หญิงสาวสวมชุดดำมองไปยังดอกบัวสีดำในมือด้วยความพึงพอใจสายตาที่เธอมองไปยังคฤหาสน์ตระกูลหลินนั้นเต็มไปด้วยความอยากได้ที่มีต่ออินทรีทอง
เธอยังคงตั้งใจว่าจะแวะไปรับเสี่ยวจินมาด้วยแต่เสียงคำรามก็ดังขึ้นมาจากเขาที่ห่างไกล ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นกระทบกับแสงจันทร์เมื่อได้ยินเสียงนั้น สีหน้าของหญิงสาวสวมชุดดำก็เปลี่ยนไป เธอหมุนตัวก่อนที่หมอกสีเืจะล่องลอยขึ้นมา พร้อมทั้งตัวของเธอที่หายไปในชั่วพริบตา
คนที่ตามมานั้นหนวดเคราและผมต่างเป็สีขาวไปหมดแล้ว แต่ใบหน้าของเขายังคงประดับไปด้วยเืฝาดจางหากหลินลั่วหรานอยู่ตรงนี้ เธอก็คงจะต้องใเป็อย่างมาก เพราะว่าคนคนนี้คือคุณปู่ตระกูลมู่ที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงที่ห่างไกล
“ไปไหนแล้วล่ะ?” ั้แ่ที่ลงจากเครื่องบินในสนามบินที่ตัวเมืองมา ชายแก่ตระกูลมู่ก็รีบพุ่งตรงมาที่นี่แต่กลับเห็นเพียงลูกศิษย์ของฮุยจู๋อย่างเสี่ยวอันนอนอยู่ที่พื้นเนื้อตัวของเขานั้นเต็มไปด้วยเืแต่คนที่เขา้าจะพบกลับไม่มีให้เห็นแม้แต่เงา
“หนีไปแล้ว” ฮุยจู๋ป้อนยาให้กับเสี่ยวอัน ก่อนจะสั่งให้พวกลูกศิษย์แบกเขาเข้าไปพักแล้วจึงหันมาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “แถมยังจับหลินลั่วหรานไปด้วย”
เมื่อได้ยินดังนั้น หยาดเหงื่อก็ไหลซึมไปทั่วตัวของชายแก่ตระกูลมู่ “แล้วก็ปล่อยให้จับไป?...ถ้าหากว่าอาจารย์ของนางรู้ แล้วพวกเราจะทำยังไง?”
ฮุยจู๋ขยับสายตาของเขาไปมาพร้อมทั้งสะบัดแส้หางม้าไปอีกทาง ก่อนจะพูดออกมาราวกับไม่ได้มีเื่อะไร “ไม่ใช่ว่าความเป็มาของนางยังเป็ปริศนาอยู่หรือ? จะได้ดูความสามารถของนางรอดูว่านางจะเอาตัวรอดออกมาอย่างไรดีกว่า...หากว่าไม่มีของล้ำค่าเอาไว้ป้องกันกายความสามารถของอาจารย์ของนาง ก็ไม่น่าจะอยู่ในระดับที่พวกเราจะต้องใส่ใจแล้ว”
ที่ฮุยจู๋พูดนั้นก็มีเหตุผลมากแต่ชายแก่ตระกูลมู่กลับต้องถอนหายใจออกมา สุดท้ายเขาก็ไม่ได้มองอะไรออกอย่างฮุยจู๋เมล็ดพันธุ์อย่างหลินลั่วหรานนั้น ในโลกแห่งการฝึกศาสตร์ในทุกวันนี้หาได้ยากขึ้นไปทุกที แล้วทำไมถึงจะต้องลองให้เสียไปเปล่าๆ ด้วย?
