“ไม่ได้ไปไหน” เจาเยี่ยมองแวบหนึ่งไปยังคนที่เสื้อคลุมแทบจะไม่ได้ปกปิดรอยเปื้อนของเขาไว้เลยคนนั้น
“ไม่ไปก็ดีแล้ว” กู้หลานอันยิ้มจนตาหยีพิงอยู่ข้างๆ เจาเยี่ยแล้วมองเขาอย่างตั้งใจ
“นายตามหาฉันมีเื่อะไรรึเปล่า? ” กู้หลานอันขยับออกห่างแล้วถาม
“อืม เมื่อครู่ฉันโทรศัพท์หาพวกหวังเว่ยแล้วพวกเขาจะรีบเอาเสื้อผ้ามาส่งให้ฉันทันที ถ้าเขามาส่งแล้วฉันจะได้ไปเปลี่ยนแล้วเอาเสื้อคลุมมาคืนให้นาย” กู้หลานอันขยับเข้าไปใกล้แล้วพูด
“อือ” เจาเยี่ยคาดไม่ถึงเล็กน้อย เขานึกว่ากู้หลานอันคงไม่คืนเสื้อให้เขาแล้ว คิดไม่ถึงว่าเขาจะคืนให้
กู้หลานอัน: ฉันก็ไม่อยากคืนหรอก แต่ฉันกลัวว่านายจะหนาว
“งั้นไปกันเถอะ” เจาเยี่ยลุกขึ้นกู้หลานอันที่อยู่ข้างเขากำลังขยับตัวเข้ามาหาเขาอย่างเงียบๆไม่ทันตั้งตัวเกือบจะล้มลงไป ดีที่ยันไว้ได้อย่างหวุดหวิด
“หืม? จะไปตอนนี้เลยเหรอ? หวังเว่ยเขาก็ยังมาไม่ถึง พวกเราสองคนอยู่ที่นี่ต่ออีกหน่อยเถอะนะ” กู้หลานอันนั่งตัวตรงแล้วตอบ
“มาแล้ว เมื่อครู่ฉันเห็นรถแล้ว” เจาเยี่ยพูดพลางหมุนตัวและจากไป
กู้หลานอัน: รู้งี้ฉันจะโทรศัพท์ให้ช้ากว่านี้หน่อย
เมื่อถึงตึกด้านล่าง พวกหวังเว่ยมาถึงตามคาดกู้หลานอันโบกมือให้พวกเขาลงจากรถแล้วก็เล่นลูกไม้ว่าเกรงใจที่ทำให้เจาเยี่ยต้องมายืนรอเขาอยู่ด้านนอกแล้วก็หลอกให้เจาเยี่ยขึ้นรถ พอเข้าไปในรถเขาก็ถอดเสื้อผ้าออกอย่างเชื่องช้าถอดได้ครึ่งเดียว ก็แอบมองดูเจาเยี่ยคนที่ไม่เคยเห็นเขาน่าลิ้มรสเลยกู้หลานอันเริ่มคิดไม่ดี หันหลังให้เจาเยี่ยแล้วพูดว่า “เจาเยี่ย เสื้อของฉันดูเหมือนดึงไม่ลง นายช่วยฉันดึงหน่อยได้ไหม? ”
สายตาเจาเยี่ยเคลื่อนไปยังร่างเขาหลังจากนั้นเขาก็เห็นกู้หลานอันที่ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลเหมือนจิ้งจอกสาวที่มีเสน่ห์ยั่วยวนใบหน้าแดงระเรื่อถอดเสื้อไว้ครึ่งตัวภายใต้แสงไฟที่สาดส่อง
