เมื่อเห็นความตั้งใจแน่วแน่ของซ่งซื่อ ใบหน้าของโจวซื่อก็ยิ่งอัปลักษณ์ มือทั้งสองข้างในแขนเสื้อก็กำแน่น
นางเข้าใจสิ่งที่ซ่งซื่อพูด เพียงแต่นางไม่สามารถทำอะไรได้
หากซ่งซื่อและเ้าใหญ่ไม่ไปทำงาน ก็เป็ไปไม่ได้ที่คนในครอบครัวของเ้ารองจะเลี้ยงดูนางอย่างขยันขันแข็ง
แม้ว่าฟางซื่อจะเกียจคร้านทำงานทำการ เอาแต่กินนอน แต่โจวซื่อก็ค่อนข้างพอใจในตัวนาง ทั้งหมดเป็เพราะฟางซื่อเก่งในการเกลี้ยกล่อมผู้คน ซึ่งต่างจากซ่งซื่อที่ตั้งใจทำงานเพียงสิ่งเดียว
เช่นเดียวกับเื่นี้ในตอนนี้ ถ้าซ่งซื่อพูดกันดีๆ บางทีนางอาจจะไปพูดกับฟางซื่อเพิ่มอีกเล็กน้อย
ทว่าเหตุการณ์ต่างๆ กลายเป็เช่นนี้แล้ว สีหน้าของโจวซื่อยิ่งน่าเกลียดกว่าเดิม ในท้ายที่สุด เื่นี้มีแต่จะทำให้นางอับอาย ทำให้นางไม่อาจจะแก้ปัญหาได้
“เ้ากำลังจะบังคับข้าให้ตาย!” โจวซื่อนั่งลงกับพื้น ร้องไห้น้ำตาไหลพรากทั่วทั้งใบหน้า “ทำไมข้าถึงมีลูกสะใภ้เช่นนี้ แต่ละคนล้วนดื้อรั้น ข้าไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกแล้ว!”
“พ่อของลูกข้า ทำไมเ้าถึงตายเร็วนัก ลูกชายลูกสะใภ้เหล่านี้ล้วนแต่อยู่เหนือศีรษะของข้า ข้าไม่้ามีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว เ้าพาข้าไปเถอะ!”
“แม้ข้าจะตาย ข้าก็จะไม่แยกครอบครัวเด็ดขาด!” โจวซื่อตบมือลงบนพื้นอย่างแรง เสียงนั้นดังกังวานเป็พิเศษ ราวกับว่านางไม่รู้สึกเจ็บที่มือเลยแม้แต่น้อย
หลินกู๋หยู่มองไปที่โจวซื่อที่กำลังพูดไปด่าไป หันศีรษะไปพูดกับฉือหางเสียงเบา "เ้าไปดูพี่ใหญ่เถอะ?"
ฉือซู่ขดตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง ใช้มือทั้งสองข้างปิดใบหู ราวกับว่าตราบใดที่เขาไม่ได้ยินเสียงเ่าั้ เขาก็จะไม่อารมณ์เสีย
ฉือหางพยักหน้า ส่งโต้ซาให้หลินกู๋หยู่แล้วเดินไปหาฉือซู่
ฟางซื่อก้าวเท้าไปข้างหน้า พยายามดึงโจวซื่อให้ลุกขึ้น แต่ไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกโจวซื่อผลักออกไป
โจวซื่อเอาแต่พูดไปด่าไป ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่ยอมลุกขึ้น
ซ่งซื่อสูดจมูกของนางอย่างแรง มองไปยังโจวซื่อพลางเช็ดน้ำตาของนาง “ท่านแม่ ข้ารู้ว่าข้าขอมากเกินไป ท่านหย่าข้ากับสามีของข้าก็ได้”
เมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ ใบหน้าของโจวซื่อก็น่าเกลียดกว่าเดิม สูดจมูกและปล่อยให้ฟางซื่อช่วยประคองนางลุกขึ้นยืน
โจวซื่อเดินไปหาซ่งซื่ออย่างน่าเวทนา น้ำเสียงเศร้าสร้อย "สะใภ้ใหญ่ ข้ารู้ว่าเ้าลำบาก เ้าเป็ลูกสะใภ้ที่ดีของตระกูลฉือของเรา วันข้างหน้าหากมีอะไรต้องทำ พวกเ้ากับคนในครอบครัวเ้ารองช่วยกันทำ ดีหรือไม่?”
