“ข้ามาจากนครใหญ่ เพื่อตามหาท่านผู้เฒ่าหานตง เพราะ้าฝึกพลังเวทขั้นแปดให้สำเร็จ” ชายชราเบิกตากว้าง เค้นมองพระพักตร์ไม่วางตา
“เช่นนั้น ท่านเป็ใคร” น้ำเสียงแหบพร่าถามอย่างสั่นเครือ พร้อมั์ตาไหวระริก
“ข้าคือองค์รัชทายาทโจวอี้เฟยแห่งนครใหญ่” อีกฝ่ายตอบอย่างราบเรียบ พลางหันสบตาหานลู่อย่างตั้งมั่นไม่หลบซ่อน ก่อนโจวอี้เฟยจะหยิบตราหยกประจำตัวออกมา
“ตราหยกนี้เป็ต้นเหตุให้เหล่าศิษย์ของท่าน ทำสิ่งที่มิควรแก่ข้า จับตัวซูเจินขึ้นมายังหุบเขานี้”
“องค์รัชทาทโจวอี้เฟย ขออภัยที่ล่วงเกินแล้ว” ชายชรารีบทรุดลงนั่งเคารพด้วยท่าทีลนลาน พลางก้มหน้ามิกล้าสบพระพักตร์ หัวใจของหานลู่เต้นรัวถี่ เพราะความผิดอันหนักหนาสาหัสของเหล่าศิษย์ดื้อ ตามกฎแล้วพวกเขาอาจโดนโทษหนักถึงขั้นปะา
“ท่านลุกขึ้นเถิด ข้ามิได้ติดใจเื่นั้นแล้ว ขอเพียงเร่งรักษาซูเจินเสร็จ ข้าก็จักไปตามจุดมุ่งหมาย” ชายหนุ่มพยุงตัวชายชราลุกขึ้นอย่างไม่ถือเกียรติ
“จุดมุ่งหมายของท่าน ข้าอาจช่วยได้” หานลู่ทำหน้าครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจพูดบางสิ่งบางอย่าง
“ท่านพี่หานตงเป็พี่ชายแท้ ๆ ของข้า” สิ้นน้ำเสียงแหบพร่า พระพักตร์ขององค์รัชทายาทจากนิ่งเรียบ ก็เผยรอยยิ้มแห่งความหวังออกมาอย่างไม่ต้องบังคับ
“ท่านว่าอย่างไรนะ ท่านผู้เฒ่าหานตงเป็พี่ชายของท่าน เช่นนั้นแล้วข้าจักพบเขาได้ที่ใด” องค์รัชทายาทถามอย่างใคร่รู้ พลางขยับกายเข้ามาใกล้ แววตามุ่งมั่นรอฟังเ้าสำนักด้วยความตั้งใจ
“เขาตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง หลังจากสอนศิษย์ผู้หนึ่งให้สำเร็จเวทขั้นแปดสำเร็จ หากแต่ศิษย์ผู้นั้นนำเวทที่ได้ออกไปทำชั่วสารพัด จนตอนนี้ถูกจองจำอยู่ใต้หุบเหวลึก เป็ตายมิมีผู้ใดรู้ได้”
“ผู้ที่สำเร็จวิชาเวทขั้นแปดตอนนี้อยู่ใต้หุบเหวเช่นนั้นฤา” ชายหนุ่มถามด้วยแววตาสงสัย เพราะแคว้นทั้งห้ามิเคยมีผู้ใดล่วงรู้เกี่ยวกับชายลึกลับนี้ เื่ราวของเขาไม่มีผู้ใดบันทึกไว้ รู้เพียงแต่ว่าท่านผู้เฒ่าหานตงสามารถสอนศิษย์ให้สำเร็จวิชาเวทขั้นแปดได้เพียงเท่านั้น
“หุบเหวที่ว่าก็อยู่ตรงหน้าท่านนี่แหละ ท่านพี่หานตงรอ่เวลาที่เขาเมาเพราะฤทธิ์สุราแล้วใช้จังหวะเผลอ ซัดเขาลงไปกับมือเพราะกลัวว่าหากปล่อยไว้ จะเป็ภัยต่อผู้คน หลังจากนั้นท่านพี่หานตงก็เสียใจอย่างมาก มิเคยรับศิษย์อีกเลยนับจากนั้นเป็ต้นมา อีกทั้งเฝ้าโทษตัวเองเสมอว่าเป็ต้นเหตุให้หลายคนต้องจบชีวิตเพราะศิษย์ชั่วของตัวเอง” องค์รัชทายาทตั้งใจฟังเื่ราวของท่านผู้เฒ่าหานตงด้วยใจตั้งมั้น พลางหันมองหน้าผาที่อยู่ตรงหน้า
“ตอนนี้ท่านผู้เฒ่าหานตงอยู่ที่ใด” ชายชราส่ายศีรษะแล้วพูดต่อ
“ต่อให้องค์รัชทายาทเสด็จไปด้วยองค์เอง ข้าก็หาได้มั่นใจนักว่าจะทำให้ท่านพี่ใจอ่อน เพราะเขาตั้งมั่นว่าจะไม่สอนผู้ใดอีก”
“ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ต้องพบท่านผู้เฒ่าหานตงให้ได้ เมตตาบอกข้าได้ฤาไม่ ว่าท่านผู้เฒ่าหานตงอยู่ที่ใด” ชายชราถอนหายใจ พลางทบทวนครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมาตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเช่นเคย
“ท่านเห็นยอดเขาทางด้านนั้นฤาไม่” ชายชราชี้ไปยังยอดเขาสูงเฉียดฟ้าอีกยอดหนึ่งที่อยู่ไกลลิบแทบมองไม่เห็น ก่อนชายหนุ่มจะพยักหน้าขึ้นลง
“ที่แห่งนั้นท่านพี่ข้าใช้พักอาศัยอย่างเงียบ ๆ เพียงผู้เดียวมานานหลายปี หากองค์รัชทายาท้าพบ จงไปสถานที่แห่งนั้น แต่ว่า...”
