กลางดึกสงัด เงาตะคุ่มของชายฉกรรจ์สองคนกำลังงัดแงะเข้าไปในบ้านหลังนี้
"โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง!"
เสียงสุนัขเฝ้าบ้านเห่าดังขึ้น ทำให้ชายฉกรรจ์ทั้งสองชะงัก
"ชู่ววว! ไอ้เวรเอ๊ย เสียงดัง" ชายคนหนึ่งสบถเบาๆ พลางมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง
พวกมันรีบหาที่มาของเสียง สุนัขสีดำสนิท มันเห่าเสียงดังข่มขู่ผู้บุกรุก ดวงตาจ้องมองพวกมันอย่างไม่ไว้ใจ
ชายอีกคนบ่นอุบอิบ "หมาบ้านี่น่ารำคาญจริง จัดการมันเลยดีไหม"
ชายคนแรกปราม "อย่าเสียงดังน่า เดี๋ยวคนในบ้านก็ตื่นกันหมดหรอก หาทางล่อมันไปไกลๆ ดีกว่า"
ชายฉกรรจ์คนหนึ่งล้วงเอาเศษเนื้อในกระเป๋าออกมาโยนไปไกลๆ หวังล่อสุนัขให้ออกไปจากบ้าน
สุนัขมองเศษเนื้อที่กลิ้งไปตามพื้นอย่างสนใจ มันหยุดเห่า เดินไปดม เศษเนื้อนั้นอย่างลังเล ก่อนจะค่อยๆ ก้มลงกิน
เมื่อเห็นว่าสุนัขเงียบลงแล้ว ชายฉกรรจ์ทั้งสองก็ยิ้มอย่างพอใจ พวกมันรีบงัดประตูบ้านต่อ จนในที่สุดก็สำเร็จความตั้งใจ ประตูเปิดออกและพวกมันก้าวเข้าไปในบ้าน
เป้าหมายของพวกมันคือขโมยทรัพย์สินและของมีค่าทั้งหมดเท่าที่จะเอาไปได้ แต่ในระหว่างที่กำลังรื้อค้นหาของมีค่า เสียงผิดปกติก็ดังขึ้นปลุกหญิงสาวผู้เป็ลูกสาวเ้าของบ้านให้ออกมาดู
หญิงสาวในชุดนอนสีขาวบริสุทธิ์ถือเชิงเทียนส่องสว่างเดินลงมาดู ดวงตาเบิกกว้างด้วยความใเมื่อคนทั้งสอง เธอก็รู้ทันทีว่ามีคนบุกรุกเข้ามาในบ้าน เธอพยายามจะร้องะโขอความช่วยเหลือ แต่ยังไม่ทันที่เสียงจะหลุดออกจากปาก แต่ชายฉกรรจ์คนหนึ่ง พุ่งเข้ามาปิดปากเธอไว้ และใช้มีดเล่มใหญ่จ่อที่ลำคอ
"อย่าส่งเสียงดัง ถ้าไม่อยากตาย!" เสียงห้าวกร้านข่มขู่
หญิงสาวตัวแข็งทื่อ ดวงตาเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัว มีดที่คมกริบจ่ออยู่ที่คอ ราวกับยมทูตกำลังจ้องมองเธออยู่ เธอไม่กล้าขยับเขยื้อน หรือส่งเสียงร้อง
ชายฉกรรจ์อีกคนยังคงค้นหาทรัพย์สินต่อไป เพราะนั่นเป็เป้าหมายหลักของเขาที่มายังบ้านหลังนี้ แต่ชายฉกรรจ์คนที่จับเธอไว้ มีรอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้า มือสกปรกเริ่มลูบไล้ไปตามร่างเรือนร่างของเธออย่างหยาบคาย สร้างความขยะแขยงให้หญิงสาวจนสุดจะทานทน
