จ้านอู๋มิ่งและพรรคพวกรวดเร็วยิ่งนัก หยิบแผนที่ที่จู้เชียนเชียนมอบให้ นำมาเปรียบเทียบกับแผนที่เดินเรือของสำนักบริบาลเดรัจฉานเอง หลีกเลี่ยงสถานที่เปี่ยมอันตรายมากมายหลายแห่ง และก็สามารถลดปัญหาลงได้มากมายเช่นกัน ก่อนที่จะประสบกับอันตราย จ้านอู๋มิ่งมักจะแจ้งเตือนล่วงหน้าเสมอ ทำให้คนบนเรือเร่งรีบเดินทางถึงบริเวณเกาะแรกโดยไม่เกิดการสูญเสีย
ยามนี้ จ้านอู๋มิ่งรู้สึกได้รางๆ ว่ากำลังถูกจับตาดูอยู่ ส่วนความรู้สึกนี้มาจากที่ใด เขาเองก็มิสามารถบอกได้ ในน่านน้ำมหาสมุทรที่เต็มไปด้วยม่านหมอกนี้ ข้อจำกัดของทัศน์วิสัย ทำให้ทุกคนมองได้ไม่ไกลนัก พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาก็ไม่ได้ััว่ามีเรือลำอื่นอยู่ใกล้ ๆ
“เกรงว่าจะมีสิ่งที่อันตรายยิ่งนักบนเกาะแห่งนี้!” จ้านอู๋มิ่งสูดลมหายใจคราหนึ่งแล้วกล่าวขึ้น
“ััที่หกอีกแล้วเหรอ?” ต้วนหลิวฉางถามด้วยความประหลาดใจ
“นับว่าใช่ก็แล้วกัน ข้ารู้สึกเหมือนถูกจ้องมองโดยบางสิ่ง” จ้านอู๋มิ่งกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ทุกคนเตรียมพร้อมไว้ อย่าได้เคลื่อนไหวคนเดียว” ตู้เยว่ิยอมรับในััที่หกของจ้านอู๋มิ่งยิ่งนัก ก็เพราะััที่หกอันน่ามหัศจรรย์ของจ้านอู๋มิ่ง พวกเขาจึงแคล้วคลาดจากอันตรายมาหลายครั้ง
“เกาะนี้ไม่ใหญ่นัก พวกเราเวียนดูรอบๆ เกาะกันสักรอบ ดูว่าจะมีจุดลงจอดที่ดีกว่านี้หรือไม่” จ้านอู๋มิ่งไม่้าพลาดโอกาสใดๆ ที่จะขึ้นเกาะ ที่นี่คือสถานพำนักของคุนเผิง ห่างหายจากผู้คนนานนับหมื่นปี น่านน้ำมหาสมุทรแถบนี้พลังธรรมชาติอุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง ในสถานที่ที่มีพลังธรรมชาติมากมายเช่นนี้ มิรู้จะมีสมบัติทางธรรมชาติมากมายเพียงใด เกรงว่าแค่หยิบสมุนไพรต้นใดต้นหนึ่งขึ้นมาง่ายๆ จำนวนปีของมันก็คงจะเหนือกว่าสมุนไพรข้างนอกมากจนสุดกู่
เกาะแห่งนี้ไม่ใหญ่มากนัก รัศมีไม่เกินร้อยลี้ ใช้เวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้นเรือเหาะก็โคจรรอบเกาะแล้ว เกาะนี้ปกคลุมไปด้วยต้นไม้เขียวขจีและต้นไม้โบราณเก่าแก่ พืชพรรณอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก มองจากไกลๆ ท่ามกลางละอองไอน้ำ ไม่สามารถจะมองเห็นภัยคุกคามที่ซุ่มซ่อนอยู่ในพืชพรรณได้เลย
หลังจากที่ทุกคนเวียนรอบเกาะมารอบหนึ่ง ก็พบจุดลงจอดที่ดี นั่นคือบริเวณด้านหลังของเกาะ มีหาดทรายสีทองแห่งหนึ่ง
เป็ครั้งแรกที่จ้านอู๋มิ่งได้เห็นชายหาดที่สวยงามระยิบระยับพราวตาเช่นนี้ ข้างบนนี้มิใช่ทรายธรรมดาทั่วไป มองดูจากที่ไกลๆ กลับเป็เป็หาดทรายสีทองที่สะสมจากเม็ดทรายทองคำจริงๆ
ทุกคนบนเรือมองทรายสีเหลืองด้วยความใ นี่มันเื่อะไรกัน ถ้าขนเม็ดทรายทองคำทั้งหมดนี้กลับไป สามารถหล่อเป็เหรียญทองได้จำนวนมากมายเพียงใดกัน? สถานพำนักของคุนเผิงนี้มั่งคั่งมากเกินไปแล้ว!
