หนีเจียเอ๋อร์หยิบถ้วยชาขึ้นมา ก่อนเอ่ยขึ้นว่า “มีชายชุดดำมากกว่าห้าคน ที่ได้รับาเ็จากการต่อสู้กับโจวชิงหวา นอกจากนี้ พวกเขายังถูกไฟไหม้ตามร่างกายอีกด้วย หากเราตามหาคนที่มีาแไฟไหม้เจอ ก็อาจจะสาวถึงตัวผู้บงการได้”
หนีเจียเฮ่อกําหมัดแน่น “ดี! แบบนี้คงจะหาตัวคนร้ายได้ไม่ยาก!”
ทันใดนั้น จู่ๆ ต้วนอวิ๋นหลานก็ผุดลุกขึ้น “ลืมเสียสนิทเลย ว่าจะต้องกลับไปทูลรายงานความคืบหน้าเื่เสี่ยวเอ๋อร์ ให้ฮองเฮาทรงทราบ”
นายท่านหนีจึงรีบลุกขึ้น เดินไปหาอีกฝ่าย “ฮองเฮาทรงห่วงใยบุตรสาวของข้าถึงเพียงนี้ ฝากขอบพระทัยด้วยขอรับ”
ต้วนอวิ๋นหลานพยักหน้า “นายท่านหนีโปรดวางใจ ข้าจะนำคำของท่านไปทูลฮองเฮาเอง”
กล่าวจบ ก็หันไปยิ้มให้หนีเจียเฮ่อกับหนีเจียเอ๋อร์ “พวกเ้าสามารถใช้จวนของข้าเป็สถานที่ปรึกษาหารือได้นะ”
หนีเจียเอ๋อร์ยิ้มให้เป็การขอบคุณ และเดินไปส่งเขาขึ้นรถม้า รอจนมันเคลื่อนจากไปจนลับสายตา ก่อนหมุนตัวกลับเข้าจวน แต่ก็ต้องชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นนายท่านหนีกำลังยืนมองตนอยู่ที่หน้าประตู
“ท่านพ่อมาทำอะไรที่นี่เ้าคะ?”
นายท่านหนียกยิ้มอย่างแฝงนัย พลางตอบ “ข้าแค่เดินผ่านมา เห็นว่าเ้ากำลังคุยกับท่านแม่ทัพ จึงไม่อยากเข้าไปรบกวน”
แต่หญิงสาวคาดว่าบิดาคงจะเดินตามมา ั้แ่ได้ยินว่านางจะออกมาส่งต้วนอวิ๋นหลานเสียมากกว่า...
หนีเจียเอ๋อร์เดินกลับเข้าจวนไป โดยมิได้เอ่ยอันใด
นายท่านหนีมองตามแผ่นหลังของบุตรสาวคนเล็ก ขณะครุ่นคิดบางอย่างเงียบๆ
...
ณ ห้องรับรองแขกของจวนสกุลหนี
โจวชิงหวาที่ได้รับาเ็ กำลังนอนตะแคงพักฟื้น โดยมีเสี่ยวเสวียนคอยเฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง
เว่ยอี๋เหนียงนำซุปไก่ที่ต้มเองกับมือมาให้เขา แต่พอเห็นหนีเจียเอ๋อร์กับหนีเจียเฮ่อเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จึงไม่กล้าเข้าไปรบกวน
อีกด้านหนึ่ง เพราะนอนท่านี้นานเกินไปจนรู้สึกเมื่อย โจวชิงหวาจึงค่อยๆ ลุกขึ้นพิงกับหัวเตียง “เสี่ยวเอ๋อร์ มีผู้ต้องสงสัยในใจหรือไม่?”
หนีเจียเอ๋อร์ขมวดคิ้วแน่น ก่อนพยักหน้า “มี ข้าคิดว่าคงจะมิใช่ใครอื่น...”
โจวชิงหวาจึงถาม “เ้าจะบอกว่า เว่ยฉีหรานเป็ผู้ส่งมือสังหารเ่าั้มาหรือ?”
