บนทุ่งหญ้านั้นทุกสรรพสิ่งล้วนเป็ไปตามธรรมชาติคัดสรร
หนอนกินต้นหญ้า กบกินหนอน อสรพิษกินกบ นกก็กินอสรพิษอีกทอดหนึ่ง
สถานะของนกในทุ่งหญ้านั้นนับว่าอยู่ในจุดยอดของห่วงโซ่อาหาร
ทว่านกอินทรีนั้นกลับเป็ยอดอันธพาลท่ามกลางฝูงนก
มันนั้นทั้งบินสูงได้ตามใจ ปีกทั้งสองก็แข็งแรง กรงเล็บก็ช่างแหลมคม ที่น่าแปลกใจที่สุดคือใบหน้าแหลมๆ ของมันดูคล้ายมนุษย์ไม่เบา
อาลู่มองเ้านกอินทรีตัวโตกำลังโผบินเข้ามาทางตน
ท่านอาปากล่าวว่ามันจะจับเพียงสิ่งมีชีวิต ทว่าก้อนเนื้อวัวนั้นไม่นับว่ามีชีวิต เขาต่างหากที่จะนับว่ามีชีวิต
แท้จริงก็ไม่นับว่าเหล่าปานั้นพูดผิด เพราะเ้านกนั่นกำลังบินมาหาเขาจริงๆ
เพียงแต่นกอินทรีนี่ต่อให้ตัวใหญ่เท่าใด คงมิอาจจับเขาไปกับมันได้กระมัง อาลู่ออกจะรู้สึกว่าเื่นี้มันช่างเหลือเชื่อไปสักหน่อย
บัดนี้ร่างกายเขานั้นมิอาจขยับได้เพียงคืบ แค่พลิกตัวก็ยังนับว่ายากนัก จึงได้แต่นอนมองเ้านกอินทรีโผบินเข้ามาหาตน
ความเร็วของมันนั้นไวมาก เพียงชั่วพริบตาเดียวก็เกือบจะถึงร่างเขาแล้ว
ซ้ำเขายังรู้สึกว่ามันช่างเ้าเล่ห์นัก เมื่อครู่ยามเหล่าปายังอยู่ มันก็ทำทีแค่บินวนไปมาอยู่บนฟ้าเท่านั้น จวบจนบัดนี้ที่เขาอยู่คนเดียว มันจึงจะกล้าจู่โจม
แม้ว่าการพลิกตัวนั้นจะลำบากนัก ทว่าเขานั้นคุ้นเคยกับคืนวันที่ต้องถือมีดไว้ข้างการเสียแล้ว
สายตาอาลู่ยังคงจับจ้องเ้าอินทรีที่โฉบลงมา จนเงาของมันทาบลงบนร่างเขา อาลู่ก็ออกแรงยกแขนตวัดใส่มันทีหนึ่งทันที
เ้าเหยี่ยวค่อยๆ ถลาลงมา เป้าหมายที่แท้จริงของมันกลับไม่ใช่เ้าสองขานั่น มันจะเอาแรงจากที่ใดมาคาบเ้าสองขานี่ได้ ทว่าบนร่างเ้าสองขานี่กลับมีบางสิ่งที่ดึงดูดมันนัก มันลังเลอยู่ครู่ใหญ่ ทว่าก็อดไม่ไหวต้องโฉบลงมาอยู่ดี
จวบจนมาถึงหน้าเ้ามนุษย์ มันก็ััได้ถึงจิตสังหารรุนแรง
ทั้งที่มันก็แค่อยากจะมาหลบภัยเท่านั้น
แม้มันจะเป็จอมเ้าเล่ห์แห่งทุ่งหญ้า ทว่าเ้าพวกสองขานั้นก็ไม่ต่างกับมัน
ยิ่งกว่านั้นเ้าพวกสองขายังใช้ธนูแหลมๆ ทำร้ายมันได้ มันเองก็เกือบจนตรอก ต้องถูกยิงอยู่เสียตั้งหลายครา เ้าพวกนี้ยังรู้จักใช้ตาข่าย มันยังต้องเปลืองแรงเสียแทบตายกว่าจะหนีออกมาได้
ทว่าตอนที่มันกำลังจะได้ััเ้าสิ่งที่ดึงดูดใจมันได้นั้น มันกลับต้องบินจากมาเสียแล้ว
