หนิงมู่ฉือไม่คาดคิดว่าผู้ดูแลจะเอ่ยปากพูดแทนจ้าวซีเหอ “ท่านผู้ดูแล ข้ารู้ว่าซื่อจื่อเป็คนดี ปกติแค่ชอบหยอกเย้าข้าเล่นไปอย่างนั้นเอง ข้าไม่เก็บมาใส่ใจหรอก”
ถ้าไม่ใช่เพราะซื่อจื่อ เช่นนั้นเพราะเหตุใด?
“แม่นางหนิง เ้ามีเื่บางอย่างในใจใช่หรือไม่ วันนี้เ้าดูซึมๆ ข้าไม่สามารถช่วยอันใดเ้าได้ แต่ถ้าเ้ามีเื่ในใจ พูดออกมาให้ข้าฟังได้นะ เผื่อเ้าจะได้สบายใจขึ้น”
หนิงมู่ฉือรู้ว่าผู้ดูแลหวังดี แต่นางจะพูดเื่ที่อยู่ในใจนางให้อีกฝ่ายฟังได้อย่างไร
“ท่านผู้ดูแลไม่ต้องเป็ห่วง ข้าแค่อยากจะใช้ชีวิตอย่างที่ข้า้าเท่านั้น สิ่งที่ข้า้าก็ง่ายๆ เช่นนี้ ซึ่งชีวิตเยี่ยงนั้นจำต้องออกจากที่นี่ ในใจข้าจึงรู้สึกอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย”
ได้ยินเช่นนั้นผู้ดูแลห้องครัวถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่แท้ก็เป็เยี่ยงนี้เอง เช่นนั้นก็ดี ได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเอง้าถือเป็เื่ดี ไม่เหมือนบ่าวรับใช้เช่นพวกนาง แค่ได้เจอเ้านายที่ดี เพียงแค่นี้ก็ต้องขอบคุณ์แล้ว ไหนเลยจะได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเอง้า
ระหว่างนี้เองหมี่หูก็สุกได้ที่ หนิงมู่ฉือเดินไปเปิดฝาหม้อขึ้นแล้วตักใส่ถ้วย เนื่องจากใส่มันม่วงลงไป สีของมันจึงกลายเป็สีม่วง มองไม่เห็นสีขาวของข้าวเลยแม้แต่น้อย
“แม่นางหนิง หมี่หูนี่หอมเหลือเกิน!” ผู้ดูแลห้องครัวอดสะท้อนใจกับฝีมือในการทำอาหารของหนิงมู่ฉือไม่ได้ ขนาดทำหมี่หูซึ่งเป็อาหารที่ทุกคนก็สามารถทำได้ยังมีความแตกต่างกับของคนอื่นถึงเพียงนี้
“ข้าเพิ่งตั้งชื่อให้มันว่าวั่นจื่อเชียนหู เป็อย่างไร ไพเราะหรือไม่” ผู้ดูแลห้องครัวไม่คิดเลยว่าหนิงมู่ฉือไม่เพียงแต่มีฝีมือในการทำอาหาร ฝีมือในด้านการตั้งชื่อก็เยี่ยมยอด
ความที่ผู้ดูแลห้องครัวมีอายุเยอะ จึงได้ยินวั่นจื่อเชียนหูเป็วั่นจื่อเชียนหง “เอ่อ แม่นางหนิง เ้าบอกว่าตั้งชื่อให้มันว่าวั่นจื่อเชียนหง ไม่ทราบว่าคำว่าหงมาจากคำใดหรือ”
หนิงมู่ฉือได้ฟังก็รู้ทันทีว่าผู้ดูแลห้องครัวฟังผิด เพียงแต่วั่นจื่อเชียนหงก็เป็ชื่อที่ดีเช่นกัน มีคำว่าสีแดงที่หมายถึงเป็มงคล ทั้งยังช่วยบำรุงร่างกาย ทันใดนั้นเองนางนึกถึงเก๋ากี้ขึ้นมา
แต่นางทำหมี่หูเสร็จแล้ว หากจะเติมเก๋ากี้ลงไปก็จะต้องนำไปแช่น้ำก่อน พอถึงตอนนั้นหมี่หูก็คงจะทานไม่ได้แล้ว
“แต่เก๋ากี้…” นางเอ่ยขณะพยายามขบคิดหาวิธี จะทำอย่างไรกับเก๋ากี้ดีนะ
“เื่นี้ง่ายมาก พวกเราพออายุมากแล้วจะต้องมีปวดนั่นปวดนี่ตามร่างกาย เก๋ากี้เป็ของดี ทั้งยังช่วยบำรุงร่างกาย พวกเราจึงนำมันมาแช่ในสุรา ปวดตรงไหนก็จะใช้สุราแช่เก๋ากี้ถูตรงนั้นเพื่อลดอาการปวด ได้ผลดีนัก เดี๋ยวข้าจะไปเอามาให้!”