ซ่งซื่อกัดริมฝีปากของนางแน่น ชี้ไปที่ฟางซื่อด้วยความโกรธว่า "เมื่อสองสามวันก่อน ครอบครัวเ้ารองเอาเนื้อในไหออกมาย่าง ลูกสองคนของข้าร้องไห้อยากกินเนื้อ แต่ข้าถึงกับดุพวกเขาสองคน ทว่าสองคนนั้นเป็ผู้ใหญ่แล้ว คิดไม่ถึงว่าจะทำตัวแย่ สู้เด็กก็ไม่ได้!”
หลังจากที่ซ่งซื่อพูดดังนั้น การแสดงออกบนใบหน้าของฟางซื่อก็ทนไม่ได้เล็กน้อย นางเท้าเอวเดินไปหาซ่งซื่ออย่างเย่อหยิ่ง พูดด้วยความโกรธว่า "พี่สะใภ้ใหญ่ เ้าหยุดใส่ร้ายคนอื่นได้แล้ว ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่าเด็กสองคนนั้นแอบเอาไปกิน”
หลังจากได้ยินสิ่งที่ซ่งซื่อพูด โจวซื่อก็เหลือบมองฟางซื่อด้วยความประหลาดใจ แล้วพูดด้วยความสงสัยว่า "สิ่งที่เ้าพูดเป็ความจริง?"
ซ่งซื่อมองไปที่โจวซื่อและฟางซื่อที่อยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้าที่มืดมน
ฟางซื่อพูดอย่างโกรธเคืองว่า "ท่านแม่ ท่านอย่าฟังพี่สะใภ้ใหญ่ เป็นาง นางเป็คนเอาเนื้อให้ลูกทั้งสองกิน"
เด็กสองคนที่อยู่ข้างซ่งซื่อร้องไห้เสียงดังลั่นด้วยความหวาดกลัว บอกว่าไม่เคยทานเนื้อสัตว์อะไรนั่นมาก่อน
หลินกู๋หยู่หายใจเข้าลึกๆ ขมวดคิ้วอย่างจนปัญญา ยิ่งมองไปที่ฉือซู่ซึ่งนั่งยองๆ อยู่คนเดียว นางก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด
เวลานี้พี่ชายใหญ่ควรจะดูแลพี่สะใภ้ใหญ่ให้ดีไม่ใช่หรือ?
หลินกู๋หยู่เดินไปหาฉือซู่ โดยมีโต้ซาอยู่ในอ้อมแขน ในขณะที่กำลังจะพูดก็เห็นฉือซู่ลุกขึ้นจากพื้น
ฉือหางส่ายศีรษะเบาๆ ให้นาง
ฉือซู่เดินผ่านหลินกู๋หยู่ไป
หลินกู๋หยู่หันกลับไปมองที่นั่น เห็นฉือซู่เดินไปข้างหน้าโจวซื่อ จากนั้นก็คุกเข่าลงกับพื้น
ฉือหางเดินไปที่ด้านข้างของหลินกู๋หยู่ รับโต้ซาจากมือนาง พูดเบาๆ ว่า "ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับพี่ใหญ่แล้ว"
“อะไรหรือ?” หลินกู๋หยู่มองไปที่รูปลักษณ์ของฉือหางอย่างงงงวย
“ท่านแม่” ฉือซู่คุกเข่าลงกับพื้น เสียงของเขาแ่เบาราวกับไร้เรี่ยวแรง “หากท่าน้าให้ข้าหย่ากับภรรยา เช่นนั้นก็ขับไล่ข้าออกจากครอบครัวเถอะ”
ใบหน้าของโจวซื่อไม่น่ามองอย่างยิ่ง นางมองไปที่ฉือซู่ด้วยความไม่เชื่อ น้ำเสียงของนางสั่นเครือ "เ้า เ้ากำลังพูดอะไร?"
“ถ้าท่าน้าให้ข้ากับภรรยาดูแลน้องชายสี่ พวกเราดูแลได้โดยไม่ปฏิเสธแม้แต่คำเดียว” ฉือซู่ก้มศีรษะลง เขาไม่กล้ามองใบหน้าของโจวซื่อ “เพียงแต่พวกเราไม่้าดูแลน้องรองที่เกียจคร้านไม่ยอมทำงาน”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉือซู่ โจวซื่อรู้สึกอึดอัดสุดขีด ดวงตาทั้งสองของนางก็ปิดลงพลางล้มลงไปข้างหลัง
ดวงตาและมือของฟางซื่อนั้นว่องไว รีบคว้าโจวซื่อไว้ทัน นางพูดอย่างเป็ห่วงหลายส่วนว่า "พี่ชายใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ ตอนนี้พวกพี่จะทะเลาะอะไรอีกหรือ ท่านแม่หมดสติไปแล้ว"
พวกเขารีบพาโจวซื่อเข้าไปในห้องโดยตรง หลินกู๋หยู่ก้าวไปข้างหน้า ขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะที่นางตรวจดูอาการของโจวซื่อ
หลังจากนั้นไม่นาน หลินกู๋หยู่ก็พูดต่อไปว่า "ท่านแม่ไม่ได้เป็อะไรมาก ให้ท่านแม่พักผ่อนก่อนสักพักเถอะ"
ในเมื่อไม่เป็อะไรแล้ว หลายคนก็จากไป ส่วนฟางซื่ออยู่ต่อเพื่อดูแลโจวซื่ออย่างขยันขันแข็ง
หลินกู๋หยู่และฉือหางกลับบ้านพร้อมโต้ซา เขามองหลินกู๋หยู่อย่างเป็กังวล "ท่านแม่เป็อย่างไรบ้าง?"