ที่แท้ก็เป็เพราะมีดคมเล่มหนึ่ง หากมันช้าอีกเพียงแค่ครู่ มันก็คงจะถูกฟันตายเสียแล้ว เ้าเด็กนี่ทำมันใเสียเกือบตาย บัดนี้ยังทำขนมันหลุดไปอีกตั้งเส้นหนึ่ง
อาลู่หายใจลึกทีหนึ่ง ทั้งกายโทรมไปด้วยเหงื่อเย็นๆ
เบื้องหน้าเขาในตอนนี้ปรากฏเงามืดเพิ่มมาอีกเงา เงานั้นก็คือเ้ามืดที่เขาคิดว่ามันนั้นไม่น่าจะพยศเป็กำลังวิ่งมา ก่อนจะยกกีบเท้าที่ทั้งหนาทั้งใหญ่กระทืบลงบนเ้าอินทรีขนร่วงทีหนึ่ง
อาลู่มองดูก็พอจะเดาได้ว่าคงเจ็บไม่เบา
เ้าอินทรีนี่ดูท่าคงจะโดนเหยียบจนฟั่นเฟือนเสียแล้ว บินมายังไม่ทันถึงตัวเขาก็โดนเ้ามืดเหยียบ รอจนมันรู้สึกตัว ก็จิกเ้ามืดเข้าทีหนึ่ง
จะงอยปากของอินทรีแหลมคมนัก ยามโฉบลงมาช่างดูโหดร้ายจนขวัญผวา
ตอนนั้นมันมองเขาราวกับจะจิกเข้ามา ทว่าผลลัพธ์คือเพียงเข้าใกล้เขา ก็โดนเ้ามืดกระทืบเข้าทีหนึ่ง
เ้าอินทรีนี่โดนเหยียบต่อหน้าต่อตาเขา ราวกับเขากำลังดูมหรสพเื่หนึ่งอยู่ จึงได้แต่มองอย่างโง่งมโดยไม่คิดเลยว่าเ้ามืดนั้นจะร้ายกาจถึงเพียงนี้
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นเ้าก้างค่อยๆ พาน้องสาวบนหลังเดินมาทางเขา
เ้าม้าท่าทางน่าเกรงขาม ค่อยๆ ยืดศีรษะมาบังตรงหน้าน้องสาวไว้ จากนั้นนางจึงยื่นมือออกไปลูบก้อนปูดบนศีรษะมันเบาๆ ทันใดเ้าม้าก็ทำท่าราวกับดีใจจนแทบออกวิ่ง หางสีดำของมันสะบัดสะเปะสะปะไปมา
อาลู่มองเ้ามองเ้านกที่นอนกองอยู่บนพื้นกำลังส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ตน
เฉินโย่วน้อยค่อยๆ ไถลลงมาจากหัวเ้าก้าง ก่อนจะคลานไปตรงหน้าเ้านกพร้อมน้ำลายที่สอเต็มปาก ชี้ไปยังเ้านกอินทรีที่นอนอยู่ “พิ พี่ กิน กิน อาหย่อย”
อาลู่ได้แต่ยิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
เหล่าปาเมื่อได้ยินเสียงดังจากทางกระท่อม ก็กลัวว่าเกิดเหตุอันใดขึ้นจึงรีบวิ่งมาดู เมื่อมาถึงก็พบว่าตรงหน้าอาลู่มีนกตัวหนึ่งนอนแผ่พังพาบอยู่ ก็ได้แต่ใ
เ้านกบนพื้นมิใช่เ้านกอินทรีหรือไร ทั้งที่เ้านกนี่ตามตำนานเล่ากันว่าเป็นกศักดิ์สิทธิ์ที่วัดอาถัวเลี้ยงไว้ มีสติปัญญาราวกับมนุษย์ สามารถคาดเดาภัยที่จะมาถึงตัวได้
ทว่าตรงหน้าเขานี้มีเพียงเ้าเด็กหนุ่มที่ไม่แม้แต่จะขยับได้นอนอยู่ ทารกที่ยังเดินไม่ได้คนหนึ่ง กับเ้าม้าอีกสองตัว เหตุใดจึงสามารถกระทืบเ้าอินทรีอินทรีศักดิ์สิทธิ์จนมีสภาพเช่นนี้ได้
