ตื่นจากนอนกลางวัน เซี่ยยวี่หลัวมายังลานหน้าบ้านพลิกผลหยางเหมยที่ตอนเที่ยงแช่น้ำเกลือไว้ครึ่งชั่วยามกว่า ล้างสะอาดและตากแดดไว้ด้านนอกลองดูอย่างละเอียด ลมธรรมชาติเป่าน้ำที่ติดเปลือกจนแห้งแล้ว วางโถหมักดองที่ล้างสะอาดแล้วคว่ำไว้ตากลมมาตลอด่เที่ยงจนแห้งแล้วเช่นกัน
เซี่ยยวี่หลัวคัดผลหยางเหมยออกมาหนึ่งชามใหญ่วางไว้ข้างๆ ส่วนนี้อีกประเดี๋ยวจะนำมาทำน้ำซวนเหมย
ใส่ผลหยางเหมยที่แห้งสนิทแล้วลงไปในโถหมักจากนั้นเทสุราขาวที่ซื้อมา สุดท้ายจึงปิดปากโถ วางไว้ในสถานที่ร่มและแห้ง รออีกหนึ่งเดือนกว่าก็ดื่มสุราหยางเหมยได้แล้ว
หมักสุราหยางเหมยนั้นง่ายวิธีทำน้ำซวนเหมยก็ง่ายมากเช่นกัน
หมักผลหยางเหมยในชามใหญ่ด้วยน้ำตาลทรายขาวเป็เวลาหนึ่งเค่อแล้วนางใช้สบู่ล้างมือจนสะอาด จากนั้นจึงกรีดเอาเมล็ดหยางเหมยออกมา บีบเนื้อหยางเหมยจนแหลกใส่น้ำตาลกรวดลงไปหลายก้อน แล้วจึงเคี่ยวอย่างต่อเนื่อง
เคี่ยวผลหยางเหมยจนได้น้ำมาไม่น้อยเซี่ยยวี่หลัวใช้ช้อนตักน้ำที่เคี่ยวได้ออกมาทั้งหมด ใส่ไว้ในชามใหญ่ หลังจากต้มน้ำจนเดือดแล้วจึงเคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อน
ตลอดขั้นตอนทั้งหมด เด็กสองคนทำได้เพียงใส่ฟืนไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพียงย่อตัวอยู่ข้างๆ ดูเซี่ยยวี่หลัวทำ
“พี่สะใภ้ใหญ่ หยางเหมยป่าเปรี้ยวถึงเพียงนี้น้ำที่เคี่ยวออกมาจะดื่มได้หรือขอรับ? ” เซียวจื่อเซวียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ดื่มได้แน่นอน นอกจากนั้นอีกเดี๋ยวจะทำให้เ้าดื่มจนไม่อยากวางชามลงเลย” เซี่ยยวี่หลัวคนไปพลางหัวเราะพร้อมกล่าวไปพลาง
เพียงแต่เสียดายที่ยุคสมัยนี้ไม่มีตู้เย็นหากแช่เย็นในตู้เย็นสักหนึ่งหรือสองชั่วยาม ค่อยนำออกมาดื่ม ถึงจะรู้สึกชื่นใจอย่างแท้จริง!
