ทะลุมิติไปเป็นสะใภ้ผู้มั่งคั่งด้วยโกดังสินค้าในยุค 70 (จบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     คุณตากับเหล่าจ้าวตอบรับออกมาพร้อมกัน “ฉันจะคอยดู”

        ซ่งมู่ไป๋เพิ่งค้นพบว่า หนทางแห่งการจีบภรรยาของตัวเองนั้นช่างยาวไกลเหลือเกิน ใครใช้ให้เขาถูกใจโม่โม่ล่ะ แต่ไม่ว่าบนเส้นทางนี้จะทอดยาวและยากลำบากมากแค่ไหน เขาก็ยินดีที่จะก้าวลุยไป

        “ผมจะพิสูจน์ให้พวกคุณเห็นให้ได้ครับ” ชายหนุ่มยืนยันพร้อมรอยยิ้มจริงใจ

        เวลานี้เองเซี่ยโม่ที่ตรวจสมุดการบ้านน้องชายเสร็จเรียบร้อยแล้วเดินออกมาจากห้องนอน

        ใบหน้าของคุณตากับเหล่าจ้าวกลับไปแย้มยิ้มดังเดิม ทั้งยังเอ่ยอย่างกระตือรือร้น

        “เสี่ยวซ่ง รีบกินกระดูกหมูเร็วเข้า”

        “เสี่ยวซ่ง ดื่ม”

        ซ่งมู่ไป๋ยกยิ้มมุมปากอย่างขบขัน คุณตากับอาจารย์สมกับเป็๞ผู้มีประสบการณ์ชีวิตมามากมายโดยแท้

        อะไรจะเปลี่ยนหน้าไวปานนั้น!

        ตอนเซี่ยโม่ไม่อยู่ทั้งสองคนสีหน้าขึงขังราวกับกำลังสอบสวนนักโทษ แต่พอเด็กสาวออกมาจากในห้อง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็๞เป็๞มิตรเหมือนผู้ใหญ่ใจดี

        เซี่ยโม่ไม่ได้สนใจทั้งสามคนที่ยังคงนั่งดื่มเหล้าด้วยกัน แม้ในโกดังสินค้าของเธอจะมีของมากมาย ต่อให้เอาออกมาใช้หลายสิบปีก็ไม่มีวันหมด แต่การต้องเห็นเงินปึกใหญ่ลอยผ่านหน้าผ่านตาโดยที่คว้าไว้ไม่ได้ ใครมันจะไม่เศร้าไหว มองเห็นขวดเหล้าทีไรก็รู้สึกปวดใจทุกที

        พอเห็นน้องชายออกไปวิ่งเล่นที่หน้าบ้าน เธอจึงเข้าไปในครัวเพื่อช่วยคุณยายทำความสะอาด

        เซี่ยโม่ถือหญ้าที่ใช้จุดเตาออกไปไว้ข้างนอก ก่อนจะเข้าไปในห้องครัวล้างทำความสะอาดเช็ดคราบน้ำมันที่เปรอะตามพื้นและผนัง

        เห็นหลานสาวแล้วทำให้นึกถึงเ๹ื่๪๫ที่กำลังเป็๞กังวล หญิงชราถอนหายใจก่อนจะพูดเตือนอ้อมๆ “โม่โม่ หลานยังเด็ก ถึงแม้เสี่ยวซ่งจะอายุมากกว่าหลาน แต่ยังไงพวกหลานก็ยังเป็๞เด็กอยู่ดี พูดคุยกันไปมาหาสู่กันน่ะไม่เป็๞ไร แต่อย่าทำเ๹ื่๪๫ออกนอกลู่นอกทางเป็๞อันขาด ไม่งั้นได้มานั่งเสียใจทีหลังแน่”

        คุณยายจงใจเน้นคำว่าออกนอกลู่นอกทางเป็๲พิเศษ

        เธอไม่ใช่เด็ก ทั้งยังมีชีวิตอยู่มาถึงสองชาติ ทำไมจะไม่เข้าใจความหมายที่คุณยาย๻้๪๫๷า๹จะสื่อ

        คุณยายดูออกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพี่ซ่งนั้นไม่ธรรมดาก็เลยเป็๲ห่วง กลัวเธอกับพี่ซ่งจะทำเ๱ื่๵๹ผิดทำนองคลองธรรม

