่ นางเป็แค่บุตรีอนุตัวกระจ้อย จะต้องอยู่ใต้รัศมีสว่างไสวของนางไปตลอดชีวิต ทว่ามิรู้ั้แ่เมื่อใดที่เหนียนยวี่ผู้นี้อยู่เหนือการควบคุมของนาง
ไม่ควรเป็เช่นนี้ ต่อหน้านาง เหนียนยวี่ควรประจบประแจง เงยหน้ามองนางด้วยความอิจฉาไปตลอดชีวิต
ในใจของเหนียนอีหลานคิดเช่นนั้น ทว่าเปลือกนอกกลับยังคงแสดงอีกอย่าง มือที่คว้ากระโปรงของเหนียนยวี่ยังคงจับแน่น “ยวี่เอ๋อร์ พี่ไม่ควรถูกผีปิดบังดวงตา ั้แ่ไหนแต่ไรมา พี่ทำดีกับเ้ามาโดยตลอด เ้าก็รู้ สิ่งแรกที่คิดถึงก็คือเ้า ถึงท่านแม่ไม่อยากเห็นเ้า แต่พี่ก็พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้ท่านแม่เห็นความดีของเ้า วันนั้นที่สวนร้อยสัตว์... เป็ฟางเหอ... ใช่ เป็ฟางเหอที่บอกว่าเ้าแย่งความโดดเด่นของพี่ เป็นางต่างหากที่ปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยก และสนับสนุนให้พี่ทำผิดพลาดอย่างนั้น หลังจากเื่นั้น พี่ก็รู้สึกผิดมากมาโดยตลอด ยวี่เอ๋อร์ น้องเชื่อพี่นะ พี่รู้สึกผิดมาก... พี่ไม่ควรทำเช่นนั้นกับน้อง พวกเราเป็พี่สาวน้องสาว เป็พี่น้องที่ดีต่อกันมาโดยตลอดมิใช่หรือ?”
เหนียนอีหลานมองเหนียนยวี่ นางซึ่งเดิมทีดูอ่อนแออยู่แล้ว ยามนี้นอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น พ่นถ้อยคำออกมามากมายติดต่อกัน จนไอสำลักออกมาเป็ชุด
“พี่สาวน้องสาว? ใช่ พวกเราเป็พี่น้องที่ดีต่อกันมาโดยตลอด” เหนียนยวี่มองเหนียนอีหลานตรงหน้า ภาพยามที่นางใกล้จะตายในชาติก่อนผุดเข้ามาในหัว ยามนั้นก็อยู่ในตำหนักชีอู๋แห่งนี้เช่นกัน สภาพที่ตัวนางหมดเรี่ยวแรงนอนคว่ำหน้าอยู่ในแอ่งเื ซ้อนทับกับสภาพของเหนียนอีหลานตรงหน้า
น้ำเสียงของเหนียนยวี่ฟังไม่ออกถึงอารมณ์อะไรแม้แต่น้อย ในใจของเหนียนอีหลานยังคงไม่สบายใจ “ยวี่เอ๋อร์ น้องจะยกโทษให้พี่ ใช่หรือไม่?”