ตอนนี้เหลือเพียงพวกเขาสองคน หลินกู๋หยู่พูดอย่างสบายๆ ในขณะที่ทำอาหารว่า "ท่านแม่สบายดี แค่สลบไปเนื่องจากความโมโหเท่านั้น"
พูดให้ชัดแจ้งก็คือแกล้งเป็ลมหมดสติ
เมื่อได้ฟังดังนั้น ฉือหางก็ทอดถอนหายใจด้วยความโล่งอก "ไม่เป็อะไรก็ดีแล้ว"
โต้ซานั่งอยู่บนตั่งเล็กๆ ด้านข้าง
หลินกู๋หยู่ผัดอาหารสองจาน พอถึงเวลาที่โต้ซาทานอาหารเสร็จก็ง่วงนอนมากแล้ว ถึงขั้นนอนอยู่บนโต๊ะและเกือบจะหลับไปแล้ว
หลังจากโต้ซาทานเล็กน้อย หลินกู๋หยู่ก็ปล่อยให้เขาอาบน้ำและเข้านอน
หลินกู๋หยู่อุ้มโต้ซาเข้านอน รอให้โต้ซาหลับไป ฉือหางก็จัดข้าวของเสร็จเรียบร้อยแล้ว
กว่าเื่ของบ้านใหญ่จะคลี่คลายก็ใช้เวลาไปเกือบเที่ยงคืน ทั้งคู่เหนื่อยล้าไร้เรี่ยวแรง จึงทิ้งตัวผล็อยหลับไป
เช้าตรู่วันต่อมา ทั้งสองคนนัดกันว่าจะไปซื้อของในเมือง แต่พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าในครอบครัวของบ้านใหญ่จะยังคงทะเลาะกันไม่หยุด
ฉือหางเดินไปอย่างกังวล ยังคงได้ยินเสียงดังลอดออกมาจากในเรือนใหญ่
หลินกู๋หยู่ไม่้าไปที่นั่น นางไม่้ามีส่วนร่วมในเหตุการณ์ของสกุลฉือ
โจวซื่อเป็คนไม่มีเหตุผล นางเป็คนมีอัตตาสูงมาก ไม่ยอมที่ช่วยพูดแทนคนอื่น
ยามเที่ยงวัน ฉือหางกลับมาพร้อมกับลูกสองคนของครอบครัวของฉือซู่
“พี่ชายใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้ทำอาหาร” ฉือหางจับมือเด็กทั้งสองคน เขาพูดเสียงเบา “ให้พวกเขาสองคนมาทานอาหารเย็นที่นี่ดีหรือไม่?”
ฉือหางก็ไม่รู้ว่าหลินกู๋หยู่จะเต็มใจหรือไม่ ดังนั้นเขาจึงมองไปที่นางอย่างระมัดระวัง
หลินกู๋หยู่แตะศีรษะของฉือิและฉือซงด้วยรอยยิ้ม "อาหารใกล้จะทำเสร็จแล้ว พวกเ้าสองคนพาโต้ซาไปล้างมือ หลังจากล้างมือสะอาดแล้ว รออาหารอีกสักครู่ ดีหรือไม่?"