ฮุยจู๋ก้าวเดินออกมาในตอนแรกเขานั้นไม่ได้อยากจะพูดอะไรแต่เมื่อเห็นท่าทางอารมณ์เสียของศิษย์น้องอย่างชายแก่ตระกูลมู่แล้วก็ได้แต่อธิบายออกมาอย่างราบเรียบ “นางใช้ศาสตร์เืหนีไป ตามไปไม่ได้”
สีหน้าของชายแก่ตระกูลมู่นั้นดูราวกับเผลอกินแมลงวันเข้าไปศาสตร์หลบหนีเื จากครั้งที่แล้วนี่มันก็แค่เวลาห้าปีสั้นๆ เท่านั้นเองแต่เธอก็สามารถใช้ศาสตร์ขั้นสูงแบบนี้ได้แล้ว ห้าปีที่ผ่านมานี้ไม่รู้ว่าเธอทำ “ยาวิเศษ” ออกมาเท่าไร...ทุกครั้งที่เขานึกถึงตอนนั้นเขาก็ได้แต่รู้สึกเสียใจขมขื่นขึ้นมาทุกที
แต่ว่า บนโลกใบนี้ถ้าหากว่ามียาที่สามารถทำให้ย้อนไปแก้ไขในสิ่งที่เสียใจได้ เื่ราวหลายๆ อย่างก็น่าจะมีผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไปใช่ไหม?
ในตอนนั้นอยู่ๆ ชายแก่ตระกูลมู่ก็นึกภาพใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มตลอดเวลาของหลานชายอย่างมู่เทียนหนานขึ้นมาโดยเฉพาะเวลาที่เขายิ้มในระหว่างที่ทุกคนต่างก็พากันขมวดคิ้วแน่น
คนที่มีจิตใจที่มั่นคงทำให้เกิดความเชื่อขึ้นมาได้ง่าย นิสัยแบบนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เมื่อเชื่อแล้ว ก็สามารถกลายเป็เทพได้หรือหากเชื่ออีกอย่าง ก็สามารถกลายเป็ปีศาจได้เช่นกัน
แม้ว่าพวกเขาจะเป็คนที่มีพื้นฐานพลังแต่หากว่า้าจะตามหาชะตาเทพในโลกธรรมดา ที่เต็มไปด้วยหมอกควันสีเทาแห่งนี้มันจะยากมากขนาดไหน?
ชีวิตของชายแก่ตระกูลมู่นั้น เดินทางมากว่าหนึ่งร้อยห้าปีเขามองไปยังคฤหาสน์ตระกูลหลินในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงจันทร์ พวกเขาจะรู้บ้างไหมว่าลูกสาวของตนเองถูกปีศาจจับตัวไปแล้ว?
สิ่งที่ตอบชายแก่ตระกูลมู่กลับมาก็คือเสียงร้องของอินทรีทอง ภายใต้แสงจันทร์ในค่ำคืนอันแสนเงียบสงบ
เสี่ยวจินนั้นมีััพิเศษมาั้แ่เกิดมันสามารถััได้ถึงกลิ่นอายของปีศาจได้เป็อย่างดีเมื่อในตอนนี้กลิ่นของหลินลั่วหรานนั้นหายไปหัวใจดวงน้อยของเสี่ยวจินก็กระวนกระวายขึ้นมาพวกหลีซีเอ๋อร์นั้นไม่ใช่เ้านายของมัน แล้วจะไปสั่งมันได้อย่างไร เสี่ยวจินแผดเสียงร้องปีกทั้งสองของมันกางออกกว้าง ก่อนที่จะทะยานตัวขึ้นไปยังท้องฟ้าและตรงไปยังสถานที่ที่กลิ่นของหลินลั่วหรานหายไป
ชายแก่ตระกูลมู่มองไปยังทางที่อินทรีทองบินผ่านไปได้ยินมาว่าอินทรีตัวนี้ ต่างจากทั่วไป หรือว่ามันจะไปตามหาเ้าของของมัน?
เมื่อหลินลั่วหรานฟื้นขึ้นมาอีกครั้งเธอก็อยู่ในวังใต้ดินที่เต็มไปด้วยกลิ่นเื
เธอยังคงอยู่ในอาการกึ่งหลับกึ่งตื่นเธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองอยู่ในทะเลเือันกว้างใหญ่ จนเมื่อลืมตาขึ้นมาเธอก็เพิ่งได้พบว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเธอนั้น น่ากลัวกว่าในความฝันของเธอเสียอีก
ในบริเวณที่ห่างจากจุดที่เธอล้มนอนอยู่ไปราวๆสองก้าว คือสระเืที่เดือดพล่านไม่หยุดหย่อนกลิ่นเืที่ชัดเจนนั้นทำให้หลินลั่วหรานรู้ว่า นี่ไม่ใช่สีอย่างแน่นอน มันคือเืคนจริงๆ!