“ข้ามิได้ฝันไปหรอกกระมัง? พวกเราร่ำรวยแล้ว!” เฉินอวิ๋นหู่ตบๆ หน้า ดวงตาเปล่งประกายวาว
“รีบลงไป ทรายทองคำมากมายเพียงนี้ ไม่เอาก็น่าเสียดายแล้ว!” ดวงตาของต้วนหลิวฉางก็มีดาวดวงน้อยๆ เต็มไปทั้งหมด
จ้านอู๋มิ่งตบๆ ปาก เขารู้สึกนอกเหนือความคาดหมายมาก หาดทรายสีทองนี้มีทองคำมากมายเท่าไร ทันใดนั้น สีหน้าจ้านอู๋มิ่งแปรเปลี่ยนแล้ว คำรามเสียงทุ้มว่า “มิถูกต้อง!”
“ตูมมม!” เรือเหาะโดนกระแทกอย่างรุนแรง หลายคนบนเรือถูกสะบัดกระเด็นลอยออกไปพร้อมกัน
“เป็ภาพมายา!” จ้านอู๋มิ่งอุทานเบาๆ
ที่นี่จะมีทรายทองคำมากมายขนาดนี้เป็ไปไม่ได้เด็ดขาด เกาะแห่งนี้มิใช่ถูกค้นพบเป็ครั้งแรก หากเป็ทรายทองคำ ไหนเลยจะเหลืออยู่ถึงตอนนี้? ดังนั้นชายหาดนี้ถ้ามิใช่ของปลอมก็ต้องเป็กับดัก
“ชนเผ่าสมุทร!” ตู้เยว่ิถูกโจมตีจนมีสติแจ่มใสกลับคืนมา เมื่อครู่ทุกคนทั้งหมดในเรือล้วนถูกโจมตีด้วยวิชาสะกดจิตของฝ่ายตรงข้ามจนมองเห็นภาพลวงตา หากมิใช่จ้านอู๋มิ่งคำรามเสียงต่ำ ทำให้ทุกคนสะดุ้งจนได้สติกลับคืนมา เกรงว่าเวลานี้ล้วนเสียชีวิตหมดสิ้นแล้ว
จ้านอู๋มิ่งคำรามเสียงต่ำคำหนึ่ง ร่างกายราวกับลูกธนูหลุดจากแล่ง ทะยานใส่อสุรกายร่างมนุษย์ที่ะโขึ้นมาบนเกาะ
ชนเผ่าสมุทรถือได้ว่าเป็ราชวงศ์ของเมืองสิ้นโลก คิดไม่ถึงว่าแม้กระทั่งชนเผ่าสมุทรก็มาที่สถานพำนักของคุนเผิงแล้ว
“เผ่ามนุษย์ ล้วนต้องตายหมดสิ้น!” ชนเผ่าสมุทรที่เป็หัวหน้า เส้นผมสีน้ำเงินพลิ้วไหวเองโดยมิต้องพึ่งกระแสลม กลุ่มสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายมนุษย์รอบตัวเขาถือคันศรรูปฟันแปลกๆ อยู่ในมือ ยิงลูกศรกระดูกสีน้ำเงินออกมารอบหนึ่ง
หากมิใช่จ้านอู๋มิ่งปลุกให้ตื่นได้ทันเวลา ช่วยดึงตู้เยว่ิและพวกออกมาจากภาพมายา เกรงว่าเพียงแค่หลังจากลูกศรระลอกนี้ผ่านไปแล้ว พวกเขาทั้งหมดต้องหลั่งเืดับสูญแล้ว ลูกศรกระดูกทุกอันเปล่งประกายแสงสีน้ำเงินจางๆ เห็นได้ชัดว่าเป็พิษรุนแรง ขอเพียงสะกิดผิวเล็กน้อย คาดว่าอย่างไรก็ต้องสาหัส
“ชนเผ่าสมุทรที่สมควรตาย!” ตู้เยว่ิด่าเสียงต่ำคำหนึ่ง
สิ่งที่ทำให้พวกเขากระเด็นออกจากเรือเหาะเมื่อครู่ก็คืออาวุธสามง่ามขนาดใหญ่เล่มหนึ่ง มันก็คืออาวุธประจำตัวของหัวหน้าชนเผ่าสมุทร
“ติง ติง ติง…” ทุกคนรีบปัดลูกธนูกระดูกออก ทะยานร่างหดกลับเข้าไปในเรือเหาะอีกครั้ง เรือเหาะของพวกเขาคืออาวุธจิติญญาระดับกลาง ถึงแม้พลังทะลุทะลวงของลูกศรกระดูกจะแข็งแกร่งยิ่งนัก แต่ว่าเรือเหาะยังคงสามารถปกป้องร่างกายของทุกคนได้
“ราชวงศ์ชนเผ่าสมุทร!” ฉินเฮ่าหรานอุทานใขึ้นคำหนึ่ง