ช่างน่าเสียดายนัก
เด็กสองคนได้ฟังว่าอีกเดี๋ยวจะดื่มจนไม่อยากวางชามลงดวงตาคู่โตทั้งสองคู่ก็เพ่งมองของในหม้ออย่างไม่ละสายตา
พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่าอร่อยเช่นนั้นก็ต้องอร่อยจนพวกเขาแทบกัดลิ้นแน่นอน
ตักน้ำจากการเคี่ยวผลหยางเหมยออกมาน้ำหยางเหมยเข้มข้นในหม้อก็เสร็จแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวเทน้ำต้มสุกที่เย็นแล้วลงในถ้วยจำนวนหนึ่งจากนั้นจึงเทน้ำหยางเหมยและน้ำหยางเหมยเข้มข้นเข้าไป น้ำต้มสุกที่เดิมทีโปร่งใสพลันกลายเป็สีชมพู
ทั้งดูดีทั้งหอม
เด็กสองคนดูน้ำสีชมพูด้วยอาการน้ำลายไหล
“เร็ว ดื่มคนละถ้วย” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว
ถึงแม้จะไม่ใช่น้ำซวนเหมยตามแบบฉบับไม่มีซานจาและชะเอม แต่ทำออกมาได้เช่นนี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
เด็กสองคนดื่มคำโต น้ำตาลกรวดหวานฉ่ำหยางเหมยรสเปรี้ยว เมื่อผสมรวมกันก็เป็รสเปรี้ยวๆ หวานๆ อร่อยเป็พิเศษ
“พี่สะใภ้ใหญ่ อร่อยมากจริงๆเ้าค่ะ! ” เซียวจื่อเมิ่งดื่มคำโต ก่อนกล่าวอย่างมีความสุข
รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ อร่อยจนอิ่มเอมไปถึงในใจ
เซียวจื่อเซวียนดื่มพลางเอ่ยถาม “พี่สะใภ้ใหญ่เหตุใดท่านถึงมีวิธีทำอาหารอร่อยมากมายถึงเพียงนี้ขอรับ? ”
เซียวจื่อเมิ่งก็กล่าวอย่างเลื่อมใส“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านมีความรู้มากจริงๆ เ้าค่ะ”
“ที่ข้ารู้ล้วนอ่านมาจากตำราหากพวกเ้าอยากมีความรู้มาก ก็ต้องอ่านตำราให้มาก ความรู้ในตำราสามารถทำให้เรามีความรู้เพิ่มขึ้นบุกเบิกวิสัยทัศน์ของเรา อ่านตำราหมื่นเล่มเหมือนเดินทางหมื่นลี้ เมื่อมีความรู้ ในอนาคตไม่ว่าจะไปถึงไหนใครก็ไม่กล้ารังแกหรือดูแคลนพวกเรา เข้าใจหรือไม่? ” เซี่ยยวี่หลัวสอนสั่งอย่างตั้งอกตั้งใจ
เด็กสองคนพยักหน้าราวกับเป็ลูกไก่น้อยที่กำลังจิกเมล็ดข้าวก็มิปาน“เข้าใจแล้ว พี่สะใภ้ใหญ่ พวกเราจะอ่านตำราให้มากแน่นอน! ”
ยังเหลืออีกหนึ่งถ้วย เซี่ยยวี่หลัวรอจนเด็กสองคนดื่มหมดแล้วจึงกล่าว “ถ้วยนี้แบ่งไว้ให้พี่ใหญ่ของพวกเ้า ยกไปให้พี่ใหญ่ของพวกเ้าสิ! ”
เด็กสองคนยกน้ำซวนเหมยไปหาเซียวยวี่อย่างมีความสุข
เซียวยวี่กำลังอ่านตำราอยู่ในห้องยามเขาอ่านตำราจะตั้งใจเป็อย่างยิ่ง ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด จึงรู้สึกว่าตัวเองหิวน้ำแต่ในกาน้ำข้างๆ ไม่มีน้ำแล้ว เขาได้แต่ลุกขึ้น คิดจะออกไปรินน้ำมาดื่มเสียหน่อย
เด็กสองคนยกน้ำซวนเหมยมาพอดี
“พี่ใหญ่ ดื่มน้ำซวนเหมยดื่มน้ำซวนเหมยเ้าค่ะ! ” เซียวจื่อเมิ่งะโโลดเต้น วิ่งไปพลางะโไปพลาง
เซียวจื่อเซวียนยกถ้วยเข้ามา“พี่ใหญ่ นี่คือน้ำซวนเหมยที่พี่สะใภ้ใหญ่ทำขอรับ ทั้งหวานทั้งเปรี้ยว อร่อยมากเลยท่านรีบชิมดูขอรับ! ”
เซียวยวี่เห็นน้ำสีแดงภายในถ้วยดมดูทั้งเปรี้ยวทั้งหวาน แค่ได้กลิ่นก็ทำให้น้ำลายสอแล้ว
“นี่คือหยางเหมยที่พวกเ้าไปเด็ดมาใน่เช้างั้นหรือ? ” เซียวยวี่เอ่ยถาม
“ขอรับ พวกเราไปเด็ดมาตอนเช้าพี่สะใภ้ใหญ่นำส่วนหนึ่งไปหมักสุรา ที่เหลือก็ทำเป็น้ำซวนเหมยขอรับ” เซียวจื่อเซวียนกล่าว
เมื่อเห็นเด็กสองคนอยากกินจนราวกับลูกลิงก็มิปานเซียวยวี่ยิ้มพร้อมกล่าว “พวกเ้าดื่มเถอะ”
เซียวจื่อเมิ่งไม่พอใจทันที“พวกเราดื่มแล้วเ้าค่ะ นี่เป็ส่วนที่พี่สะใภ้ใหญ่แบ่งให้ท่านโดยเฉพาะ! ”
แบ่งให้เขาโดยเฉพาะ?
