คุณปู่จ้าวอายุมากขนาดนี้แล้ว แต่กลับถูกบีบคั้น กดดัน และโดนเล่นงานสารพัด กระนั้นอีกฝ่ายยังคงมีใจคิดรักษาคนป่วย เซี่ยโม่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกะเืใจ
ต้องมีหมอที่มีคุณธรรมเช่นนี้แหละ ประเทศจีนถึงจะรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป วิชาแพทย์แผนจีนจะได้คงอยู่ไปอีกหลายพันปี!
คุณปู่จ้าวคือหมอที่มีจิติญญาความเป็หมอเต็มเปี่ยม!
เธอคิดเช่นนั้น พร้อมรู้สึกแสบร้อนที่ดวงตา
ซ่งมู่ไป๋เองก็รู้สึกประทับใจเช่นกัน
มีแค่เฉินเฟิงตัวน้อยเท่านั้นที่เข้าไม่ถึงความลึกซึ้งของเื่นี้ เด็กชายมองคุณปู่จ้าวอย่างเลื่อมใส รู้สึกว่าคุณปู่จ้าวช่างเป็บุคคลที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน
เวลานี้เองคุณตาคุณยายก็กลับมาจากทำงาน ทุกคนส่งยิ้มให้แก่กัน บรรยากาศพลันดูชื่นมื่น
ซ่งมู่ไป๋มอบอาหารกระป๋องให้สองสามีภรรยาจำนวนสี่กระป๋อง เป็ผลไม้สองกระป๋อง และเนื้อวัวอีกสองกระป๋อง พร้อมกับพูดอย่างเกรงอกเกรงใจว่า “นี่เป็น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากผมครับ”
อู๋กวงเต๋อต่อว่าอย่างไม่จริงจังนัก “เธอนี่ แค่มากินข้าวมื้อเดียว เกรงใจอะไรกัน”
ซ่งมู่ไป๋เอ่ยเย้า “คุณตา ผมมาขอข้าวกินมื้อเดียวที่ไหน ผมคิดว่าจะมาขอข้าวกินทุกวันเลยต่างหาก หากคุณไม่รับเอาไว้ ต่อไปผมจะกล้ามาขอข้าวกินได้ยังไง”
ทุกคนพากันหัวเราะอย่างชอบใจ
คุณปู่จ้าวเอากระสอบข้าวสองสามกิโลและปลาเค็มอีกสองตัวออกมาจากในกระเป๋าสะพาย ก่อนจะถามหยั่งเชิงว่า “นี่เป็ของที่คนไข้ให้มา ฉันขอพักอยู่ที่นี่สักสามสี่วันได้ไหม”
อู๋กวงเต๋อตอบด้วยน้ำเสียงจริงใจ “พี่จ้าว โม่โม่เล่าให้ผมฟังแล้ว พี่จ้าวเป็คนสอนเื่สมุนไพรให้หลานผม โบราณกล่าวไว้ว่า เป็ศิษย์อาจารย์แค่วันเดียวก็ถือว่าเป็ศิษย์อาจารย์กันตลอดไป พี่คืออาจารย์ของหลานสาวผม อย่าว่าแต่พักอยู่ที่นี่สองสามวันเลย พักตลอดไปก็ยังได้”
คุณยายยิ้มพลางพูดเสริม “พี่จ้าว พี่พักอยู่ที่นี่อย่างสบายใจได้เลย”
ก่อนหน้านี้แม้เซี่ยโม่จะพูดเชิญเขามาเป็แขกที่บ้านอย่างกระตือรือร้นมากแค่ไหน ทั้งยังบอกอีกว่าคุณตาคุณยายเป็คนใจดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ก็ยังรู้สึกเกรงใจอยู่ดี มาวันนี้ได้ยินอู๋กวงเต๋อพูดเช่นนี้ เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเซี่ยโม่ถึงเป็เด็กที่จิตใจดีและใจกว้าง ที่แท้ได้รับมาจากตากับยายนี่เอง