สำหรับเื่เหล่านี้ออกจะเหลือเชื่อไปเสียหน่อย
หรือเขาจะมองผิดไป เ้านกนี่อาจไม่ใช่นกอินทรี แต่เป็เพียงนกทั่วไป ทว่าเมื่อเ้านกนั่นเงยหน้าขึ้นพร้อมด้วยสีหน้าทุกข์ระทมบนใบหน้าราวกับมนุษย์ เขาก็พลันลังเลจนรู้สึกว่ากระทั่งแผ่นหลังที่คดงอก็พลอยรู้สึกชาหนึบไปหมด
ยามได้ยืนเ้าตัวเล็กเอ่ยปากว่าจะกินมัน เขาก็เร่งส่ายหน้าเป็พัลวัน
“กินมิได้ เ้านกนี่คือนกศักดิ์สิทธิ์ มันทั้งตระหนักรู้ถึงภัยที่จะมาถึงตนได้ ทั้งฉลาดเฉลียว”
เฉินโย่วน้อยเมื่อโดนสั่งห้ามไม่ให้กิน ดวงตาคู่โตนั้นพลันถลึงใส่เหล่าปา
“เย็นนี้อาปาจะทำอะไรอร่อยๆ ให้เ้ากินแทน”
ทารกน้อยรู้สึกคับข้องใจ ไม่ง่ายเลยที่นางจะหาอาหารเองได้ ซ้ำเมื่อหาได้ก็ไม่อาจได้กิน ด้วยอารามน้อยใจนางจึงปีนขึ้นหลังเ้ามืดไปเล่นที่อื่นเสีย
เหล่าปาเมื่อตั้งใจมองเ้านกบนพื้นก็เห็นมันมีท่าทางหวาดกลัว จึงได้แต่เอ่ยปาก “เ้าดูมันไว้ให้ดีๆ หากมันหายแล้วก็ปล่อยมันบินกลับไปเสีย”
อาลู่พยักหน้าตอบเบาๆ
เมื่อเหล่าปาเดินจากไป อาลู่ก็หันมามองเ้านกข้างกายที่ทำแววตาราวกับว่าตนได้รับาเ็สาหัส ใบหน้านั้นค่อยๆ ฟุบลงไปบนพื้น ทว่ายังคงพยายามยกกรงเล็บขึ้นข้างหนึ่ง เพื่อกรีดเสื้อผ้าของเขาจนขาดรุ่ย
อาลู่ได้แต่ทำหน้าราวกับคนเขลา
เมื่อครู่ตอนที่ตวัดมีดไปเขาก็เปลืองแรงไม่น้อย จวบจนยามที่น้องสาวได้ยินว่าเ้านกนั้นไม่อาจกินได้ จึงจากไปที่อื่น ส่วนเหล่าปาก็เพียงกล่าวว่านี่คือนกศักดิ์สิทธิ์แล้วก็จากไปเช่นกัน แต่เหล่าปานั้นกลับไม่เคยบอกเขาว่าเ้านกนี่จะแก้ผ้าคนเป็
ชุดเก่าๆ ของอาลู่เดิมทีก็ไม่ได้รัดกุมแต่อย่างใด ด้วยเหล่าปานั้นคิดว่าจะได้สะดวกในการทำแผลให้เขา ถึงได้ถลกมันขึ้นอยู่แล้ว
เสื้อผ้าเก่าๆ ถึงอย่างไรก็ยังเป็เครื่องนุ่งห่ม
ทว่าบัดนี้กลับถูกนกที่บินไม่ได้ตัวหนึ่งใช้กรงเล็บที่เป๋ไปเป๋มาของมันกรีดชุดเขาจนขาด เผยให้เห็นโครงร่างผอมกะหร่องราวกับโครงกระดูกของเด็กหนุ่ม กับร่องรอยาแ ทั้งรอยแผลเป็และรอยแผลน้อยใหญ่มากมาย
กระนั้นเ้าอินทรีก็ราวกับว่าไม่คาดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเช่นกัน มันนั้นเพียงสงสัยว่าบนร่างของเด็กหนุ่มนั้นมีของสิ่งใดจึงได้ดึงดูดใจมันหนักหนา จึงได้ตัดสินใจยกกรงเล็บขึ้นข่วนเข้าทีหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าชุดของเด็กหนุ่มนั้นโดนกรงเล็บของมันทีเดียวก็ขาดวิ่นเช่นนี้