หนีเจียเฮ่อเริ่มงุนงง “จะเป็ไปได้อย่างไร? เว่ยฉีหรานมิได้มีเื่บาดหมางใดกับสกุลหนีและสกุลโจว หากเป็เช่นนั้นจริง เขาจะทำไปเพื่ออะไรกัน?”
นั่นสิ! โจวชิงหวาก็อยากรู้เช่นกัน...
หนีเจียเอ๋อร์ยิ้มเจื่อนๆ “ข้าก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าเขา้าอะไร และจะไปเสาะหาคำตอบเอง”
หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวต่อ “ดังนั้น อันดับแรก พวกเราจะต้องไปตรวจค้นจวนสกุลเว่ย เพื่อตามหาผู้ที่มีแผลไฟไหม้ให้เจอเสียก่อน หากพบพวกเขาก็จะรู้เอง ว่าจุดประสงค์ที่เว่ยฉีหรานทำเช่นนี้ เป็เพราะสาเหตุใด!”
ชาติที่แล้ว นางรู้เพียงว่าเว่ยฉีหรานมีส่วนรู้เห็นกับการฆ่าล้างสกุลหนี และก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเขาจะทำอย่างนั้นไปเพื่อสิ่งใด...
เมื่อคิดถึงเื่นี้ หนีเจียเฮ่อก็เริ่มกังวล เขาเอ่ยขึ้นว่า “เว่ยฉีหรานเป็ขุนนางระดับสูงที่อยู่เคียงข้างฮ่องเต้มานาน เก่งกาจด้านการต่อสู้ ทั้งยังเป็คนซับซ้อน รับมือได้ยาก หาก้าจะเข้าไปตรวจค้นจวนเขา คงมิใช่เื่ง่าย”
หนีเจียเอ๋อร์มองออกไปนอกหน้าต่าง พลางพยายามคิดหาวิธี
โจวชิงหวาก็เช่นกัน เพียงชั่วครู่ เขาก็คิดแผนขึ้นมาได้ “ข้ามีแผนแล้ว แต่เจียเฮ่ออาจจะต้องเสี่ยงสักหน่อย”
หลังจากสองพี่น้องฟังแผนของโจวชิงหวา ต่างก็เห็นดีเห็นงามด้วย
สำหรับหนีเจียเฮ่อ หากเพื่อน้องสาวของตนแล้ว แม้ต้องแลกชีวิต เขาก็ไม่คิดเสียดาย
ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของหนีเจียเอ๋อร์ ชายหนุ่มจึงยอมตกลงที่จะทำตามแผนของโจวชิงหวาทันที
...
เช้าตรู่ของวันใหม่
หนีเจียเอ๋อร์ไปยังวังหลวงเพื่อเข้าเฝ้าฮองเฮา ก่อนเดินทางไปยังตำหนักบูรพา เพื่อขอพบองค์รัชทายาท
ด้วยการนำทางของนางกำนัล ในที่สุด หนีเจียเอ๋อร์ก็ได้พบองค์รัชทายาท กู่จวิ้นฉี ที่กำลังนั่งเล่นอยู่บนชิงช้าภายในสวน
นางค่อยๆ เดินเข้าไปแทนที่นางกำนัลซึ่งกำลังไกวชิงช้า ออกแรงผลักเบาๆ ก่อนถามว่า “องค์รัชทายาท หากพระองค์ทรงมีเื่ไม่สบายใจ ก็ตรัสกับหม่อมฉันได้นะเพคะ”
เมื่อได้ยินเสียงหนีเจียเอ๋อร์ แววตาที่เศร้าหมองก็ทอประกายวาววับด้วยความยินดี กู่จวิ้นฉีลุกขึ้นจากชิงช้า วิ่งเข้าไปกอดนางทันที
“ท่านอาจารย์ ข้าได้ยินเสด็จแม่ตรัสว่า ท่านกับคุณชายโจวถูกลอบทำร้าย จึงเป็ห่วงยิ่งนัก!”