เซี่ยโม่ทราบดีว่า คุณปู่จ้าวคงไม่อยากมากินข้าวที่นี่โดยไม่มีสิ่งตอบแทน ก็เลยเอาของติดไม้ติดมือมาด้วย
“คุณปู่จ้าว คุณเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ”
อู๋กวงเต๋อพูดต่อ “พี่จ้าว คราวที่แล้วพี่ก็ให้ของโม่โม่ ตอนนี้ยังเอาของมาอีก วันหลังไม่ต้องแล้วนะ”
เหล่าจ้าวฟังแล้วรู้สึกงุนงงไม่น้อย
คราวที่แล้วโม่โม่ทั้งให้อาหารกับเงินเขา เขาไม่ได้ให้อะไรเลยสักอย่าง ขณะกำลังจะเอ่ยถาม กลับถูกเซี่ยโม่ที่มีเหงื่อซึมเต็มแผ่นหลังตัดบทเสียก่อน
“คุณตา คุณปู่จ้าว เื่ที่ผ่านไปแล้วก็ช่างมันเถอะค่ะ กินข้าวกันดีกว่าค่ะ” พูดจบก็หมุนตัวเดินไปยังห้องครัว
ทุกคนถึงเปลี่ยนไปคุยเื่อื่น ไปล้างมือและมานั่งที่โต๊ะกินข้าว
ซ่งมู่ไป๋มองตามแผ่นหลังของเด็กสาวที่กำลังเดินออกไป เมื่อครู่เธอหลบตา แสดงว่ามีเื่ปิดบัง
เซี่ยโม่เดินเข้าห้องครัวเพื่อยกน้ำแกงกระดูกหมูหน่อไม้กับเมี่ยนปิ่งออกไปที่โต๊ะ
ถั่วฝักยาวที่อยู่ในหม้อต้มสุกแล้ว แตงกวาก็ถูกหั่นแล้วเรียบร้อย
อาหารถูกยกมาวางบนโต๊ะ ส่งกลิ่นหอมชวนให้ผู้คนน้ำลายไหล
อู๋กวงเต๋อเทเหล้าใส่แก้วให้ซ่งมู่ไป๋ ก่อนจะชูแก้วขึ้น “นานๆ ทีพวกเราจะได้กินข้าวด้วยกันสักมื้อ ทุกคนดื่มให้เต็มที่…”
คุณปู่จ้าวชูแก้วขึ้นเช่นกัน ขณะกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง กลับได้ยินเสียงคนะโที่หน้าประตูเสียก่อน “เหล่าอู๋ ฉลองอะไรกัน กลิ่นอาหารหอมมากเลย”
อู๋กวงเต๋อชะงักก่อนจะเดินไปดู เมื่อเปิดประตูออกไปก็พบกับผู้ใหญ่บ้าน ที่ตามมาด้านหลังคือสาวใหญ่บ้านข้างๆ
คนที่ะโเรียกเมื่อครู่นี้คือสาวใหญ่บ้านข้างๆ นั่นเอง
ในสมองเขาเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม มันเกิดอะไรขึ้นละเนี่ย
ผู้ใหญ่บ้านเป็คนดี มักจะคอยดูแลเขากับคู่ชีวิต แต่วันนี้กลับพาคนมาบ้านเขาตอนกำลังจะกินข้าว นี่มันหมายความว่าอย่างไร
“ผู้ใหญ่บ้าน มีธุระเหรอ เข้ามาคุยกันก่อนสิ”
เห็นอู๋กวงเต๋อเดินออกไปดู ทุกคนรู้สึกสงสัย จึงเดินตามออกไปเช่นกัน
เซี่ยโม่ไม่เคยเจอผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านเซิ่งลี่ แต่เมื่อได้ยินคุณตาเรียกคนที่มาว่าผู้ใหญ่บ้าน เธอมองอีกฝ่ายอย่างพิจารณา
ผู้ใหญ่บ้านอายุประมาณสี่สิบกว่า รูปร่างไม่สูง หุ่นอวบอ้วนแต่ก็ดูแข็งแรง
ผู้ใหญ่บ้านเดินเข้ามาในบริเวณบ้าน มองสำรวจไปรอบๆ ถึงค่อยเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ “ที่บ้านมีแขกอยู่งั้นเหรอ คนเหล่านี้คือ?”
