“ข้า...อยู่ที่ไหนกัน?” หานหยางใเป็อย่างมากกับภาพแรกที่ได้พบเห็นเมื่อนางได้สติกลับคืนมา ห้องนอนใหญ่ที่ประดับไปด้วยเครื่องเรือนไม้แกะสลักชั้นดีผนวกกับม่านผ้าไหมทอมือสีม่วงอ่อนสลับเข้มซึ่งเป็สีโปรดของนาง กลางห้องมีโต๊ะกลมใหญ่ตัวหนึ่งซึ่งมีแสงไฟจากตะเกียงส่องสะท้อน
แม้ว่าลมหนาวจะโชยเข้ามาทางบานหน้าต่างบานหนึ่ง ทำให้กลิ่นกำยานไม้จันทน์หอมลอยอบอวล ทว่าสำหรับหานหยางในตอนนี้แล้ว กลิ่นหอมเย็นของมันกลับไม่สามารถปลอบโยนนางจากจิตใจที่ตึงเครียดได้เลย
หานหยางก้าวเท้าอย่างระมัดระวัง กระแสลมเย็นเยียบมิอาจหยุดยั้งความพยายามของหานหยางได้ ร่างบอบบางของนางสั่นสะท้าน ไม่รู้ว่าเพราะอากาศหนาวหรือเพราะความหวาดกลัวที่แทรกซึมเข้าไปถึงหัวใจ แววตาสีนิลคู่งามกำลังสอดส่องเพื่อหาทางหนี มือเรียวบางจับขอบหน้าต่างเตรียมพร้อมที่จะะโออกไป แต่ทันใดนั้น...เสียงฝีเท้าหนักเสียงหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ประตูเรื่อยๆ
จากนั้นเสียงดาลประตูถูกเปิดออกอย่างรุนแรง กลิ่นสุราชั้นดีถูกสายลมหนาวพัดกรูเข้ามาในห้อง พร้อมกับเอกบุรุษรูปงามคนหนึ่งในอาภรณ์ชั้นดีสีน้ำเงินเข้ม ดวงหน้าของเขางดงามมากแต่ทว่าดวงตาสีน้ำตาลทองนั้นคมกริบราวกับเหยี่ยวร้ายและมันทำให้หานหยางสั่นสะท้านไปทั้งกาย
“เ้าคิดจะหนีข้าหรือ หานหยาง” น้ำเสียงของเขาช่างเยียบเย็นและมันก็ทำให้หานหยางนั้นกดดันได้อย่างดี
“ท่านอ๋อง ข้า...” หญิงสาวพยายามรวบรวมความกล้าเพื่อขออิสรภาพของตัวเอง แม้น้ำเสียงจะสั่นไหวและเบาเหมือนกับเสียงกระซิบ
“ปล่อยข้าไปเถอะนะเ้าคะ ข้าไม่มีส่วนรู้เห็น ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
หลี่เจ๋อประคองสติที่ยังหลงเหลืออยู่ ก้าวเท้าเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มบางที่ปรากฎขึ้นที่มุมปาก แต่สำหรับหานหยางแล้ว มันกลับเป็รอยยิ้มที่เ็าและดูน่าหวั่นเกรงยิ่งนัก นางอ่านใจคนผู้นี้ไม่ออก...