เซียวจื่อเซวียนก็ยกถ้วยพร้อมพูดไม่หยุด“ใช่แล้วขอรับ พี่ใหญ่ พวกเราดื่มกันแล้ว มีเพียงท่านที่ยังไม่ดื่ม ท่านรีบดื่มเถอะอร่อยมากขอรับ! พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่า รออีกสองวัน หากหยางเหมยบนเขาสุกงอมแล้ว นางค่อยไปเด็ดมาทำน้ำซวนเหมยให้พวกเราดื่มอีก”
เซียวยวี่ได้ฟังดังนั้นได้แต่รับมา ดื่มคำน้อย
ซวนเหมยนั้นเปรี้ยวมากในนี้ต้องใส่น้ำตาลกรวดแน่ ทั้งเปรี้ยวทั้งหวาน พอดื่มเข้าไป ทั้งดับกระหายและคลายร้อนอร่อยมากจริงๆ
เมื่อเห็นพี่ใหญ่ดื่มสองคำเซียวจื่อเมิ่งก็เอ่ยถามอย่างรีบร้อน “เป็อย่างไรบ้าง พี่ใหญ่ อร่อยใช่หรือไม่เ้าคะ? ”
เซียวยวี่ยิ้มพร้อมพยักหน้า“อืม อร่อย”
เซียวจื่อเซวียนที่อยู่ข้างๆกล่าวด้วยท่าทางเสียดาย “พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่า บ้านเราไม่มีบ่อน้ำ หากมีบ่อน้ำ แช่เย็นน้ำซวนเหมยในบ่อครู่หนึ่งจะอร่อยยิ่งขึ้นขอรับ! ”
แช่เย็น?
เซียวยวี่คิดครู่หนึ่งหากแช่เย็นได้ ต้องอร่อยขึ้นแน่นอน
เขาทำทีเป็กล่าวอย่างไม่ตั้งใจ“พี่สะใภ้ใหญ่ของเ้ามีความรู้มากเสียจริง”
เซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเลื่อมใส“ข้าก็กล่าวเช่นนี้ขอรับ พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่า สิ่งเหล่านี้นางอ่านมาจากตำรา ทั้งยังกำชับให้ข้ากับจื่อเมิ่งอ่านตำราให้มาก!บอกว่าหากในหัวมีความรู้ ไปถึงไหนก็จะไม่โดนคนอื่นรังแก”
เซี่ยยวี่หลัวให้อาเซวียนกับอาเมิ่งอ่านตำรา?
เซียวยวี่ได้ฟังดังนั้นแทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง!
เซี่ยยวี่หลัวพูดมาตลอดว่าการเรียนหนังสือมีแต่คนที่ไม่ได้ความถึงจะทำกันไม่ใช่หรือ?
ทั้งยังบอกว่า เรียนหนังสือดีเพียงใดหากไม่ได้เป็ขุนนางจะมีประโยชน์อะไรมีเงินยังจะมีประโยชน์กว่า! มาบัดนี้ นางกลับสอนสั่งให้เด็กสองคนอ่านหนังสือให้มาก?