ในที่สุดปัญหาเื่เก๋ากี้ก็ได้รับการแก้ไข ไม่นานผู้ดูแลห้องครัวก็เดินถือสุราหนึ่งไหเข้ามายังห้องครัว เมื่อเปิดฝาออก พบว่าเม็ดเก๋ากี้ที่แช่อยู่ในสุรามีเม็ดใหญ่พองโต แสดงว่าถูกแช่เอาไว้นานแล้ว
นางตักขึ้นมา เก๋ากี้ถูกแช่อยู่ในสุราเป็เวลานานจึงสูญเสียรสชาติดั้งเดิมของมันไป แต่กลับมีรสชาติของสุราเข้ามาแทน
ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ตักเฉพาะเก๋ากี้ผสมลงไปในถ้วย เพียงเท่านี้ก็สมชื่อวั่นจื่อเชียนหงแล้ว
หนิงมู่ฉือยกไปให้ท่านอ๋องที่ห้อง วันนี้ท่านอ๋องดูสดใสกว่าทุกวัน ตื่นั้แ่เช้าและอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว กำลังรอให้นางยกอาหารเช้าเข้าไปให้พอดี
“ท่านอ๋อง เชิญทานอาหารเช้าเ้าค่ะ วันนี้ข้าไม่ได้ทำโจ๊ก อยากให้ท่านอ๋องเปลี่ยนรสชาติบ้าง จึงทำวั่นจื่อเชียนหงมาให้ทานเ้าค่ะ” ครั้นท่านอ๋องได้ยินชื่อก็รู้สึกสนอกสนใจยิ่งนัก
“ไม่คิดเลยว่าเ้าจะรู้จักตั้งชื่อด้วย เช่นนั้นข้าขอลองชิมดูหน่อย”
ท่านอ๋องมองดูอาหารที่วางอยู่เบื้องหน้า มีทั้งสีม่วงและสีแดง สมชื่อวั่นจื่อเชียนหงเสียจริง
ท่านอ๋องตักเข้าปากหนึ่งคำ หมี่หูมีความเหนียวของมันม่วง แล้วก็มีความนิ่ม ทั้งยังมีกลิ่นหอมของ…ใช่แล้ว กลิ่นหอมของสุรา
”เ้าใส่สุราลงไปด้วยหรือ” ท่านอ๋องรู้สึกสนใจในวิธีการทำอาหารที่แปลกใหม่นี้มาก กลิ่นสุราทำให้หมี่หูถ้วยนี้มีความแปลกใหม่ หมี่หูเป็อาหารที่มีความเลี่ยน แต่หมี่หูถ้วยนี้ไม่เลี่ยนเลย กลับทำให้คนที่ทานรู้สึกว่าทานเท่าไหร่ก็ยังไม่พอด้วยซ้ำ
ทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ต่อไปคือเข้าเื่ที่มาในวันนี้
“ท่านอ๋อง ฉือเอ๋อร์มีเื่อยากจะขอร้องเ้าค่ะ” หนิงมู่ฉือเอ่ยพร้อมกับคุกเข่าลงกับพื้น
ท่านอ๋องเห็นเช่นนั้นก็รีบบอกให้อีกฝ่ายลุกขึ้นยืน “เ้ามีเื่ใดก็พูดออกมาตามตรงเถิด ไม่เห็นต้องทำเช่นนี้เลย”
นางรู้ว่าท่านอ๋องเป็คนใจอ่อนจึงเอ่ยออกไปตามตรง
“ท่านอ๋อง ฉือเอ๋อร์กับซื่อจื่อมีคำสัญญาหนึ่งปีด้วยกัน ซึ่งนี่ก็ครบหนึ่งปีแล้ว ฉือเอ๋อร์สำนึกในความกรุณาที่ท่านอ๋องมีต่อฉือเอ๋อร์ ฉือเอ๋อร์จึงกลับมาที่นี่อีกครั้ง ฉือเอ๋อร์ไม่ขอปิดบัง ตอนนี้ฉือเอ๋อร์เป็อิสระแล้ว เื่ที่ฉือเอ๋อร์อยากทำท่านอ๋องเองก็ทราบดี เช่นนั้นวันนี้ฉือเอ๋อร์จึงมาขออนุญาตท่านอ๋องเพื่อออกจากที่นี่ ขอท่านอ๋องอนุญาตด้วยเ้าค่ะ!”