อย่างไรก็ตามเจาเยี่ยกลับไม่ได้มีความรู้สึกอะไร เพียงแค่กะพริบตาเบาๆเอื้อมมือไปถอดเสื้อผ้าเขาออก กู้หลานอันไม่ได้รีบร้อนใส่เสื้อเชิ้ตเขาจ้องเจาเยี่ยตาไม่กะพริบมองเจาเยี่ยที่เหมือนไม่ได้ถูกเสน่ห์ของเขามอมเมาเลยสักนิด แล้วสวมเสื้อผ้าอย่างหงอยเหงาเศร้าซึมพุ่งหน้าเข้าไปใกล้เจาเยี่ยแล้วถามเขาว่า “เจาเยี่ยนายพูดสิ ผ่านมานานขนาดนี้ นายรู้สึกชอบฉันขึ้นมาบ้างสักนิดแล้วรึยัง? ”
ระยะห่างในรถมีอยู่จำกัด เจาเยี่ยจะถอยก็ถอยไม่ได้ครู่เดียวกู้หลานอันก็อยู่ใกล้เขามาก ลมหายใจของกู้หลานอันอาจจะกระทบถูกใบหน้าของเขาถ้าไม่ทันระวังก้นบึ้งของหัวใจสั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อยอย่างประหลาด
“ไม่ชอบ” เจาเยี่ยเอียงศีรษะลังเลอยู่สักครู่แล้วตอบ
“งั้นนายรำคาญฉันไหม? ” กู้หลานอันถาม
“ไม่รำคาญ” เจาเยี่ยตอบอย่างรวดเร็ว
“ไม่ชอบแต่ก็ไม่รำคาญสินะ งั้นก็ดีมาก” กู้หลานอันถอนหายใจเข้าไปชิดเจาเยี่ยแล้วพูดว่า “ยังไงฉันก็ชอบนายมากพวกเราก็สามารถเติมเต็มซึ่งกันและกันได้”
“เติมเต็มซึ่งกันและกัน คำคำนี้ใช้ในบริบทนี้ได้เหรอ?” เจาเยี่ยรู้สึกใจสั่น
“แน่นอน” กู้หลานอันพยักหน้าแล้วพูดว่า “นายดูนะเจาเยี่ย นายไม่ได้ชอบฉัน แต่ฉันชอบนายมากงั้นถ้าพวกเราเอามารวมกัน มันก็จะกลายเป็นายก็ชอบฉัน ฉันก็ชอบนายไง”
เจาเยี่ยฟังเขาพูดไปเรื่อยและไม่ได้พูดอะไรมองกู้หลานอันที่มีเพียงเขาอยู่เต็มดวงตาและเต็มหัวใจแล้วถามเขาว่า “กู้หลานอัน ทำไมนายถึงชอบฉัน? ”
“ทำไมถึงชอบเหรอ? เหตุผลเยอะมาก สาธยายไม่หมดยังไงก็ตามขอเพียงแค่เป็นายฉันก็ชอบแล้ว”
“แล้วเื่อื้อฉาวที่ฉันถูกใส่ร้ายล่ะ? ” จู่ๆ เจาเยี่ยมองหน้ากู้หลานอันอย่างจริงจัง “ก่อนหน้านี้นายก็เห็นแล้วแม่ของฉันฆ่าพ่อของฉัน พวกเขายังเป็แบบนั้น ฉันก็ไม่ใช่คนที่สะอาดบริสุทธิ์กู้หลานอัน ฉันไม่ได้ดีอย่างที่นายมองขนาดนั้น นายไปชอบคนอื่นเถอะพวกเราไม่สามารถเติมเต็มให้กันและกันได้”
“ไม่เอา ถ้าหาก ถ้าหากไม่สามารถเติมเต็มกันได้จริงๆ งั้นก็ไม่ต้องเติมเต็มฉันทำให้นายชอบฉันได้แน่นอน เจาเยี่ยนายมีข่าวอื้อฉาวเท่าไหร่หรือว่าตัวนายเองเป็ข่าวฉาวเสียเองฉันก็ไม่สนใจสิ่งที่ฉันสนใจมีแค่นาย” กู้หลานอันพูดสายตาทั้งสองคู่ประสานกัน ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกอาย สายตาลดต่ำลงเล็กน้อยลงไปหยุดที่ริมฝีปากชมพูนู้ดของเจาเยี่ยพอดี เขากลืนน้ำลาย ยั้งใจไม่อยู่ชั่วขณะแล้วประทับจูบเข้าไป