หลินลั่วหรานรู้สึกว่าร่างกายของเธอไร้แรง จึงไม่อาจจะลุกขึ้นมาได้เธอขยับดวงตาของเธอไปมา เธอกวาดสายตาไปยังพื้นที่รอบๆ
เมื่อพูดถึงวังใต้ดินแล้วในชีวิตนี้หลินลั่วหรานก็เพิ่งจะเคยเข้าไปเพียงสองครั้งครั้งหนึ่งคือวังใต้น้ำของหญิงสาวสวมชุดขาวในสถานที่ลึกลับเห็นได้ชัดว่ามันคือสุสาน แต่ก็ยังปลูกดอกบัวเอาไว้แต่สิ่งที่ทำให้หลินลั่วหรานรู้สึกไม่ดีก็คือ กลางสระเืนั้น มีบัวน่ากลัวอยู่มันมีเพียงแค่ใบให้เห็นและไม่มีดอกเลยสักดอก...ไม่ใช่ว่าดอกที่หญิงสาวสวมชุดดำถืออยู่นั่น จะเป็เพียงดอกเดียวที่มันเคยมีหรอกนะ?
ดอกบัวสีดำที่เติบโตขึ้นในสระเื
หลินลั่วหรานสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
เพราะว่ากำลังนอนตะแคงอยู่หลินลั่วหรานจึงขยับพลิกหัวขึ้นมา ก่อนจะเห็น้าหัวของเธอดูเหมือนว่าที่นี่จะเล็กกว่าวังใต้ดินของหญิงสาวสวมชุดขาวมากเพียงแต่ที่กำแพงนั้นต่างก็เต็มไปด้วยรอยแตกที่บิดเบี้ยวั้แ่้าเพดานไปจนถึงกำแพงทั้งสี่ทิศต่างก็กำลังเต็มไปด้วยสายเืสดที่ไหลออกไปสู่ด้านนอกสุดท้ายแล้วเืเหล่านี้ก็จะไปรวมกันที่สระเื และกลายเป็หนึ่งเดียวกัน
“ติ๊ง” บางอย่างที่เย็นะเืหยดลงบนใบหน้าของหลินลั่วหราน เมื่อเธอลากสายตาขึ้นมองความจริงที่นี่นั้น ไม่เพียงแต่เพดานหรือกำแพงข้างๆแต่ทั่วทุกที่ต่างก็ไม่มีที่ไหนแห้งแม้แต่ตัวของเธอกว่าครึ่งก็ยังนอนอยู่ในสระเื ชุดผ้าไหมสีเขียวของเธอเลอะเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดเืสีสันของมันทำให้คนอยากจะอ้วกข้าวเย็นของเมื่อวานออกมาให้รู้แล้วรู้รอดไป
เธอชาไปทั่วทั้งร่างไม่รู้ว่าตัวเองนั้นนอนอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว ความรู้สึกไร้แรงแบบนี้เธอเคยััมันมาจากโจวเหย้าเวยในตอนที่อยู่ในอุโมงค์หลังคลับบลูเบิร์ดแล้วครั้งหนึ่งตอนนี้จึงรู้ได้ว่าเป็สิ่งที่หญิงสาวสวมชุดดำทำกับเธออย่างแน่นอน
“ออกมาสิ แกอยู่ไหน!” หลินลั่วหรานร้องะโออกมา เธอคิดว่าเสียงของเธอจะต้องดังสนั่นไปทั่วแต่ในความจริงนั้น มันกลับเบาราวกับเสียงร้องของมดครั้งก่อนที่โดนหมอกของโจวเหย้าเวยเข้าไป ดูเหมือนว่าไข่มุกจะช่วยคลายพิษให้เธอหลินลั่วหรานจึงััได้ถึงความผิดปกติขึ้นมา เมื่อเธอลองตรวจสอบไข่มุกดูเสียงของหญิงสาวสวมชุดดำก็ดังขึ้น
“อายุยังน้อยแต่ก็สามารถฝึกมาจนถึงระดับฝึกลมปราณขั้นสุดท้ายได้แล้วช่างเป็ผู้มีพร์ที่น่าอิจฉาเสียจริงนะ”
หลินลั่วหรานเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของหญิงสาวสวมชุดดำหยุดอยู่บริเวณเหนือหัวของเธอในระยะหนึ่งฟุตราวกับกำลังพิจารณาใบหน้าของเธออยู่
เมื่อเวลาผ่านไปหญิงสาวสวมชุดดำก็ส่งเสียงเดาะลิ้นขึ้นนิ้วเรียวของเธอลากผ่านใบหน้าของหลินลั่วหรานไป “ช่างน่าเสียดาย หน้าตาก็ดีนะแต่วันนี้ก็คงจะต้องบูชาให้กับสระเืของฉันแล้วล่ะ”
การที่หลินลั่วหรานจะพูดอะไรออกมานั้นช่างสิ้นเปลืองแรง แต่เธอก็ยังคงอดที่จะพูดออกมาไม่ได้ “เธอฆ่านักฝึกศาสตร์มากมายแบบนี้...มันคุ้มค่าแล้วเหรอ?”