“แต่ว่าอะไร”
“หนทางอันตรายอยู่มาก อีกทั้งค่ายกลก็มีอยู่ตลอดการเดินทาง พลังเวทของท่านอยู่ในขั้นเจ็ด สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้เพียงชั่วอึดใจก็จริง หากแต่พลังนั้นมีข้อจำกัด ท่านไม่สามารถใช้พลังเวทพาแม่นางผู้นั้นไปด้วยได้ ไม่เช่นนั้นพลังเวทจะตีกันปั่นป่วนจนอาจทำให้ท่านาเ็สาหัส” องค์รัชทายาทได้ฟังดังนั้นจึงหยุดทบทวน
“ศิษย์ของผู้เฒ่าหานตงเคยอาศัยอยู่ที่นี่ ข้อจำกัดของพลังเวทขั้นหนึ่งถึงแปดข้าย่อมรู้ดี เช่นนั้นแล้วท่านก็คงใช้พลังเวทพาแม่นางผู้นั้นไปไหนต่อไหนได้เพียงชั่วอึดใจ มิต้องเดินทางเท้าเช่นนี้ จริงฤาไม่”
“ข้ามิอาจตัดใจทิ้งนางได้ ทุกอย่างรอบตัว ล้วนอันตรายเกินไปสำหรับนาง ขอเพียงมีข้าอยู่ข้าง ๆ นางก็จะปลอดภัย” ชายชราลอบยิ้มหลังจากมองประกายั์ตาคู่คมนั้น
“ทูลองค์รัชทายาท จะคิดเห็นเช่นไร หากให้นางอาศัยอยู่กับข้าที่นี่”
“ท่านหมายความว่าอย่างไร”
“สำนักของข้าซ่อนเร้นจากผู้คน แม่นางซูเจินจะอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัย ท่านเองมิต้องกังวลต่อสิ่งใดเพียงใช้วิชาเวทขั้นเจ็ดก็จะเสด็จถึงเขาลูกนั้นได้ในพริบตา เดินหน้าทำตามประสงค์ให้สำเร็จ เมื่อนั้นท่านสามารถมารับนางกลับได้ตลอดเวลา” องค์รัชทายาทนิ่งครู่หนึ่ง ก่อนเดินไปยังหน้าผา แล้วทอดสายตามองดูทิวทัศน์ด้านหน้าพร้อมความคิด สายลมอ่อนปะทะเข้ามาบางเบา พอให้ชุดสีขาวสยายออกอย่างงดงาม ชายชราเดินตามเข้ามาแล้วยืนรอคำตอบอย่างเงียบ ๆ ด้วยกิริยานอบน้อม
“นางชอบทำอาหาร และเล่นพิณเก่งกว่าผู้ใด อีกทั้งชอบการเรียนรู้ มีหลายครั้งที่นางได้รับอันตรายเพราะความซุกซนของตัวเอง ท่านแน่ใจฤาว่าจะดูแลนางได้” องค์รัชทายาทยังคงแสดงความกังวลออกมา ก่อนชายชราจะค้อมตัวเล็กน้อย
“ทูลองค์รัชทายาท ด้วยเกียรติของข้าหานลู่ ผู้เป็เ้าสำนักฮุ่ยหวง ขอท่านได้โปรดวางใจ ข้าจักดูแลแม่นางซูเจินอย่างดี เพื่อทดแทนสิ่งที่ศิษย์ข้าได้ล่วงเกินไว้” ชายหนุ่มยืนนิ่งยังคงทอดมองผาน้ำตกด้านหน้า
“มีสิ่งหนึ่งที่ข้าอยากฝากกับท่าน นางอยากฝึกเวท หากข้าเดินทางไปแล้ว ท่านช่วยฝึกเวทพื้นฐานให้นางด้วยได้ฤาไม่” ชายชราขมวดคิ้วคิดทบทวน
“แม่นางซูเจินเป็เพียงสามัญ ต้องได้รับอนุญาตจากองค์าาก่อนจึงจักฝึกเวทได้ สำนักของข้าได้รับอนุญาตให้สอนเวทได้ในราชวงศ์ก่อนก็จริง หากในยามนี้แคว้นเสี่ยนหลิวเปลี่ยนองค์าาแล้ว ข้ามิอาจสอนเวทใครได้อีก”
“ข้าเป็องค์รัชทายาทแห่งนครใหญ่ อนุญาตให้นางฝึกเวทได้ฤาไม่ แม้นางจักอายุไม่ถึงสามพันปีก็ตาม”