อินทรีที่โตเต็มวัยนั้นจริงๆ แล้วตัวใหญ่กว่าเ้าอินทรีตรงหน้าอาลู่มากนัก เห็นทีจะใหญ่เท่าโต๊ะสองตัวต่อกันก็ยังได้
เ้านกตรงหน้าอาลู่นี่ ดูแล้วก็น่าจะเป็อินทรีธรรมดา ซ้ำเมื่ออยู่ท่ามกลางอินทรีด้วยกัน ก็ดูราวกับลูกอินทรีที่เพิ่งจะบินได้เท่านั้น
ใบหน้าสับสนของมันในขณะนี้ กลับทำท่าราวกับกำลังอับอายขายหน้า
อาลู่เห็นดังนั้นก็พลันหน้าแดงด้วยโทสะ ชีวิตเขาเหตุใดจึงถึงขั้นที่ถูกเ้านกรังแกเสียแล้ว ซ้ำมันยังทำทีขยับเข้ามาใกล้ พยายามใช้กรงเล็บของมันปิดเสื้อผ้าเขาให้ปิดกลับไปดังเดิม.....เมื่อปิดเรียบร้อยแล้วก็ยังทำหน้าราวกับจะยิ้มประจบประแจง
ทว่าตอนที่มันกำลังปิดเสื้อผ้าให้อาลู่นั้น มันกลับเผลอไปััเข้ากับสร้อยคอบนลำคออาลู่ ทันใดมันก็ราวกับว่าโดนสร้อยนั้นลวกก็ไม่ปาน จึงได้แต่ะโโหยงออกมา
แต่ด้วยว่าปีกของมันนั้นาเ็อยู่ เมื่อมันะโมาได้ครึ่งหนึ่งก็พลันร่วงหล่นลงไปยังพื้นเบื้องล่างจนเกิดเสียงดัง “ตุ้บ” ราวกับของหนักตกพื้น
เ้านกนี่ช่างตัวหนักเสียจริง ยามร่างมันกระทบกับพื้นหญ้าแข็งๆ นั้นฝุ่นก็พลันฟุ้งตลบไปหมด
บัดนี้อาลู่จึงเพิ่งค้นพบว่าเ้านกเพี้ยนนี่แค่้าจะดูสร้อยคอที่เขาห้อยอยู่ เมื่อคิดดูให้ดีเขาก็จำได้ว่าบนสร้อยนั้นเหมือนจะมีรูปนกั์สลักอยู่
เ้านกที่เพิ่งจะได้สติแหงนหน้ามองฟ้า ก็เพิ่งรู้สึกเช่นกันว่าสร้อยคอของเ้าสองขานั่นเหตุใดจึงร้อนผ่าวราวกับจะเผากรงเล็บของมันเช่นนี้
สุดท้ายเ้านกที่แม้แต่ปีกยังขยับไม่ได้ตัวนี้ ก็ได้แต่ส่งสายตาเว้าวอนไปหาเด็กหนุ่ม
อาลู่จึงถือเ้าวงกลมเหล็กบนคอตนขึ้นมา และวางลงบนริมฝีปากอย่างที่เขาเคยลองทำก่อนหน้า เ้าวงกลมเหล็กดูเหมือนว่าหากเป่าลมแล้วจะมีเสียงดังออกมา
เสียงลมพลันสั่นไหวเบาๆ
อาลู่คิดว่าอาจเพราะตอนนี้เขานั้นไม่มีแรง ทั้งที่ก่อนหน้ายามเป่ามันเคยมีเสียงแหลมหวีดหวิวดังขึ้นมาแท้ๆ ไฉนตอนนี้จึงมีแค่เสียงลมเบาๆ
ทว่าเ้านกเพี้ยนที่นอนอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มเมื่อได้ยินเสียงนี้ร่างกายมันก็ราวกับแข็งค้าง เพียงได้ยินเสียงลมเบาๆ ของเด็กหนุ่ม สติของมันก็ดับวูบลงทันที