หญิงสาวพยายามดิ้นรน แต่ก็ไร้ผล น้ำตาแห่งความอับอายและความสิ้นหวังไหลรินอาบแก้ม
ทันใดนั้น เสียงเรียกก็ดังมาจากชั้นบน "ใครอยู่ข้างล่างน่ะ?" เป็เสียงของผู้เป็แม่
ชายฉกรรจ์ทั้งสองหันไปมองเห็นหญิงชรา กำลังเดินลงบันไดมา
"แม่.. อย่าเข้ามา!" หญิงสาวะโเตือน แต่ก็สายเกินไป
โจรอีกคนรีบวิ่งขึ้นไป เตรียมจับตัวหญิงมีอายุที่กำลังเดินลงมา
"แฮ่กๆ" เสียงหอบหายใจดังขึ้น สุนัขสีดำตัวหนึ่งกลับมาในบ้าน เห่าเสียงดังอีกครั้ง มันะโเข้าใส่ชายฉกรรจ์ที่อยู่ใกล้ที่สุด
"อ๊ากกก! ไอ้หมาบ้า!" ชายคนนั้นร้องลั่นด้วยความใ มันสะบัดแขน พยายามจะสลัดสุนัขให้ออก
แต่สุนัขกัดแขนของมันแน่นไม่ยอมปล่อย ฟันแหลมคมของมันฝังลึกลงในเนื้อ
ในจังหวะนั้นเอง ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด หญิงสาวฟาดเชิงเทียนเข้าที่ใบหน้าของชายฉกรรจ์ที่จับเธอไว้เต็มแรง และพยายามหนีขึ้นไปยังชั้นสองที่เป็ทางตรงข้ามกับพวกโจร
"โอ๊ย!" ชายคนนั้นร้องลั่น เซถลาไปข้างหลัง
มีดเล่มใหญ่แทงเข้าไปที่ตัวของสุนัขสีดำ เสียงมันร้องด้วยความเ็ป จากนั้นสะบัดแขนเหวี่ยงสุนัขที่าเ็ออกไปไกล ร่างของมันกระแทกลงพื้นก่อนสิ้นใจ
ชายฉกรรจ์โกรธจนเืขึ้นหน้า น้ำตาเทียนร้อนๆ ไหลเข้าตา แสบจนแทบมองไม่เห็น มันคำรามลั่น พุ่งเข้าหาหญิงสาว คว้าผมของเธอ แล้ว... ฟัน
เืสีแดงฉาน พุ่งกระฉูด หัวของหญิงสาว หลุดออกจากบ่า ดวงตาเบิกโพลง จ้องมองความว่างเปล่า
"กรี๊ดดดด!!!" ภาพที่เห็น ทำให้ผู้เป็แม่ กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
หญิงมีอายุมองเห็นภาพนั้น ถึงกับกรีดร้องออกมาสุดเสียง สติของเธอแตกสลาย
เสียงกรีดร้อง ดังก้องไปทั่วบ้าน ปลุกหญิงสาวอีกคน ที่นอนหลับอยู่บนชั้นสอง
"แม่! เกิดอะไรขึ้น!" เธอร้องถาม วิ่งลงบันไดมา
แต่ภาพที่มองเห็น ทำให้เธอต้องเบิกตากว้าง ขาแข็งค้าง เมื่อเห็นภาพอันน่าสยดสยองเบื้องหน้า
ชายฉกรรจ์ยืนหอบหายใจ มือหนึ่งถือมีดเปื้อนเื มือหนึ่งถือหัวของพี่สาวเธอ ห้อยอยู่บนมืออีกข้างของเขา
"กรี๊ดดดดดดดดดด!!!"