ตำนานเล่าขาน ชนเผ่าสมุทรมีร่างมนุษย์อยู่แล้ว ฐานบ่มเพาะระดับราชันาขึ้นไป สามารถแปลงร่างได้ สายเืของราชวงศ์มีเกียรติและสูงส่งอย่างยิ่ง เส้นผมเป็สีน้ำเงินดุจน้ำทะเลก็มิปาน เชี่ยวชาญวิชาสะกดจิต สร้างภาพลวงตา สามารถควบคุมความรู้สึกนึกคิดของผู้อื่นจากระยะไกล เมื่อสักครู่ก็เพราะราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรสะกดจิตพวกเขาแล้วจนเกิดภาพลวงตา สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ ชนเผ่าสมุทรเปี่ยมพร์ การโจมตีด้วยเสียงที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก สามารถสังหารคนอย่างไร้ร่องรอย
“ตูมมม!” ขณะที่ฉินเฮ่าหรานยังคงตกตะลึงอยู่ หมัดของจ้านอู๋มิ่งได้ชกกระหน่ำลงอย่างหนักหน่วงรุนแรงจนเกิดเสียงดังตูมลงบนสามง่ามเล่มนั้น พลังโจมตีแสนหนักหน่วง ชนเผ่าสมุทรเส้นผมสีน้ำเงินที่อยู่ตรงกลางกระจายออกรอบทิศทาง ชนเผ่าสมุทรตัวเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้างถูกคลื่นพลังโหมกระหน่ำจนสะท้านะเืกระเด็นออกไปอย่างกะทันหัน
ร่างของจ้านอู๋มิ่งเด้งขึ้นคราหนึ่ง ตีลังกาหลายรอบกลางอากาศ ชนเผ่าสมุทรเส้นผมสีน้ำเงินก็ถูกหมัดของจ้านอู๋มิ่งกระหน่ำจมลงไปในหาดทรายตรงๆ
“ฆ่า!” ตู้เยว่ิไม่คิดว่าจ้านอู๋มิ่งจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ภายใต้การโจมตีเพียงครั้งเดียวกลับกระหน่ำจนราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรจมลงไปในหาดทรายเสียงดังตูม พวกเขามองท่าทางอันตราย มิคำนึงถึงชีวิตของจ้านอู๋มิ่ง ล้วนรู้สึกครั่นคร้ามอยู่บ้าง คนผู้นี้เฉกเช่นผู้กล้าที่ยอมเสี่ยงชีวิตตรงๆ อย่างบ้าบิ่น มิพูดจาแม้แต่คำเดียว พอจะออกตัวก็ลงมือต่อสู้เลยทันที
“เผ่ามนุษย์ เ้าทำให้ข้าโกรธแล้ว!” ราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรตวาดเสียงต่ำคำหนึ่ง
เสียงของเขาถูกขัดจังหวะลงอย่างรวดเร็ว จ้านอู๋มิ่งพูดอย่างดูแคลน “องค์ชายราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรตัวน้อยผู้หนึ่งกลับกล้าหยิ่งผยองถึงเพียงนี้”
ยามนี้จ้านอู๋มิ่งจึงได้รู้ ไม่แปลกใจเลยที่เขารู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังจ้องมองเขาอยู่เมื่อครู่นี้ ชนเผ่าสมุทรเกิดมาพร้อมกับความสามารถในการขับเคลื่อนสัตว์ทะเล ความรู้สึกของการถูกจับตามอง คงเป็ชนเผ่าสมุทรที่ขับฝูงปลาไปสอดแนมตนอย่างแน่นอน