ฉือิและฉือซงมองไปที่หลินกู๋หยู่ จากนั้นเดินไปจับมือโต้ซาออกไปล้างมือ
เด็กสองคนนั้นผอมแห้งมาก ใบหน้าเป็สีเหลือง ดูสุขภาพไม่ดีเท่าโต้ซา
หลินกู๋หยู่ผัดมันฝรั่งเส้นและดอกกะหล่ำอย่างละหนึ่งจาน เมื่อนึกถึงเด็กสองคนที่มาที่นี่ นางจึงทำไข่ตุ๋นสำหรับเด็กทั้งสองด้วย
เมื่อหลินกู๋หยู่ทำอาหารเสร็จแล้ว นางก็เรียกทั้งสามคนมารับประทานอาหาร
ฉือิและฉือซงมองไปที่ไข่ตุ๋นในชามแล้วนิ่งเงียบ
ในบ้านของพวกเขา พวกเขาไม่ได้ทานสิ่งเหล่านี้ด้วยซ้ำ
ฉือซงก้มศีรษะ ลงหยิบช้อนแล้วเริ่มรับประทานอาหาร
ฉือิปรายตามองไปที่ฉือซงที่กลืนกินอาหารอย่างตะกละตะกลาม มองโต้ซาที่ทานอาหารช้าๆ อย่างเรียบร้อย เขารู้สึกเศร้าสร้อยเล็กน้อย
เดิมทีเขาได้ยินมาว่าอาสามของเขาได้แต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ เขาได้ยินมาว่าแม่เลี้ยงของเขาจะต้องไม่ชอบโต้ซาอย่างแน่นอน
แต่ดูโต้ซาสิ?
เมื่อเห็นว่าโต้ซาสวมเสื้อผ้าใหม่เอี่ยม เสื้อผ้าบางๆ เขาคิดว่าจะต้องหนาวมากแน่นอน แต่เมื่อเขาััฝ่ามือของโต้ซา เขากลับรู้สึกอบอุ่นมาก
ฉือิอายุมากกว่าเล็กน้อย ย่อมมีความคิดความอ่านอยู่บ้าง
เขาเอื้อมมือไปแตะที่เสื้อผ้าของโต้ซา มันนุ่มมาก คล้ายกับใส่ฝ้ายเข้าไปด้านใน แต่กระนั้นก็ดูไม่เหมือนฝ้าย
เมื่อมองการทานอาหารของโต้ซา ไม่เห็นท่าทางรีบร้อนใดๆ เขาเดาว่าโต้ซาคงจะทานอาหารพวกนี้เป็ปกติอยู่แล้วกระมัง
"ทานกับข้าวด้วยเถอะ" หลินกู๋หยู่พูด คีบกับข้าวมาวางบนช้อนของโต้ซา แล้วพูดเบาๆ ว่า "ทานเช่นนี้จะได้สูงขึ้น"
โต้ซาพยักหน้าแล้วทานอาหารอย่างเชื่อฟัง
"อาสะใภ้สาม" ฉือิก้มศีรษะลง เขาพูดเบาๆ "ขอบคุณ"
หลินกู๋หยู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อได้ฟังคำขอบคุณที่ไม่มีที่มาที่ไป จากนั้นก็ยิ้มด้วยความเข้าใจ "ทานอาหารเถอะ ถ้าไม่ยังทานอีก อาหารจะเย็นแล้ว"
ฉือิพยักหน้าอย่างจริงจังและเริ่มทาน
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว หลินกู๋หยู่ก็พูดกับฉือหางที่นั่งอยู่ด้านข้าง "เ้าไปดูสถานการณ์ที่บ้านใหญ่ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็พาเด็กสองคนนี้กลับไป ตอนนี้ปล่อยให้พวกเขาเล่นที่นี่ไปก่อน"
"ได้" หลังจากล้างจานแล้ว ฉือหางก็เดินออกไปข้างนอก
หลินกู๋หยู่ดูฉือิ ฉือซงและโต้ซาเล่นด้วยกัน จากนั้นไปเย็บเสื้อกันหนาวต่อ
นางต้องรีบทำให้เสร็จโดยเร็วที่สุด เสื้อนี้ถ้าทำเสร็จั้แ่เนิ่นๆ ก็จะยิ่งดี ไม่เช่นนั้น ถ้าวันหนึ่งอากาศหนาวกว่านี้ นางและฉือหางสองคนจะต้องทนทุกข์ทรมานจากความหนาวเย็นแล้ว
ฉือิยืนอยู่ด้านหนึ่ง ดูโต้ซาเขย่งเท้าค้นหาของเล่นต่างๆ ที่ทำจากไม้ เอาออกจากกล่องไม้ทีละชิ้นๆ เขาถึงกับตะลึงงัน
“พี่ใหญ่ พี่รอง เล่นนี่!” โต้ซาวางของเล่นทั้งหมดลงบนโต๊ะ มีทั้งหมดรวมเก้าชิ้น
ฉือิเหลือบมองสตรีที่นั่งอยู่บนขอบเตียง เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเดินไปหาหลินกู๋หยู่
“อาสะใภ้สาม”
“อืม?” หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองฉือิ พลางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “มีอะไรหรือ?”
ฉือิมองไปที่หญิงสาวตรงหน้า ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะแตกต่างจากบรรดาสตรีเ่าั้ รูปโฉมของนางดูเหมือนจะสวยกว่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้