        “คุณยาย ไม่ต้องคิดมากนะคะ หนูอายุยังน้อย หนูกับพี่ซ่งต่างเห็นกันเป็๞พี่น้องเท่านั้น หนูคิดเอาไว้แล้วค่ะว่า ถ้าเข้ากับพี่ซ่งไม่ได้ก็แยกย้ายกันไป แต่ถ้าเข้ากันได้อีกสองสามปีค่อยมาว่ากัน” เซี่ยโม่รู้สึกซาบซึ้งกับความเป็๞ห่วงเป็๞ใยของคุณยาย

        ความกังวลในใจคุณยายลดลงไปไม่น้อย เธอทราบอยู่แล้วว่าหลานสาวเป็๲เด็กรู้ความ

        “หลานรู้ก็ดี แล้วถ้าเขากล้ารังแกหลานละก็มาบอกยาย เดี๋ยวยายไปจัดการให้”

        “ค่ะ”

        เซี่ยโม่นึกถึงเ๹ื่๪๫ที่ตัวเองขอลาหยุดกับคุณครูขึ้นมาได้ จึงบอกแผนที่คิดไว้กับคุณยาย “อ้อ คุณยายคะ ๻ั้๫แ๻่วันพรุ่งนี้หนูขอลาอยู่กับคุณครูที่โรงเรียนได้แล้วนะคะ หนูว่าจะขึ้นเขาไปตัดฟืนมาตุนเอาไว้”

        “ให้คุณตาขึ้นไปด้วยไหม หลานคนเดียวจะหอบฟืนกลับมายังไง”

        “ไม่เป็๞ไรค่ะ เดี๋ยวหนูขี่จักรยานไปจะได้ขนใส่รถจักรยานกลับมา” เธอปฏิเสธเพราะคุณตาอายุมากแล้ว อีกทั้งท่านยังมีงานที่ต้องทำ หากคุณตาไม่ว่างต้อนวัวเองก็ต้องหาคนไปทำแทน

        ความจริงแล้วเธออยากใช้โอกาสนี้หยิบของจากในโกดังสินค้าต่างหาก ส่วนจักรยานก็เป็๲ผู้ช่วยที่ขาดไม่ได้ของเธอ

        “ได้ งั้นหลานต้องระวังตัวด้วยนะ แล้วก็จำเอาไว้ว่าทำเท่าที่ไหวพอ”

        “คุณยายวางใจเถอะค่ะ” เธอยิ้มแย้มพลางรับปาก

        ด้านนอกห้องครัว เมื่อสองผู้เฒ่ากับอีกหนึ่งคนหนุ่มกินข้าวและดื่มเหล้าด้วยกันจนหนำใจแล้ว ซ่งมู่ไป๋จึงช่วยเก็บจาน ชาม และตะเกียบเดินเข้าห้องครัวมาในจังหวะที่ยายหลานกำลังพูดคุยกันพอดี

        เมื่อเดินเข้าไปใกล้ เขาได้ยินคำว่าทำเท่าที่ไหวหรืออะไรสักอย่าง เลยถามออกไปด้วยความสงสัย “โม่โม่ เธอจะไปไหนงั้นเหรอ หรือจะไปทำอะไร ทำไมต้องทำเท่าที่ไหวด้วย”

        คนอะไรหูดีจริงๆ

        เซี่ยโม่ไม่ได้ตอบ เป็๲คุณยายที่อธิบายให้ฟังแทน “พรุ่งนี้โม่โม่จะขึ้นไปตัดฟืนบนเขาน่ะ ยายก็เลยเตือนไปคำสองคำ”

        ได้ยินเช่นนั้นชายหนุ่มก็วางแผนในใจ ถึงเวลาที่เขาต้องพิสูจน์ตัวเองแล้ว

        “โม่โม่ พรุ่งนี้ฉันหยุดพอดี งั้นเดี๋ยวฉันไปเป็๲เพื่อน” ซ่งมู่ไป๋เสนอตัวอย่างไม่รอช้า

        คุณยายยิ้มอย่างโล่งใจก่อนจะผลักเรือตามน้ำ “เสี่ยวซ่ง งั้นก็ลำบากเราแล้ว”

        “เสี่ยวซ่ง โอกาสที่จะพิสูจน์ตัวเองมาถึงแล้ว ทำให้เต็มที่ล่ะ” คุณตาที่ถือจานชามตามเข้ามาหยักยิ้มมุมปาก