ร่างของจ้านอู๋มิ่งเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศ กระหน่ำลงอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง เฉกเช่นอุกกาบาตที่ตกลงมาจากนอกโลกก็มิปาน กระหน่ำใส่ชนเผ่าสมุทรเส้นผมสีน้ำเงินอีกครั้ง
จ้านอู๋มิ่งใช้พลังทั้งหมดของร่างกาย กระหน่ำจากที่สูงลงมาอย่างรุนแรง พลังการโจมตีของหมัดนี้หนักหน่วงและรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม องค์ชายจากราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรคิดไม่ถึงว่า ในบรรดาเผ่ามนุษย์กลับมีคนที่กายเนื้อแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เมื่อครู่จ้านอู๋มิ่งจู่ๆ ก็จู่โจมอย่างกะทันหัน พลังมหาศาลนั่นทำให้เขารู้สึกเสียเปรียบและคับข้องใจ ชนเผ่าสมุทรเป็ที่รู้จักในด้านความแข็งแกร่งมาโดยตลอด ทวนสามง่ามเป็อาวุธที่มีน้ำหนักมาก เมื่อครู่กลับถูกจ้านอู๋มิ่งชกจนแทบกระเด็นออกไปด้วยหมัดเดียว ตัวเขาเองถูกกระแทกจนเืลมพลุ่งพล่าน สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นตระหนก
หรือว่าเผ่ามนุษย์แปรเปลี่ยนไปแล้ว มีพลังร้ายกาจมากเพียงนี้แล้ว ฝึกปรือร่างกายจนแข็งแกร่งยิ่งนัก ดูแล้ว ชนเผ่าสมุทรคงฝึกฝนอยู่แต่ในทะเลลึกมานานเกินไปแล้ว มองฟ้าจากก้นบ่อจนล้าหลัง ถูกมนุษย์แซงหน้า มิอาจหวนคืนสู่ความรุ่งโรจน์ดังเก่าก่อนอีกต่อไป!
ตำนานเล่าขาน เนิ่นนานมาแล้ว ชนเผ่าสมุทรเคยบุกโจมตีแผ่นดินใหญ่อย่างอุกอาจ ศึกาครั้งนั้นเป็โศกนาฏกรรมที่น่าเศร้ายิ่งนัก สุดท้าย ชนเผ่าสมุทรเนื่องจากไม่สันทัดการรบทัพจับศึก ทำาทางบก จึงพ่ายแพ้ถอยทัพกลับสู่น่านน้ำมหาสมุทรวันสิ้นโลก เผ่ามนุษย์ก็สถาปนาเมืองวันสิ้นโลกในเวลานั้นขึ้นมาด้วยเช่นกัน อาศัยแคว้นเดียวปกครองกองกำลังมากกว่าสิบราชวงศ์ ปิดผนึกเส้นทางขึ้นฝั่งของชนเผ่าสมุทรมิให้ขึ้นฝั่งได้อีก ถึงแม้ชนเผ่าสมุทรจะพ่ายแพ้แล้วในการศึกครั้งนั้น แต่นั่นก็เป็สัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งของชนเผ่าสมุทรเช่นกัน! ภายหลังชนเผ่าสมุทรเห็นจุดอ่อนของตนเองชัดเจน จึงไม่ขึ้นฝั่งเพื่อท้าทายยั่วยุอีกต่อไป แต่ชนเผ่าสมุทรและเผ่ามนุษย์ก็ได้สร้างความเป็ปฏิปักษ์ต่อกันแล้ว เพราะศึกาในครั้งนั้น
“ตูมมม!” จ้านอู๋มิ่งกระหน่ำโจมตีใส่อาวุธขององค์ชายชนเผ่าสมุทรอย่างรุนแรงหนักหน่วงอีกครั้ง ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของทุกคน ทวนสามง่ามเล่มนั้นกลับถูกจ้านอู๋มิ่งใช้หมัดเดียวทุบกระหน่ำจนกระเด็นออกไป ท่ามกลางเสียงคำรามอย่างโกรธแค้นของบรรดาชนเผ่าสมุทร จ้านอู๋มิ่งกับชนเผ่าสมุทรเส้นผมสีน้ำเงินเกิดปะทะกันขึ้นมา