เสียงกรีดร้อง ดังขึ้นอีกครั้งคราวนี้เป็เสียงของผู้เป็น้องสาว
ชายฉกรรจ์ทั้งสอง หันมาเห็นหญิงสาวอีกคน จึงพุ่งเข้าใส่
หญิงชราตั้งสติได้รีบะโออกมาสุดเสียง "หนีไป! หนีไป!" เธอกรีดร้องบอกลูกสาว จากนั้นก็เริ่มวิ่ง
สตรีทั้งสอง วิ่งหนีขึ้นไปชั้นบน ชายฉกรรจ์ทั้งสองเองก็วิ่งไล่ตามหญิงสาวขึ้นไปบนชั้นสองเช่นเดียวกัน จนกระทั่งลับสายตา เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังกึกก้องไปทั่วบ้าน
ชั้นบนปรากฏเสียงกรีดร้อง ตามมาด้วยเสียงลงมีดสับเนื้อ จากนั้นเสียงกระแทกประตู ดังออกมาเป็ระยะๆ จนกระทั่งเสียงประตูพัง แล้วจึงเงียบหายไป
ผู้บัญชาการสูงสุด จ้องมองภาพในอดีตราวกับกำลังอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ แต่เขาไม่ได้เห็นภาพบนชั้นสอง เนื่องจากเขาไม่ได้ก้าวขึ้นไป
สักพัก เขาก็เห็นพวกโจรทั้งสองวิ่งลงบันไดมาด้วยความตื่นกลัว ใบหน้าซีดเผือดเต็มไปด้วยเื พวกมันวิ่งมาจนถึงกลางห้อง
จู่ๆ ร่างของพวกมันก็ชะงักค้าง เหมือนกับโดนตรึงโดยเชือกที่มองไม่เห็น พวกมันพยายามขัดขืน แต่กลับขยับไม่ได้แม้แต่นิ้วเดียว แขนขาเริ่มหักผิดรูปบิดเบี้ยวอย่างน่าสยดสยอง
"อ๊ากกกกก!" พวกมันร้องออกมาด้วยความเ็ป แขนที่ถูกหักงอของพวกมันเริ่มแทงเขาไปที่ท้องของกันและกัน เืไหลทะลัก เสียงกรีดร้อง เสียงกระดูกหัก ดังก้องไปทั่วบ้าน
ในสายตาการมองเห็นของผู้บัญชาการสูงสุด เขาเห็นหญิงสาวคนน้องเดินลงมาจากชั้นบน ร่างกายของเธอลอยอยู่กลางอากาศ เส้นเอ็นสีเืจำนวนนับไม่ถ้วนพันรอบตัวเธอ ประคองเธอไว้ บนใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตา
ตามหลังของหญิงสาว เป็มารดาของเธอที่ตอนนี้หัวถูกต่อเข้ากับร่างกายด้วยเส้นเอ็นสีเื ั์ตาว่างเปล่าไร้ชีวิต
ในระหว่างที่เธอลอยลงจากบันได ศพพี่สาวของเธอก็เริ่มขยับ การเคลื่อนไหวผิดมนุษย์ราวกับถูกเชิดเหมือนหุ่นกระบอก หัวบนพื้นลอยขึ้น มาต่อเข้ากับร่างกาย เส้นเอ็นเืโผล่ออกมาจากาแ ยึดหัวกับคอของเธอให้แน่น
โจรทั้งสองหวาดกลัวและทรมานอย่างยิ่ง นิ้วที่แทงพวกตัวพวกมันเริ่มเ็ปหักงอ แต่กลับไม่สามารถหยุดได้ ทุกครั้งที่แทง เหมือนกระดูกนิ้วจะแตก ความเ็ปตรงท้องที่ถูกแทงก็เพิ่มขึ้นทุกขณะ
หญิงสาวเดินมาดูโจรทั้งสอง พวกมันขอร้องเธอให้ปล่อยมันไป
"ได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถอะ!"
"พวกเราสำนึกผิดแล้ว!"
แต่หญิงสาวไม่ยอมรับฟัง ยังคงดำเนินการทรมานพวกมันต่อไป ใบหน้าของเธอไร้ซึ่งความรู้สึก มีเพียงความว่างเปล่า และความเคียดแค้น
จู่ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ตามด้วยเสียงเรียกจากภายนอก "มีใครอยู่ข้างในไหมครับ?" เสียงชายหนุ่มดังแว่วมาจากหน้าบ้าน "ผมได้ยินเสียงกรีดร้อง เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?"