เจาเยี่ยตะลึงงัน หัวของเขาระอุแทบะเิไปชั่วขณะเมื่อได้สติตอบโต้ก็ยื่นมือออกมาผลักกู้หลานอันออก ไม่ได้มองดูเขาเลยสักนิดแล้วรีบเปิดประตูลงจากรถจากไปอย่างรวดเร็ว
“เจาเยี่ย! ” กู้หลานอันตามลงไปแต่กลับไม่เจอร่างของเจาเยี่ยแล้ว เขาตบหน้าผากตัวเองด้วยความโมโหทำไมเขาไม่รู้จักสำรวมบ้าง! ตอนนี้เป็ไง? ความรู้สึกดีๆที่สร้างขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ถูกตัวเองทำพังทลายหมดแล้ว
หลังจากลงจากรถของกู้หลานอัน เจาเยี่ยก็ยังไม่ได้เดินไปไกลมากเพียงแค่เอนตัวอยู่ในลานจอดรถเพื่อสงบสติอารมณ์ เขาใช้มือเสยผมอย่างหงุดหงิด พลางพร่ำเตือนตัวเองอยู่ในใจ‘นายจบแล้วเจาเยี่ย เมื่อสักครู่นายรู้สึกหวั่นไหวใช่ไหม? ถึงปากจะบอกว่าไม่ชอบเขา แต่จริงๆ แล้วนายเริ่มชอบเขาแล้วใช่ไหม? นายเป็แบบนี้ไม่ได้นะ ถ้าชอบมันก็จะหมายถึงการสูญเสียและความเ็ปนายต้องรีบหยุดยั้งไว้โดยเร็ว’
นอกจากเื่ที่แทรกเข้ามานี้ บวกเื่ของหลินเซวียนอีกเจาเยี่ยก็ไม่้าจะอยู่ต่อโดยอัตโนมัติ บอกกล่าวกับจางเจียอี้แล้วเขาก็ออกจากงานไปก่อนเวลา กู้หลานอันออกมาก็ไม่เจอเจาเยี่ยแล้ว เขาจึงไปหาจางเจียอี้และสอบถามจนรู้ว่าเจาเยี่ยกลับบ้านไปแล้วเขาก็กลับไปด้วย
เมื่อรถขับมาได้ครึ่งทาง กู้หลานอันก็เห็นเหวินเซินเท่อขับรถสวนผ่านมาพลางถอนหายใจหลังลงจากรถก็มองหวังเว่ยกับหลิวฉู่ขับรถออกไป จากนั้นเขาก็ขึ้นตึก เมื่อเดินจนถึงประตูหน้าห้องของเจาเยี่ยเขายืนนิ่งอยู่สักครู่และกดกริ่งประตู แต่ก็ไม่เห็นเจาเยี่ยมาเปิดประตูสักทีเขาเลยพูดอยู่หน้าประตูว่า “เจาเยี่ย ฉันขอโทษฉันผิดไปแล้ว เมื่อกี้ฉันไม่ดีเอง ครั้งหน้าฉันไม่กล้าแล้วถ้านายโกรธฉันนายจูบฉันกลับก็ได้ ฉันรับรองว่าจะไม่ดิ้น นายจัดการฉันได้ตามสบายเลย”