“อ๊าาา…” องค์ชายราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรร้องเสียงแหลมเล็กออกมา เสียงนั้นดูเหมือนจะทะลุทะลวงผ่านอุปสรรคทั้งมวล ะเิเสียงแทรกเข้าไปในห้วงคำนึงของทุกคนโดยตรงทันที
ทุกคนรู้สึกใจสั่นระรัวขึ้นวูบหนึ่ง รู้สึกสองตาดำมืด ตู้เยว่ิฝืนเร่งเร้าพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ขึ้นคราหนึ่ง พลันส่งเสียงคำรามลั่นออกมาคำหนึ่ง รบกวนเสียงที่ดูเหมือนจะดังก้องอยู่ทุกหนทุกในอากาศอย่างเต็มฝืน
“พึ่บ!” จ้านอู๋มิ่งกระอักเืออกมาคำหนึ่ง
เสียงกรีดร้องของชนเผ่าสมุทรเหมือนค้อนขนาดใหญ่กระหน่ำลงบนจิติญญาของเขา อาการวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรงเช่นนั้นทำให้เขารู้สึกตื่นตระหนก
เสียงกรีดร้องมรณะ เป็พร์เหนือธรรมชาติของชนเผ่าสมุทร
เสียงคำรามอันรุนแรงของตู้เยว่ิ ทำให้จิตใจของหลายคนแจ่มใสขึ้นมาทันที เวลานี้พวกเขาจึงได้เห็น จ้านอู๋มิ่งได้กระแทกเผ่าสมุทรเส้นผมสีน้ำเงินล้มลงกับพื้น ชนเผ่าสมุทรที่เหลือก็ถูกวิธีการต่อสู้แบบมิคำนึงถึงชีวิตชนิดนี้ของจ้านอู๋มิ่ง ทำให้ใจนตะลึงไปแล้ว ไม่ทราบว่าควรจะโจมตีตู้เยว่ิและคนอื่นๆ ต่อ หรือว่าสมควรไปดึงตัวองค์ชายและจ้านอู๋มิ่งออกจากกัน
ตอนที่จ้านอู๋มิ่งและองค์ชายของราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรแยกออกจากกัน มือคว้าเส้นผมสีน้ำเงิน ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป จ้านอู๋มิ่งลงมืออย่างกะทันหัน จนถึงม้วนตัวตีลังกากลางอากาศเพื่อโจมตีครั้งที่สอง กระหน่ำจนองค์ชายราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรล้มลง ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ตู้เยว่ิและคนอื่นๆ ยังมิทันได้ะโลงจากเรือเหาะ จ้านอู๋มิ่งก็เด็ดศีรษะที่มีผมสีน้ำเงินออกมาแล้ว
ถึงแม้องค์ชายของราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรจะมีพร์ด้านวิชาสะกดจิตและสร้างภาพมายา รวมทั้งเสียงกรีดร้องมรณะแสนร้ายกาจ แต่เขาประเมินบรรดาเผ่ามนุษย์หลายคนตรงหน้านี้ต่ำไป จ้านอู๋มิ่งพอขึ้นมาก็ใช้พลังดุจขุนเขามหาบรรพตกดทับ กระหน่ำโจมตีอย่างต่อเนื่อง ไม่เหลือโอกาสใดๆ ให้เขาใช้ความสามารถและพร์ จะมีก็เพียงครั้งเดียวที่ใช้เสียงกรีดร้องมรณะและก็ยังเป็ชั่วขณะที่จ้านอู๋มิ่งทำให้เขาล้มลง แต่ว่ามันสายเกินไปแล้ว ระยะห่างระหว่างคนทั้งคู่ใกล้เกินไป แม้ว่าจ้านอู๋มิ่งจะได้รับาเ็จากเสียงกรีดร้องมรณะของตน แต่เขาก็ไม่สามารถต้านทานร่างกายที่ทรงพลังและอันตรายของจ้านอู๋มิ่งได้ ดังนั้นองค์ชายราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรจึงกลายเป็ิญญาเฝ้าสมุทรอย่างคับแค้นเศร้าใจยิ่งนัก