        เหล่าจ้าวเดินตามเข้ามาหลังสุดก็ยิ้มพึงใจเช่นกัน ลูกศิษย์มีคนช่วยก็ดี เขาจะได้ถือโอกาสนี้แอบอู้เสียเลย

        “เสี่ยวซ่ง ถ้าได้ฟืนมาแล้วเอาไปส่งที่โรงตรวจให้ฉันสักหน่อยนะ หน้าหนาวฉันจะได้มีใช้”

        เซี่ยโม่จ้องมองซ่งมู่ไป๋เรียบนิ่ง เหมือนอีกฝ่ายจะชอบช่วยเธอทำงาน ให้พี่เขาไปช่วยเธอก็ดีเหมือนกัน

        กระนั้นเธอไม่วายเอ่ยถามออกไปอย่างเป็๲ห่วง “พี่ซ่ง พรุ่งนี้ถ้าพี่ไม่ไปทำงานจะไม่เป็๲อะไรเหรอคะ”

        ซ่งมู่ไป๋พยักหน้า “ฉันเข้ากะมาหลายชั่วโมงติดต่อกัน จะพักสักวันก็เป็๞เ๹ื่๪๫ปกติ จะได้ไปช่วยเธอตัดฟืนพอดีเลย”

        “งั้นก็รบกวนเสี่ยวซ่งแล้ว” คุณตาว่า

        ความคิดหนึ่งแวบผ่านก่อนซ่งมู่ไป๋จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่เป็๞ไรครับ คือว่า งั้นคืนนี้ผมขอนอนค้างที่นี่สักคืนได้ไหม พรุ่งนี้จะได้ขึ้นเขาไปช่วยโม่โม่ตัดฟืนแต่เช้าได้”

        เซี่ยโม่รู้สึกแปลกๆ อย่างไรบอกไม่ถูก

        ทำไมการนอนค้างที่นี่ของพี่ซ่งถึงดูเหมือนเป็๞เ๹ื่๪๫ที่ถูกต้องไปได้?

        ซ่งมู่ไป๋ในเวลานี้รู้สึกดีใจอย่างยิ่ง การทำเช่นนี้เรียกได้ว่าเตรียมตัวเป็๲ลูกเขยบ้านนี้เต็มกำลัง ต่อไปเขาจะหาโอกาสมานอนค้างที่นี่บ่อยๆ ถ้าถึงขั้นได้หมั้นหมายกับเด็กสาวไว้ก่อนก็ยิ่งดี

        เช้าวันต่อมา หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ เซี่ยโม่ขี่จักรยานไปส่งน้องชายกับสือโถวที่โรงเรียน พอกลับมาถึงบ้าน เธอจูงจักรยานเดินขึ้นเขาไปกับซ่งมู่ไป๋

        ระหว่างทางเธอบังเอิญได้เจอกับผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ใช่ใครอื่น คือสาวใหญ่ข้างบ้านนั่นเอง

        พออีกฝ่ายเห็นเธอก็เอ่ยเหน็บแนมทันที “นี่คือพ่อหนุ่มค้างที่บ้านเธอเมื่อคืนใช่ไหม พวกเธอเป็๞อะไรกัน”

        เซี่ยโม่ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงชอบหาเ๱ื่๵๹นักนะ คงเห็นว่าเมื่อคืนพี่ซ่งมาที่บ้านแล้วไม่ได้กลับไปก็เลยตั้งใจจุดประเด็น

        เธอมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ พลางตอบด้วยน้ำเสียงเ๶็๞๰า “แล้วคุณยุ่งอะไรด้วย”

        “เธอกลัวอะไรงั้นเหรอ หรือฉันพูดผิด เขาไม่ได้เป็๲อะไรกับที่บ้านเธอแล้วมานอนค้างบ้านเธอได้ยังไง” สาวใหญ่พูดอย่างมีลับลมคมใน

        “ใครบอกว่าพี่เขาไม่ได้เป็๞อะไรกับที่บ้านฉัน พี่ซ่งคือผู้มีพระคุณของน้องชายฉัน อีกอย่างคุณตาคุณยายก็รับพี่เขาเป็๞หลานแล้ว” เซี่ยโม่โต้กลับไปในทันที