เจาเยี่ยที่ได้ยินเสียงกริ่งเดินไปยืนอยู่หน้าประตูนานแล้วมองหน้าจอเห็นกู้หลานอันใบหน้ารู้สึกผิด ปากอ้าๆ หุบๆ ไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรอยู่มุมปากเขาก็โค้งขึ้นมา ตาบ๊องเอ๊ย ไม่รู้จริงๆ เหรอว่าประตูมีชนวนกั้นเสียงคนที่อยู่ข้างในจะไม่ได้ยินคนข้างนอกกำลังพูดอะไรอยู่ไม่ใช่เหรอ? พอคิดมาถึงตรงนี้ รอยยิ้มเจาเยี่ยก็ชัดมากขึ้น เขาผงะไปทันทีเอื้อมมือไปดึงปากตัวเอง จากนั้นก็มองกู้หลานอันที่ยังคงพูดจ้อไม่หยุดแล้วหันกลับไปนั่งที่โซฟา
“เจาเยี่ย ฉันสำนึกผิดแล้วจริงๆ นายไม่อภัยให้ฉัน งั้นนายก็สนใจฉันหน่อยสิขอแค่นายสนใจฉัน ฉันคุกเข่าบนรีโมท [1] ...” พูดอยู่หน้าประตูครึ่งค่อนวันก็ยังไม่ได้ยินเจาเยี่ยตอบรับกู้หลานอันรู้สึกผิดหวังเลยกลับเข้าบ้านไป เขานอนฟุบลงบนเตียงและทำปากมุ่ยกอดเสื้อคลุมของเจาเยี่ยไว้ใช้นิ้วมือจิ้มๆ แล้วพูดว่า “นายพูดมาสิชาติที่แล้วดีกับฉันมากมายขนาดนั้น แต่ทำไมชาตินี้จูบแค่นี้ก็จูบไม่ได้แล้วเหรอ? ฉันยังไม่ได้จุดจุดจุดกับนายเลย นายก็มีปฏิกิริยาขนาดนี้แล้วงั้นหลังจากนี้จะทำยังไง? ”
“หืม? นายพูดสิ? ”
“ทำไมไม่กล้าพูดแล้ว? ถ้ายังเป็แบบนี้อีกเชื่อไหมชาตินี้ฉันจะไม่ให้นายเป็รุกอีกแล้ว? นายเจอเจ็ดครั้งต่อคืนแน่ฉันจะทำจนกว่านายไม่มีแรงหายใจเลย? ”
“ฮึ ยังมาทำหน้างอใส่ฉันอีก เดี๋ยวได้เจอดีแน่”
หลังจากพูดจาอย่างดุร้ายเสร็จเรียบร้อยกู้หลานอันก็ซุกศีรษะเข้าไปในเสื้อของเจาเยี่ย อยากร้องไห้แล้วก็พูดว่า “ใต้เท้า เด็กน้อยสำนึกผิดแล้ว”
พลางคิดว่าความผิดพลาดของตัวเองอาจจะเป็สาเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์กับเจาเยี่ยมาลงเอยณ จุดๆ นี้ กู้หลานอันก็รู้สึกลำไส้สีน้ำเงิน [1] นอนไม่หลับเลยตลอดทั้งคืน
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1] 悔得肠子都青了 หมายถึง เสียดาย, เสียใจสุดๆ เวลาคนตายแล้วไส้จะเป็สีเข้ม(เพราะเืไปสะสมบริเวณนั้นจนกลายเป็สีม่วงคล้ำ)จึงใช้บรรยายความเสียใจหรือเสียดาย
เชิงอรรถ
[1] คุกเข่าบนรีโมทเป็คำเปรียบเปรยที่คนจีนมักจะพูดกันแค่คุกเข่าก็เจ็บแล้ว แต่นี่คุกเข่าบนรีโมทจะยิ่งเจ็บ ถ้าสมมติสามีทำความผิดมาจะถูกภรรยาทำโทษโดยการให้คุกเข่าบนรีโมท แต่ก็เป็เพียงคำพูด เพราะในความเป็จริงไม่มีใครทำแบบนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้