เส้นเอ็นสีเืที่พันรอบร่างของเธอขยับไหวเล็กน้อย ราวกับััได้ถึงความกังวลของเธอ
"ไม่เป็ไรค่ะ" เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ไม่ขยับเขยื้อนไปจากจุดที่ยืนอยู่ "ทุกอย่างเรียบร้อยดี"
"แน่ใจนะครับ? ผมเป็ห่วงมากๆ เลย เสียงที่ได้ยินมันดังมาก" เสียงของชายหนุ่มยังคงยืนกรานด้วยความกังวล
"ฉันแค่... ฝันร้าย แค่นั้นเอง"
"แต่ว่า..." ชายหนุ่มพยายามถาม
"กลับไปซะ! สภาพฉันตอนนี้ฉันไม่เหมาะที่ต้อนรับแขก" หญิงสาวตัดบทเสียงเข้ม
ชายหนุ่มเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เสียงฝีเท้าของเขาจะค่อยๆ เดินห่างออกไป หญิงสาวหันกลับมาสนใจโจรทั้งสองที่ยังคงทุรนทุราย เมื่อกี้พวกมัน้าจะขอความช่วยเหลือจากบุคคลที่อยู่ด้านนอก แต่ก็ไม่เป็ผล พวกมันไม่รู้เลยว่าที่แห่งนี้ที่ถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์แล้ว นอกจากเสียงของหญิงสาว เสียงของพวกมันกลับไม่เคยเล็ดลอดออกไป
หญิงสาวหันไปมองร่างไร้ิญญาของสุนัขคู่ใจ ร่างของสุนัขลอยขึ้นจากพื้น ปิดาแจากรอยมีดด้วยเส้นเอ็นสีเื
"แม่... พี่..." เธอเอ่ยเสียงแ่เบา ราวกับกำลังพูดคุยกับคนที่ยังมีชีวิต "พวกเราขึ้นไปกันเถอะ"
ร่างของหญิงชราและพี่สาวที่ถูกต่อหัวด้วยเส้นเอ็นสีเืค่อยๆ เดินตามหญิงสาวขึ้นบันได เสียงก้าวเท้าของร่างไร้ิญญาดังแ่เบาตามหลัง
ขณะที่พวกเธอหายลับไปบนชั้นสอง เสียงฮัมเพลงแ่เบาก็ดังขึ้นจากริมฝีปากของหญิงสาว เป็ทำนองเศร้าสร้อยน่าขนลุก แต่เนื้อเพลงกลับเป็เพลงเด็กเล่น ไม่เข้ากับบรรยากาศ จนกระทั่งสุนัขสีดำตัวนั้น ก้าวเดินตามเ้านายของตนขึ้นไปบนบันไดจนลับสายตา
โจรทั้งสองถูกทิ้งไว้กับความเ็ปทรมาน ร่างกายบิดเบี้ยวผิดรูป เืยังคงไหลไม่หยุด พวกมันได้แต่ส่งเสียงครางด้วยความทุกข์ทรมาน ที่ไม่มีใครได้ยินอีกต่อไป
บ้านหลังนี้กลับสู่ความสงบอีกครั้ง ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผู้บัญชาการค่อยๆ คลายพลังของเขา ภาพแห่งอดีตจางหายไป เหลือเพียงความมืดมิดและกลิ่นคาวเืที่ลอยอวลในอากาศ เขากวาดตามองรอบห้อง สายตาหยุดที่ร่างไร้ิญญาสองร่างบนพื้น
ด้วยความระมัดระวัง เขาย่างเท้าเข้าไปใกล้ศพทั้งสอง ร่างกายของพวกมันบิดเบี้ยวผิดรูป เืแห้งกรัง บนหัวมีรูะุ ใบหน้าอันเ็ปของพวกมันยืนยันว่าเป็โจรที่เขาเห็นในภาพอดีตจริงๆ ผู้บัญชาการขมวดคิ้ว สีหน้าครุ่นคิด
เขาหันไปมองมาดามเอสเธอร์ ที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ เธอเองก็มาตรวจสอบสภาพของศพด้วยเช่นกัน ผู้บัญชาการเลือกที่จะไม่เอ่ยปากพูดอะไร ในใจนึกถึงเอ็ดเวิร์ด ที่มีพลังสื่อสารทางจิตโดยไม่ต้องใช้เสียง หากเอ็ดเวิร์ดอยู่ที่นี่ สื่อสารคงจะง่ายขึ้นมาก
ชายหนุ่มสบตากับมาดามเอสเธอร์ ยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปาก เป็สัญญาณให้เงียบเสียง จากนั้นเขาชี้ไปที่บันไดและทำมือเพื่อสื่อว่าจะขึ้นไปชั้นสอง
มาดามเอสเธอร์พยักหน้ารับรู้ ทั้งสองหันหลังให้กับศพโจร แล้วเดินขึ้นบันไดไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้