ท่านอ๋องได้ยินเช่นนั้นก็จมอยู่กับความคิดของตัวเอง เขารู้ว่าแม่ทัพหนิงถูกใส่ร้าย ทว่าตอนนั้นเขาเองก็จนปัญญาที่จะช่วย ทั้งไม่มีหลักฐาน นับได้ว่าผิดต่อสหายเก่านัก เขาทำได้แค่ชดเชยให้หนิงมู่ฉือ พยายามปกป้องคุ้มครองนางให้ดี
คาดไม่ถึงเลยว่าหนิงมู่ฉือจะมีความสามารถทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากฐานะบ่าวที่มีความผิดติดตัวได้ นางอยากแก้แค้นซึ่งเขาก็รู้ดีว่าคงห้ามไม่ได้ แต่เื่นี้เป็เื่ใหญ่ และถ้านางยังอยู่ที่นี่ อาจจะทำให้คนในตำหนักอ๋องที่มีกว่าร้อยชีวิตต้องโดนหางเลขไปด้วย เขาจึงลังเล
หลังจากขบคิดอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ตอบตกลง หนิงมู่ฉือบอกว่าชีวิตของนาง นางอยากเป็คนตัดสินใจเอง นางจะเป็คนเลือกเอง ไม่ว่าตอนจบจะเป็อย่างไร นางก็จะไม่เสียใจและจะไม่บ่นสักคำ
เขาถูกประโยคนี้ของนางทำจนใจอ่อน เช่นนั้นก็ตามใจนางเถิด นับั้แ่นี้ หากนางมาที่ตำหนักอ๋องอีกจะมีฐานะเป็แขก ไม่ใช่แม่ครัวของตำหนักอ๋อง
“ฉือเอ๋อร์ หากเ้าออกจากตำหนักนี้ไป พวกเราจะไม่ใช่ที่พึ่งของเ้าอีกต่อไป อยู่ข้างนอก เ้าเป็ผู้หญิงตัวคนเดียวคงไม่ง่ายนัก พ่อบ้าน...ไปนำเงินสองร้อยตำลึงเงินมาให้นางที ต่อไปข้าคงช่วยอะไรนางไม่ได้อีกแล้ว”
“ขอบพระคุณท่านอ๋องมากเ้าค่ะ!” หนิงมู่ฉือเอ่ย ท่านอ๋องดูแลนางอย่างดีมาตลอด ในใจนางรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งจนไม่สามารถสรรหาคำพูดใดมาบรรยายได้ ในเมื่ออีกเดี๋ยวนางต้องออกจากที่นี่แล้ว นางไม่มีสิ่งใดจะตอบแทนบุญคุณ ทำได้แค่คารวะเต็มพิธีการแก่ท่านอ๋องเพื่อเป็การแสดงความขอบคุณ
หญิงสาวลุกขึ้นยืน หมุนตัวเดินออกจากห้อง ท่านอ๋องมองตามแผ่นหลังของหนิงมู่ฉือที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ พร้อมกับทอดถอนใจ เมื่อคิดว่าต่อไปเขาจะไม่ได้ทานอาหารฝีมือนางอีกแล้ว ในใจรู้สึกเศร้าและผิดหวังยิ่งนัก
ที่วันนี้หนิงมู่ฉือตื่นเช้า เพราะ้าจะเก็บสัมภาระ แม้สัมภาระจะไม่ได้มีสิ่งใดมากมาย แค่เสื้อผ้าไม่กี่ชุดเท่านั้นก็ตาม
นางเก็บของทุกอย่างใส่ห่อผ้า เวลานี้เองพ่อบ้านเดินนำเงินสองร้อยตำลึงเงินมาให้ นางรับก่อนจะเดินออกจากตำหนักอ๋อง
นางไม่ได้ออกทางประตูหน้า แต่เดินออกจากตำหนักอ๋องทางประตูหลังตรงห้องครัว ด้วยกลัวว่าจะนางจะบังเอิญได้เจอกับจ้าวซีเหอ หากเป็เช่นนั้นอีกฝ่ายก็จะรั้งนางจนนางออกจากที่นี่ไปไม่ได้