หนีเจียเอ๋อร์ยกยิ้มบางๆ ก่อนลูบหัวเด็กน้อยเบาๆ “ขออภัยด้วยเพคะ ที่ทำให้องค์รัชทายาทต้องกังวลพระทัยถึงเพียงนี้”
องค์ชายน้อยจึงตอบ “ไม่เป็ไร แค่พวกท่านกลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว”
เอ่ยจบ วงพักตร์อันน่ารักก็เงยขึ้นมามองตาแป๋ว... นี่เป็ลูกอ้อนที่องค์รัชทายาทมักจะนำมาใช้ทุกครั้ง เวลา้าสิ่งใด
“ท่านอาจารย์ วันนี้ข้าไม่อยากเรียนเลย ท่านพาข้าออกไปเที่ยวนอกวังหน่อยเถอะ ข้ายังไม่เคยไปเลย”
หนีเจียเอ๋อร์ชะงักเล็กน้อย “อา! หม่อมฉันก็อยากพาฝ่าาออกไป แต่เกรงว่าฮองเฮา...”
กู่จวิ้นฉีตบหน้าอกตัวเอง ก่อนเอ่ยเสียงหนักแน่น “ไม่ต้องห่วง หากเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ต่อว่าท่าน ข้าจะบอกว่าข้าเป็คนบังคับให้ท่านพาไป”
หนีเจียเอ๋อร์ครุ่นคิดอยู่นาน กว่าจะตอบตกลง “ก็ได้ หม่อมฉันจะพาพระองค์ออกไปนอกวัง แต่เราต้องพาองครักษ์ไปด้วยอย่างน้อยสิบคนนะเพคะ”
กู่จวิ้นฉียิ้มกว้าง “ได้สิ”
ว่าแล้ว ก็หันไปสั่งทหารองครักษ์ “พวกเ้าสิบคนไปเปลี่ยนอาภรณ์เสีย แล้วมากับข้า”
“พ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท” หัวหน้าองครักษ์ตอบ
…
ราชรถวิ่งมาตามเส้นทางที่หนีเจียเอ๋อร์บอก จนกระทั่งผ่านจวนของเว่ยฉีหราน จู่ๆ ก็มีชายชุดดำกระโจนเข้าใส่พร้อมกระบี่ยาวแหลมคม หมายจะปลิดชีวิตองค์รัชทายาท
บรรดาองครักษ์เข้าประจำตำแหน่ง และต่อสู้กับชายชุดดำทันที
เมื่อเห็นว่าไม่อาจทำสำเร็จ ชายชุดดำผู้นั้นก็ะโหนี หนีเจียเอ๋อร์จึงสั่งให้เหล่าองครักษ์ไล่ตามไป
เพราะนางมีป้ายทองอยู่ จึงไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง รีบติดตามคนร้ายไปอย่างรวดเร็ว
มือสังหารผู้นั้นคล้ายจะอับจนหนทาง จึงทะยานเข้าไปในจวนของเว่ยฉีหราน เมื่อทหารองครักษ์ทำท่าจะไล่ตามเข้าไป ก็ถูกเว่ยฉีหรานขวางเอาไว้
ด้วยไม่มีใครกล้าต่อกรกับเขา ทุกคนจึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่หน้าจวนสกุลเว่ย
หนีเจียเอ๋อร์ให้ทหารกลุ่มหนึ่งคุ้มกันองค์รัชทายาทกลับวังไปก่อน ส่วนตัวเองก็เข้ามาเผชิญหน้ากับเว่ยฉีหราน
เมื่อนึกถึงเื่เมื่อชาติก่อน โทสะในใจก็ยิ่งเดือดพล่าน ความเกลียดชังที่มีต่อคนตรงหน้าพุ่งปะทุ จนอยากจะฆ่าให้ตายไปเสียเดี๋ยวนี้
มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกำแน่น จนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ แต่นั่นก็ไม่เจ็บเท่าใจของนางในยามนี้
หนีเจียเอ๋อร์ก้าวไปข้างหน้า ก่อนโค้งคํานับ “คารวะใต้เท้าเว่ย เมื่อครู่มีมือสังหารคิดจะลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาท ในเมื่อคนร้ายหลบหนีเข้าไปในจวนท่าน เช่นนี้แล้ว เหตุใดจึงมิให้พวกเราเข้าไปตามจับคนร้ายเล่าเ้าคะ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้