“แล้วข้าบอกเ้าหรือ ว่าข้าเห็นเ้าทำสิ่งใดที่ไหนหรือกับใคร ข้าแค่ขอความร่วมมือเล็กน้อยของเ้า แต่เ้าก็เอาแต่ปฏิเสธกัน” เขากล่าวพลางมองนางด้วยสายตาเจือแววเย้ยหยัน
“เ้าเลิกพล่ามแล้วมาทำหน้าที่ของเ้าเสีย ข้าซื้อเ้ามาในราคาที่สูงลิ่ว เ้ารู้ใช่ไหมว่าหน้าที่ของเ้าคือสิ่งใด”
หานหยางพยายามถอยหนี แต่ยิ่งถอยเขาก็ยิ่งก้าวเข้ามาใกล้นางเรื่อยๆ นางจึงพยายามเอ่ยอ้อนวอนทั้งน้ำตา
“ได้โปรดเถอะเ้าค่ะ ข้าไม่ใช่ฏจริงๆ และไม่ได้มีส่วนรู้เห็นอันใดกับคนพวกนั้น ท่านอ๋อง...ปล่อยข้าไปเถอะ ข้าจะไม่บอกใครว่าท่านใช้อำนาจในทางที่ผิด”
“หึ หมดเวลาต่อรองแล้ว เพราะตอนที่ข้าให้โอกาสเ้า เ้าก็เอาแต่ปฏิเสธข้าท่าเดียว และแน่นอนว่าตัวข้านั้นไม่ชอบถูกใครปฏิเสธเสียด้วยสิ”
ทุกครั้งที่ถูกคนอื่นปฏิเสธโดยไร้เหตุผล หลี่เจ๋อนั้นมักจะหัวเสียทุกครั้งไป แม้แต่หานหยาง...นางในดวงใจของเขาก็มิใช่ข้อยกเว้น เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้จนสายลมหายใจของเขาแทบจะััแก้มนาง
“เ้าคง้าให้ข้าสอนสินะ...ว่าการปรนนิบัติผู้มีพระคุณต้องทำอย่างไร”
หลังจากนั้นร่างของหานหยางก็ถูกโยนลงบนเตียง ก่อนที่ร่างกายของหลี่เจ๋อจะทับคร่อมเอาไว้จนนางนั้นไม่สามารถดิ้นหนีไปไหนได้
หานหยางได้แต่กัดฟันแน่น น้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาค่อยๆ ไหลลงอาบแก้ม เมื่อลำคอขาวระหงถูกขบกัดอย่างบ้าคลั่ง รอยรักสีกุหลาบถูกทำขึ้นมา อาภรณ์สีอ่อนถูกกระชากออกจนในตอนนี้นางอยู่ในร่างเปลือยเปล่า กลิ่นสุราของคนบนร่างนั้นรุนแรงจนไม่ต้องพึ่งลมโชยหนาวแต่อย่างใด
ร่างสูงที่ทาบทับนั้นยังคงโน้มลงมาขบกัดลาดไหล่ขาวและลำคอไปทั่วร่างกาย เรียกเสียงร้องสะอื้นของสตรีใต้ร่างได้เป็อย่างดี
“ปล่อยข้า...” เสียงแ่เบาของหานหยางที่เอื้อนเอ่ยออกมาหมายขอความเห็นใจ แต่ด้วยสติที่ขาดหายจากฤทธิ์ของสุรากลับคิดว่าน้ำเสียงนี้ช่างยั่วเย้าเสียเหลือเกิน
ในที่สุดหลี่เจ๋อก็หมดความอดทน ถอดอาภรณ์ของตัวเองจนหมดแล้วทาบทับไปที่ร่างบางอีกครั้งหนึ่ง ริมฝีปากประกบเข้าและมอบรสจูบอันวาบหวามให้ทันที โดยไม่คำนึงว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกวาบหวามด้วยกันกับเขาหรือไม่
รสจูบรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับในขณะที่มือหนาที่อยู่ไม่ค่อยจะนิ่งนั้นบีบััเนินอกอย่างหยาบโลนก่อนจะครอบด้วยริมฝีปากหนาของตน จากนั้นจึงดึงดูดด้วยแรงปรารถนา ลิ้นหนาเกี่ยวกระหวัดไปยังยอดอกที่กำลังตั้งชูชันอย่างหิวหระหาย
“ฮึก...ข้า...” เสียงสะอื้นของหานหยางแ่เบา แม้นางตั้งใจจะกล่าวคำปฏิเสธออกไป แต่ตอนนี้หัวสมองกลับไร้ซึ่งคำพูดใดๆ นางสั่นสะท้านด้วยไม่รู้ว่าเพราะความหวาดกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือเพราะััแปลกที่บุรุษ้ากำลังมอบให้