อู๋กวงเต๋อแนะนำให้รู้จักด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “นี่คือคุณหมอจ้าวจากในตำบล เขาเป็อาจารย์สอนเื่สมุนไพรของโม่โม่ ส่วนนี่คือพ่อหนุ่มซ่ง ทำงานอยู่ที่สถานีรถไฟ ก่อนหน้านี้เขาเป็คนช่วยชีวิตเฉินเฟิงเอาไว้”
ผู้ใหญ่บ้านพิจารณาแขกทั้งสองคน หมอจ้าวอายุเยอะพอสมควร ใบหน้าดูเปี่ยมเมตตา ทำให้ใครที่ได้เห็นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีด้วย
ส่วนพ่อหนุ่มซ่ง หน้าตาท่าทางเต็มไปด้วยความยุติธรรมถูกต้อง
ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านมองแขกทั้งสองคนอย่างพิจารณา แขกทั้งสองคนก็มองสำรวจผู้ใหญ่บ้านเช่นกัน
แววตาของผู้ใหญ่บ้านซื่อตรง ดูเป็คนซื่อสัตย์
ในขณะที่สาวใหญ่ที่ตามมาด้วยกลับมีสายตาเ้าเล่ห์ เธอเองก็มองสำรวจแขกทั้งสองคนเช่นกัน แต่ตอนที่มองซ่งมู่ไป๋ สายตากลับหยุดนิ่งอยู่นานกว่าคนอื่น ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ขอโทษด้วย รบกวนแล้ว” ผู้ใหญ่บ้านพูดอย่างเกรงใจ
คนในบ้านเซี่ยโม่และแขกทั้งสองคน ต่างมองผู้มาใหม่ด้วยความสงสัย
เมื่อเข้ามาในบ้าน ผู้ใหญ่บ้านมองไปยังโต๊ะอาหาร ก่อนจะมองสำรวจรอบๆ บ้าน จากนั้นหันไปถลึงตาใส่คนที่มาด้วย แล้วค่อยอธิบายว่า “เหล่าอู๋ คือเื่มันเป็แบบนี้ เพื่อนบ้านนายบอกว่านายล่าสัตว์กลับมาได้หลายตัว ที่บ้านนายมักจะมีกลิ่นหอมของเนื้อสัตว์ลอยออกไป เพื่อพิสูจน์เื่นี้ วันนี้ฉันถึงได้มาที่นี่ ฉันไม่รู้ว่าวันนี้นายมีแขก งั้นฉันกลับก่อน ต้องขอโทษด้วยนะที่มารบกวน”
ไม่เพียงผู้ใหญ่บ้านที่เห็นอาหารบนโต๊ะหมดแล้ว สาวใหญ่เพื่อนบ้านก็เห็นเช่นกัน มีเนื้อก็จริง แต่เป็แค่กระดูกหมูและเนื้อหมูเท่านั้น
เธอยังโกรธเื่ครั้งที่แล้วไม่หาย เมื่อไรที่มีเวลาว่างก็มักจะไปพูดคุยกับพวกผู้หญิงที่ชอบซุบซิบนินทาในหมู่บ้าน “ั้แ่หลานสาวหลานชายมาอยู่กับเหล่าอู๋ ฉันมักจะได้กลิ่นเนื้อลอยออกมาจากในบ้าน ตอนแรกฉันนึกว่าหลานสาวขึ้นไปเก็บสมุนไพรบนเขาแล้วเอาไปขาย พอได้เงินมาก็เอาไปซื้อปลากับเนื้อ แต่ฉันคิดว่าพวกเขาต้องขึ้นเขาไปล่าสัตว์แน่ สัตว์บนเขามักจะอยู่รวมกันเป็ฝูง ล่ามาได้ทำไมพวกเขาถึงเก็บเอาไว้กินบ้านเดียว บ้านอื่นทำได้แค่มอง…”