        อีกฝ่ายยังคงยิ้มเยาะ “แหม ดูปากฉันสิ เห็นอะไรก็พูดออกมาอย่างนั้น เป็๲ฉันที่เข้าใจผิดไปเองแหละ”

        สาวใหญ่ข้างบ้านยกยิ้มมุมปาก มองเธอกับพี่ซ่งอย่างถือดีก่อนจะหันหลังเดินจากไป

        เห็นเช่นนั้นก็คิดในใจว่าเ๱ื่๵๹ต้องไม่จบเพียงแค่นี้แน่ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเอาเ๱ื่๵๹นี้ไปคุยกับคนอื่นว่าอย่างไรบ้าง

        เด็กสาวครุ่นคิดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หากพี่ซ่งมาบ้านเธอและนอนค้างอ้างแรมบ่อยๆ ไม่แคล้วคนในหมู่บ้านต้องเอาไปซุบซิบนินทาเป็๞แน่

        ซ่งมู่ไป๋เห็นเด็กสาวมีสีหน้ากังวลจึงเอ่ยถาม “โม่โม่ ไม่สบายใจเ๱ื่๵๹อะไรเหรอ”

        “อีกฝ่ายชอบหาเ๹ื่๪๫ฉัน ไม่รู้ว่าจะเอาเ๹ื่๪๫นี้ไปพูดกับคนอื่นยังไงบ้าง” เธอเล่าไปตามตรง

        “บางคนก็แบบนี้แหละ พอเห็นคนอื่นได้ดีกว่าก็อิจฉา เธออย่าไปสนใจอีกฝ่ายเลย หากคนในหมู่บ้านเอาเ๱ื่๵๹ของเราไปนินทา พวกเราหมั้นกันเอาไว้ก่อนก็ได้นะ” ชายหนุ่มพยายามปลอบและเสนอแนะทางเลือกให้

        เซี่ยโม่ชะงักไป “หมั้น? ไม่เร็วเกินไปเหรอคะ ฉันยังเด็กอยู่เลย…”

        แววตาของชายหนุ่มฉายแววผิดหวัง แต่ก็เพียงแค่ครู่เดียว จากนั้นแววตาก็กลับมาราบเรียบดังเดิม “งั้นก็ไม่ต้องไปสนใจหรอกว่าคนอื่นจะพูดว่ายังไง”

        พี่ซ่งพูดได้ตรงกับใจเธอพอดี ทำให้นึกถึงประโยคหนึ่งขึ้นมาได้ ‘เดินไปตามทางของตัวเอง ไม่ต้องไปสนใจคำพูดของคนอื่น’

        ถ้ามัวแต่สนใจคำนินทาของคนอื่นก็อย่ามีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เลย

        เธอสลัดความกังวลทิ้งไป ใบหน้ากลับมามีรอยยิ้มดังเดิม เธอกับพี่ซ่งเอาจักรยานไปซ่อนไว้ ก่อนจะเดินขึ้นเขาไปด้วยกัน

        ฤดูนี้ผลไม้ในป่าไม่เพียงแค่สุก แต่สามารถเด็ดเอากลับไปกินได้ เกาลัดและถั่วเหอเถา[1]ก็กำลังออกผลพอดี

        แรกเริ่มเซี่ยโม่ตั้งใจจะขึ้นเขามาตัดฟืน ในเวลานี้กลับถูกสิ่งเหล่านี้ดึงดูดจนลืมเป้าหมายเดิมหมดสิ้น

        ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเธอเก็บทั้งลูกท้อ เกาลัด และถั่วเหอเถาได้มากมาย

        โชคดีที่นำถุงกระสอบติดมาด้วยสองใบ เธอเอาเกาลัดกับถั่วเหอเถายัดลงถุงกระสอบ ส่วนลูกท้อใส่ไว้ในตะกร้า

        เซี่ยโม่หันไปมองพี่ซ่งที่ตัดฟืนได้สองกองใหญ่ ทั้งยังใช้เชือกมัดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

        ชายหนุ่มยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมกับเอ่ยว่า “ฉันรู้แล้วว่าตอนปิดเทอมเธอขึ้นเขาไปทำอะไรบ้าง หลังจากขึ้นเขามาเธอคงเปลี่ยนเป้าหมายบ่อยๆ สินะ”

         

        -----------------------------

        [1] เหอเถา คือ ถั่ววอลนัต

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้