เมื่อคิดว่าอย่างไรคืนนี้คงจะไม่รอดอย่างแน่นอน สู้ยินยอมให้เขาทำดีกว่าหรือไม่เพราะหากยังขัดขืนอาจจะาเ็ได้ เหมือนว่าหลี่เจ๋อนั้นจะผัมผัสได้ว่าหานหยางเริ่มสงบลง เขาจึงส่งนิ้วทั้งสามเข้าไปเบิกทางยังช่องทางรักที่ยังมิเคยมีผู้ใดล่วงล่ำเข้าไป
สามนิ้วอุ่นบรรจงขยับเข้าออกเพื่อขยายช่องทางนั้นให้รับตัวตนของเขาเข้าไปได้
“อ๊ะ” หานหยางเผลอร้องครวญครางออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
สิ้นคำนิ้วทั้งสามถูกนำออกจากช่องทางรัก ก่อนที่แก่นกายที่ใหญ่โตถูกจรดที่ปากทางและได้กวาดชำแรกเข้าไปในที่สุด
“เ้าเป็ของข้าแล้ว...หานหยาง” หลังจากที่ดวงตาทั้งสองประสานกัน ร่างหนาก็เริ่มขยับตัวเข้าออก ร่างบางเริ่มสั่นสะท้าน ด้วยรู้สึกถึงความเสียวที่แผ่ไปทั่วเรือนร่างของนาง เผลอแอ่นกายเพื่อเด้งรับเอาแก่นกายที่แข็งแรงของหลี่เจ๋อ หลับตาพริ้มทันทีที่เขาเริ่มขยับสะโพกและเร่งจังหวะจากเนิบๆ นาบๆ ไปสู่จังหวะที่รวดเร็วและรุนแรงมากยิ่งขึ้น
เสียงหนั่นเนื้อกระทบกันส่งเสียงอันน่าอายดังลั่นไปทั่วทั้งห้องนอน “ปั่ก ปั่ก ปั่ก”
แรงขยับของเขาหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ หลี่เจ๋อเปลี่ยนท่าทาง เขาจับขาทั้งสองข้างของหานหยางขึ้นมาพาดกับลำตัว จากนั้นจึงยกสะโพกสอบ จัดท่าทางให้เข้าที่แล้วกระทั้นใส่หานหยางเน้นๆ ด้วยความปรารถนาในใจผสมกับฤทธิ์ของสุรานั้นทำให้เขาขาดสติและเผลอทำรุนแรง
เสียงสอดประสานของสองอวัยวะที่เน้นไปทางบอกรัก แรงที่เขากระทั้นถี่ กระแทกเร็วแรง เป็ไปตามจังหวะของความสุขที่ก่อปะทุจนเกินจะห้ามปราม สองมือของเขาจับเอวคอดของนางเอาไว้ เร่งส่งความเป็บุรุษเข้าใส่ดังสนั่น
จนในที่สุดเืลมทั่วร่างไหลกระจุกลงมาอยู่ในตำแหน่งเดียวก่อนจะกระตุกเกร็งปลดปล่อยความ้าออกมา หยาดน้ำสีขาวร้อนได้ทะลักเข้ามาภายในช่องทางรักจนล้น
หลังจากเสร็จกิจกามย์ หลี่เจ๋อก็ทิ้งตัวลงนอนเคียงข้างหานหยางที่สลบไสลไปแล้ว ดึงผ้าห่มหนีม่วงอ่อนซึ่งเป็สีที่เ้าตัวนั้นชื่นชอบห่มให้กับร่างเปลือยเปล่า ต่อให้อยากทำต่อสักแค่ไหนแต่เขาก็หักหาญน้ำใจของนางมากกว่านี้ไม่ได้ ด้วยตอนนี้เขาได้สร่างจากฤทธิ์ของสุราแล้ว
แรกเริ่มเดิมทีนั้นหลี่เจ๋อไม่ได้มีความคิดชั่วร้ายนี้เลยสักนิด แต่ด้วยฤทธิ์แรงของสุราประกอบกับใบหน้าของคนที่ห่วงหาอาวรณ์ จึงทำให้เขาตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่ควรลงไป
หลี่เจ๋อสูดลมหายใจลึกเพื่อสงบจิตใจก่อนจะหันหลังเดินก้าวออกจากห้องนอนที่เขาจัดเตรียมไว้สำหรับหานหยาง ทิ้งความรู้สึกสับสนและสิ่งที่เกิดขึ้นไว้เื้ั เขากลับไปสู่หน้าที่สำคัญที่ยังคั่งค้างนั่นคือการสะสางงานปราบฏในส่วนที่เหลือ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้