ใครคนหนึ่งเอ่ยอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก “ไม่หรอกมั้ง สองสามีภรรยาบ้านอู๋ออกไปทำงานทุกวัน มีเวลาไปล่าสัตว์ที่ไหน”
“ฉันก็ไม่ได้พูดถึงสองสามีภรรยาอู๋ สองคนนั้นแก่แล้วจะล่าสัตว์ได้ยังไง ฉันหมายถึงหลานสาวต่างหาก เห็นขึ้นไปบนเขาทุกวัน ปากบอกว่าไปเก็บสมุนไพร แต่ฉันว่าต้องแอบไปล่าสัตว์แน่นอน”
ใครอีกคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อถือ “ไม่ใช่หรอกมั้ง เธอยังเด็กอยู่จะล่าสัตว์ได้ยังไง”
เธอพูดด้วยสีหน้าเป็จริงเป็จัง “ั้แ่เด็กนั่นมาอยู่ที่นี่ พวกเรามักจะได้กลิ่นหอมของเนื้อลอยออกมาจากบ้านอู๋ ถ้าเธอไม่ได้ขึ้นไปล่าสัตว์แล้วจะเป็ใคร”
ใครคนหนึ่งที่ชอบชมเื่สนุกเอ่ยขึ้นมาว่า “ถ้าวันไหนแกได้กลิ่นของเนื้อลอยออกมาจากบ้านอู๋อีก แกก็พาผู้ใหญ่บ้านไปพิสูจน์สิ พอถึงตอนนั้นมีทั้งหลักฐานและพยานบุคคล ดูสิว่าเหล่าอู๋จะแก้ตัวยังไง”
เธอพยักหน้า วันนี้หลังจากไปทำงานกลับมาบ้าน เธอได้กลิ่นหอมของเนื้อลอยมาจากบ้านอู๋ ลูกชายอายุสามขวบของเธอได้กลิ่นหอมของเนื้อก็ร้องห่มร้องไห้ใหญ่ ทั้งยังน้ำลายไหลด้วยความอยากกิน
เธอเลยทนไม่ไหว ไปตามผู้ใหญ่บ้านให้มาพิสูจน์ด้วยกัน ระหว่างทางที่มา เธอพูดการคาดเดาของตัวเองให้ผู้ใหญ่บ้านฟังว่า หลานสาวของเหล่าอู๋ที่อ้างว่าขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร ที่จริงต้องไปล่าสัตว์แน่ๆ ไม่รู้ว่าหลายวันที่ผ่านมาล่าสัตว์มาได้กี่ตัวแล้ว วันนี้เธอพาผู้ใหญ่บ้านมาเป็พยานด้วย ดูสิว่าเด็กนั่นจะแก้ตัวอย่างไร
กลับกลายเป็ว่า ภายในบ้านไม่มีร่องรอยของสัตว์ป่าที่ล่ามาได้เลยสักตัว เธอทั้งรู้สึกผิดหวังและเสียหน้า อยากรีบออกจากที่นี่ใจจะขาด
เซี่ยโม่มองสีหน้าอับอายแกมประดักประเดิดของสาวใหญ่เพื่อนบ้าน เพียงแค่นี้ก็เดาเื่ราวได้ทั้งหมดได้แล้ว
เดิมทีเธอไม่อยากสนใจเพื่อนบ้านคนนี้นัก แต่ในเมื่ออีกฝ่ายมาหาเื่ถึงบ้าน เช่นนั้นอย่าหาว่าเธอไม่เกรงใจก็แล้วกัน
เธอพูดกับผู้ใหญ่บ้านและเพื่อนบ้านเสียงแข็งว่า “ผู้ใหญ่บ้าน บทจะมาพวกคุณก็มา บทจะกลับพวกคุณก็กลับ ไม่คิดจะอธิบายกับพวกเราหน่อยเหรอคะ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้