นางดูแคลนคนเรียนหนังสือไม่ใช่หรือ!
พระอาทิตย์จะตกดินแล้วเซี่ยยวี่หลัวจะออกไปข้างนอก
เด็กสองคนได้ยินว่าพี่สะใภ้ใหญ่จะไปในที่นาก็รีบบอกว่าจะตามไปด้วย
เซียวจื่อเมิ่งวิ่งกลับห้องใช้ผ้าห่อตัวเองไว้อย่างแ่าใส่หมวกประดับดอกไม้ใบเล็ก รอบหมวกดอกไม้ใบเล็กเย็บผ้าโปร่งสีขาวไว้ เช่นนี้สามารถกันแสงแดดได้บ้างเซียวจื่อเซวียนไม่ได้ใส่อะไรเลย บอกว่าลูกผู้ชายไม่กลัวการตากแดดจนตัวดำ แบกอุปกรณ์จะไปเหมือนกัน
ขณะเซียวยวี่ออกมา เห็นการแต่งกายของเซียวจื่อเมิ่งก็รู้สึกสงสัย“อาเมิ่ง เ้ากำลังจะทำอะไร? ”
“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่จะไปรดน้ำในที่นาข้าจะไปด้วยเ้าค่ะ” เซียวจื่อเมิ่งกล่าวเสียงใส
เซียวยวี่เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ“ไปที่นาที่ไหน? ”
เซียวจื่อเซวียน “พี่ใหญ่ลืมบอกท่านไป พี่สะใภ้ใหญ่หักร้างถางพงที่นาผืนหนึ่งใต้ตีนเขา ปลูกต้นถั่วไว้จำนวนมากพวกเรากำลังจะไปรดน้ำใส่ปุ๋ยขอรับ! ”
เซี่ยยวี่หลัวเดินออกมาจากห้องนางใส่กางเกงขายาวและเสื้อคลุมยาว ใช้แถบผ้าผูกปลายแขนเสื้อและขากางเกงไว้แน่น ใส่หมวกคลุมและหน้ากากที่นางทำขึ้นเองแต่งกายอย่างรัดกุมเช่นกัน
รูปร่างของนางบอบบางอรชรและเพราะเคยเรียนเื่มารยาท ยามก้าวเดินจึงดูงามสง่า เคลื่อนไหวอย่างงดงาม ในมือหิ้วถังไม้หนึ่งถังได้กลิ่นเหม็นโชยมาแต่ไกล ในนั้นใส่ปุ๋ยคอกที่เก็บสะสมไว้
หญิงงามร่างอรชรผู้หนึ่งหิ้วถังมูลสัตว์ไว้ในมือ...
พูดถึงเซี่ยยวี่หลัวในอดีตตีให้ตายก็ไม่มีทางทำเื่เช่นนี้
เซี่ยยวี่หลัวเห็นว่าเซียวยวี่อยู่ด้วยจึงยิ้มพร้อมกล่าวทักทาย “คือ พวกเราไปในที่นาก่อน”
นางไม่รู้ว่าควรเรียกเซียวยวี่ว่าอะไร
เรียกเซียวยวี่? รู้สึกจะเสียมารยาท
เรียกท่านราชบัณฑิตน้อย? แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่ท่านราชบัณฑิตน้อยนี่นา!
ท่านพี่? อย่าเลย นางเรียกไม่ไหว
คิดไปคิดมา ไม่เรียกอะไรเลยจะดีกว่าจะได้ไม่อึดอัด!
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวทักทายเสร็จก็ยกถังมูลสัตว์ไปแล้ว
เด็กสองคนตามหลังไปติดๆเดินตามทุกฝีก้าว
บ้านที่เมื่อครู่นี้ยังมีกันสี่คนเพียงชั่วพริบตาก็เหลือเซียวยวี่เพียงคนเดียว
เซียวยวี่ยืนอยู่หน้าประตูใหญ่จู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง เมื่อก่อนเด็กสองคนตามเขาไม่เคยห่าง!