หลินลั่วหรานนั้นลากพ่อกับแม่เขามาฝึกศาสตร์ด้วยกันเพียงแค่นั้นก็ทำให้ทางข้างหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่ชัดเจนดังนั้นการที่ใช้เส้นทางแห่งเืฝึกออกมาแบบนี้ ก็คงจะฝึกเป็ “ปีศาจ” ได้เท่านั้น การฝึกเทพนั้นมีไปเพื่อความราบรื่นของจักรวาลแล้วถ้าเป็ปีศาจล่ะ?
“คุ้มค่าไหม?” หญิงสาวสวมชุดดำหัวเราะเย้ยหยันออกมา เธอหัวเราะเสียจนตัวงอ ก่อนจะหัวเราะเสียจนน้ำตาเกือบจะไหลรินลงมา
ลูกศิษย์ของสำนักที่มีชื่อเสียงแบบนั้นทำไมถึงฝึกออกมาให้มีจิตใจไร้ค่าได้ขนาดนี้นะ?
คุ้มค่าหรือไม่...ครั้งหนึ่งเธอนั้นเคยตามหาชะตาเทพอยู่ในเขาลึกแต่เพราะว่าพื้นฐานพลังของเธอย่ำแย่เกินไป ในเวลาที่คนอื่นฝึกนั้น เธอก็ฝึกฝนและในเวลาที่ทุกคนพักผ่อน เธอก็ยังคงฝึกฝนอยู่
แต่ว่าผลลัพธ์นั้น จะเป็อย่างไรล่ะ?
เมื่อนึกถึงเื่ราวเก่าๆ ขึ้นมาความรู้สึกของหญิงสาวสวมชุดดำก็ได้รับความสั่นะเืขึ้นมาเธอมองเหม่อไปยังสระเืที่เดือดพล่าน เพราะแบบนั้น เธอถึงได้เกลียดเกลียดผู้หญิงที่สามารถฝึกไปถึงระดับฝึกลมปราณตอนปลายได้ทั้งที่ยังมีอายุน้อยแบบคนที่นอนอยู่ตรงหน้านี่ไง!
ถ้าหากว่าเธอเป็พวกนักฝึกศาสตร์ไร้ค่าก็จะขอทำให้เหล่าพวกคนที่มีพร์บนโลกใบนี้ ตายสลายหายไปด้วยกันกับเธอ!
หญิงสาวสวมชุดดำยิ้มขึ้นมาอีกครั้งแสงสะท้อนในแววตาของเธอนั้นหายไป
“ตอนนี้เงียบสงบมากเลยนะพวกเราคุยเื่ศาสตร์ยากันได้แล้วล่ะ!”
เธอพูดออกมาอย่างหยิ่งผยองในขณะที่สายตาก็มองออกไปยังสระเื ราวกับมีอะไรสักอย่างที่น่าสนใจอยู่ในนั้นหลินลั่วหรานจึงอดที่จะหันหน้าไปมองไม่ได้
มันคือมือข้างขวาที่ไร้ความรู้สึกของเธอข้อมือของเธอถูกแขวนเอาไว้้าสระเื รอยาแสีแดงสดปรากฏขึ้นบริเวณไข่มุกเืของเธอกำลังหยดลงมา ก่อนที่จะไหลรวมกันไปยังสระเื