จ้านอู๋มิ่งนำศีรษะขององค์ชายของชนเผ่าสมุทรใส่เข้าในแหวนจักรวาลอย่างไร้ความเกรงใจ เวลานี้ทุกคนจึงได้สังเกตเห็นว่าองค์ชายราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรกลับมีฐานบ่มเพาะราชันาสองดาว ส่วนก่อนหน้าฐานบ่มเพาะถูกสถานพำนักคุนเผิงสะกดข่มเหลือระดับใด คนตกตายไป จึงมิอาจทราบแล้ว
“ฆ่า!” การตายขององค์ชายราชวงศ์ชนเผ่าสมุทร ทำให้ชนเผ่าสมุทรสั่นสะท้านแล้ว ตู้เยว่ิและคนอื่นๆ ไม่ลังเลอีกต่อไป เปิดถุงสัตว์จิติญญาเรียกสัตว์ร้ายคู่หูออกมา เก้าคนและสัตว์ร้ายเก้าตัวพุ่งเข้าใส่ชนเผ่าสมุทรกลุ่มนี้ ซึ่งฐานบ่มเพาะมากที่สุดก็แค่ปรมาจารย์นักยุทธ์สูงสุดเท่านั้นทันที คนเหล่านี้ล้วนเป็ทรัพยากรบุคคลชั้นสูงของสำนักทั้งสิ้น ไม่มีชนเผ่าสมุทรแม้แต่คนเดียวสามารถหยุดพวกเขาได้ ชนเผ่าสมุทรหลายสิบตนถูกฆ่าตายหมดสิ้นในพริบตาเดียว
จ้านอู๋มิ่งหยิบถุงเก็บของและทวนสามง่ามขององค์ชายราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรลงในกระเป๋าจักรวาลของตน สำหรับชนเผ่าสมุทรระดับปรมาจารย์นักยุทธ์เ่าั้ จ้านอู๋มิ่งไม่แยแส
“เสียงกรีดร้องของคนผู้นี้รุนแรงเกินไปแล้ว” จ้านอู๋มิ่งส่ายหน้า ยังรู้สึกมึนศีรษะอยู่ส่วนหนึ่ง
จ้านอู๋มิ่งเคยทำความเข้าใจอย่างละเอียดต่อชนเผ่าสมุทร พร์และพลังเหนือธรรมชาติของราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรแทบจะไร้เทียมทานในขอบเขตเดียวกัน การโจมตีด้วยเสียงของพวกเขาทะลุทะลวงได้ทุกแห่งหน ฆ่าคนอย่างไร้ร่องรอยและไร้วิธียับยั้ง ดังนั้น เมื่อจ้านอู๋มิ่งพบว่าในหมู่ชนเผ่าสมุทรกลับมีเชื้อราชวงศ์อยู่ด้วย จึงรีบเร่งจู่โจมด้วยพลังสุดกำลังโดยมิต้องพิจารณา รวดเร็วปานสายฟ้าฟาดต่อองค์ชายราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรทันที จัดการสังหารก่อนที่จะใช้พลังเหนือธรรมชาติ มิฉะนั้น เพียงแค่อาศัยเสียงกรีดร้องมรณะก็เป็การสังหารหมู่ที่ไร้เทียมทาน ส่งผลกระทบกระเทือนต่อจิตสมาธิของทุกคน ต่อให้เป็เพียงชั่วขณะ ชนเผ่าสมุทรตนอื่นๆ ก็สามารถสังหารศิษย์พี่หลายคนเสียชีวิตแล้ว
การโจมตีของจ้านอู๋มิ่งบรรลุผลสำเร็จตามความคาดหมาย องค์ชายราชวงศ์ชนเผ่าสมุทรยังมิทันมีเวลาได้เปล่งเสียงกรีดร้องมรณะอย่างสมบูรณ์ ก็ถูกขัดจังหวะเสียก่อนด้วยการจู่โจมของจ้านอู๋มิ่ง จึงมิทันได้สร้างปัญหายุ่งยากใหญ่โตให้กับตู้เยว่ิและคนอื่นๆ