“ทูลองค์รัชทายาท หากเป็ประสงค์ของท่าน มิมีผู้ใดกล้าคัดค้านอย่างแน่นอน เช่นนั้นข้าจะสอนเวทให้นางตามประสงค์” โจวอี้เฟยพยักหน้า พลางปล่อยยิ้มออกมาอย่างสบายใจ
“มีอีกเื่ที่ข้าอยากขอร้องท่าน อันฐานะของข้าอย่าให้ผู้ใดล่วงรู้ แม้แต่ซูเจินก็ตาม” ชายชราก้มหน้ารับคำอย่างอ่อนน้อม แล้วปล่อยให้องค์รัชทายาทยืนทบทวนบางสิ่งบางอย่าง ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ด้านหน้า
“นางดื่มยาแก้ไปแล้ว สักครู่คงฟื้น” ชิงจูวางถ้วยยาลงด้านข้าง แล้วหันไปพูดกับศิษย์น้องอย่างโล่งใจ
“พวกเราเกือบเอาตัวไม่รอด หากอาจารย์มาไม่ทัน เราอาจได้ตายกันจริง ๆ ไปแล้ว”
“ใครจะล่วงรู้ว่าฝีมือเขาร้ายกาจถึงเพียงนี้ เช่นนั้นแล้วข้าคงไม่คิดก่อเื่ให้อาจารย์ต้องอับอาย” ชิงจูยู่หน้าอย่างสำนึกผิด ดวงตากลมก้มต่ำลง เพราะรู้ว่าได้ทำให้อาจารย์ยุ่งยากลำบากเสียแล้ว
“นางฟื้นแล้วศิษย์พี่” ชิงเถาสะกิดชิงจูด้วยความดีใจ หากแต่ไม่กล้าแตะตัวนางตามที่ยอดฝีมือปรามไว้ ชายหนุ่มได้เพียงมองดูหญิงสาวที่กำลังลืมตาด้วยใจจดจ่อ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” หลังจากลืมตาตื่นได้เพียงครู่เดียว หญิงสาวจึงเด้งตัวขึ้นพลางมองรอบ ๆ อย่างแปลกใจ ดวงตาวาวระริกหันสบตาทั้งสองด้วยความหวาดหวั่น
“เอ่อ...คือ...” ชิงจูและชิงเถาหันสบตามองกัน เพราะไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร
“แล้วที่นี่เป็ที่ใดกัน”
“แม่นาง...ไม่มีสิ่งใดเป็อันตราย” ชิงเถาพยายามพูดปลอบเพื่อให้ซูเจินสงบลง ทว่านางนึกบางอย่างได้ จึงรีบลุกจากเตียงแล้วเดินออกในทันที
“แม่นางหยุดก่อน”
“ท่านยอดฝีมืออยู่ที่ใด ข้าจะไปหาเขา” หญิงสาวหวาดระแวงในทุกสิ่ง นางมองทุกอย่างรอบ ๆ ด้วยความไม่ไว้ใจ ทางเดินที่คดเคี้ยวมี
หลายแยกด้านหน้า ทำให้หญิงสาวหยุดเดิน ยืนสับสนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนร่างขององค์รัชทายาทจะเดินมาพร้อมกับหานลู่
“ซูเจิน เหตุใดจึงลุกขึ้นมา ไม่ยอมพัก” สรุเสียงขององค์รัชทายาทอันแสนคุ้นเคย ทำให้ซูเจินรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดในทันที แรงของหญิงสาวทำให้ร่างขององค์รัชทายาขยับไหว หากแต่ไม่นานจึงตั้งหลักได้
“ข้าคิดว่าท่านทิ้งข้าไปแล้ว ข้าคิดว่าท่านจะไม่อยู่กับข้าแล้ว” โจวอี้เฟยก้มมองร่างเล็กที่กำลังโอบรัดเขาไว้แน่น ร่างบางสั่นระริกแขนเรียวเล็กกระชับแแ่ ก่อนหานลู่จะหันตัวเดินออก