เซี่ยยวี่หลัวหิ้วถังใส่มูลสัตว์ไปยังที่นาเมื่อเห็นต้นกล้าถั่วที่เติบโตเต็มพื้นที่ ภายในใจก็รู้สึกยินดียิ่งนัก ตอนนี้ก็เดือนห้าแล้วเดือนหน้าต้นกล้าถั่วจะผลิดอก เดือนเจ็ดก็กินถั่วแระต้มได้แล้ว
ในภพก่อน เวลาเซี่ยยวี่หลัวกินมื้อดึกเป็ครั้งคราวก็มักจะสั่งถั่วแระต้มหนึ่งจาน
หยิบถั่วแระขึ้นมาหนึ่งเม็ดใช้ฟันกัดทีหนึ่ง มือออกแรงบีบ ถั่วเม็ดหนึ่งก็ถูกบีบเข้าปาก เคี้ยวสองที กลิ่นหอมของถั่วและรสชาติของเครื่องปรุงก็เข้ามาอยู่ในปากแล้วดื่มเบียร์สักหนึ่งแก้ว รสชาตินั้นช่างถึงอกถึงใจจริงๆ ยังมีหอยขม ปลาย่าง ของปิ้งย่างนานาชนิด...
แค่คิดดู ก็แทบน้ำลายไหลแล้ว
่ที่ถั่วกำลังเจริญเติบโตต้องได้รับปุ๋ยอย่างเพียงพอปกติเซี่ยยวี่หลัวจะเก็บสะสมปุ๋ยคอกจำนวนหนึ่ง ทุกครึ่งเดือนจะใส่ปุ๋ยหนึ่งครั้ง
ไม่ได้มาแค่ห้าถึงหกวันในที่นามีหญ้ารกขึ้นอีกไม่น้อย เซี่ยยวี่หลัวก้มตัวถอนหญ้าจากคันนาเข้าไปในที่นาทีละนิด
ต้นกล้าถั่วเติบโตอย่างหนาแน่น ภายในที่นาเต็มไปด้วยใบไม้สีเขียวมรกตเซี่ยยวี่หลัวก้มตัว แหวกใบไม้ ถอนหญ้าบนพื้น นางถอนไปเรื่อยๆ จนเดินไปถึงตรงกลางที่นาโดยไม่รู้ตัว
เซี่ยยวี่หลัวยังคงก้มตัวใต้เท้ามีหญ้าต้นใหญ่ เซี่ยยวี่หลัวยื่นมือเข้าไปในดงหญ้า จับหญ้ารกไว้กำลังจะออกแรงถอน
เพียงแต่ คราวนี้สิ่งที่ััโดนไม่ใช่หญ้าแข็งๆแต่เป็ของอ่อนนุ่ม เย็นเยียบ มองผ่านช่องระหว่างใบหญ้า งูตัวเล็กสีเขียวมรกตเลื้อยผ่านข้างเท้าเซี่ยยวี่หลัวไปจนเกิดเสียง"สวบ"
เย็นเยียบ และลื่นไหล เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกขนหัวลุกขนลุกไปทั้งตัว
"อ๊า..." เซี่ยยวี่หลัวส่งเสียงร้องดังลั่นส่งเสียงร้องพร้อมเหยียบต้นกล้าถั่ววิ่งขึ้นบนพื้นราบ
เด็กสองคนกำลังเล่นอยู่ตรงคันนาได้ยินเสียงร้องของพี่สะใภ้ใหญ่ ใจนสติแทบเตลิด หันไปก็เห็นพี่สะใภ้ใหญ่จับกระโปรงวิ่งไปทางบ้านอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์
"พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ท่านเป็อะไรไป? " เด็กสองคนก็ใ ไม่รู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวเป็อะไรวิ่งตามเซี่ยยวี่หลัวไม่หยุด
เซี่ยยวี่หลัวกลัวงู!
นางกลัวงูเป็ที่สุด
เมื่อครู่งูนั่นอยู่ตรงหน้านางและนางก็ััโดนมันด้วย เซี่ยยวี่หลัวกลัวจนหัวใจแทบหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้