ทว่าสัญชาตญาณการป้องกันตัวของนางยังมิได้ต้อยต่ำถึงขั้นไม่รู้สึกตัวในระยะร้อยเมตร ชัดเจนเหลือเกินว่าฝ่ายตรงข้ามเป็ผู้เยี่ยมยุทธ์
สติบอกกับนางว่า อย่าได้ไปยุ่งกับคนผู้นี้ อย่าไปสนใจจะส่งผลดีต่อตนเองมากกว่า
เก็บสายตากลับมาเงียบๆ นางสวมเสื้อคลุมตัวนอกกลับไป
มู่หรงจิ่งเทียนลอยตัวลงมาจากข้างบน ะโมาหยุดลงข้างกายนาง ดวงตาเรียวยาวรูปหงส์ของเขาหรี่เล็กน้อย ริมฝีปากปรากฏให้เห็นรอยยิ้มร้ายกาจ “คนงาม แม้กลหญิงงามนี้ของเ้าจะดูไปแล้วล้าสมัยไปหน่อย แต่ยังนับว่าน่าสนใจอยู่บ้าง ยินดีกับเ้าด้วย เ้าดึงดูดความสนใจจากเปิ่นไท่จื่อได้สำเร็จ!”
เฟิ่งเฉี่ยนโมโหจนหัวเราะออกมา นางเหลือบมองเขาอย่างจนคำพูด ประสบพบเจอกับคนหลงตัวเองและเห็นตัวเองเป็ใหญ่มาก็มาก แต่ไม่เคยพบคนหลงตัวเช่นเขามาก่อน!
“รำคาญ หลีกไป!”
เห็นเขาไม่ขยับ นางจึงยกเท้าก้าวอ้อมตัวของเขาไป
มู่หรงจิ่งเทียนเห็นแล้วตะลึงงัน ดวงตาเรียวรูปหงส์ปรากฏให้เห็นแววสังหารพาดผ่าน ดวงตาของเขาไหววูบ เสื้อคลุมผ้าแพรสะบัดตามแรงลม เขาก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็นำหน้านาง เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “คิดจะเล่นเ้าล่อกับเปิ่นไท่จื่อใช่หรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนกลอกตามองบน หลงตัวเองก็เป็โรคอย่างหนึ่ง ต้องรักษา!
พลันมีสายลมวูบหนึ่งพัดมาจากระยะไกลในเวลานี้ เฟิ่งเฉี่ยนหนาวจนต้องเอาแขนกอดร่างของตนเองเอาไว้ หนาวจริงๆ!
ดวงตาเรียวหงส์ของมู่หรงจิ่งเทียนหรี่ลง ริมฝีปากยกขึ้นเป็รอยยิ้มเย้ายวนอย่างร้าย “อย่างไรเล่า เปลี่ยนกลยุทธ์เป็กิริยาท่าทางเสียแล้วหรือ”
จมูกนางพลันคันยุบยิบ นางเงยหน้าขึ้น ฮัดเช้ย จามไปหนึ่งครั้ง!
มู่หรงจิ่งเทียนเหล่ตามองนาง “ขอเพียงเ้าอ้อนวอนข้า เปิ่นไท่จื่ออาจจะมีเมตตา มอบเสื้อคลุมหนังจิ้งจอกตัวนี้ให้กับเ้า!”
เฟิ่งเฉี่ยนมองใบหน้าเย่อหยิ่งจองหองของเขาแล้วปฏิเสธเสียงเย็นทันที “ไม่ต้อง ข้าไม่้า!”
ทันทีที่พูดจบนางก็จามติดๆ กันสามครั้ง “ฮัดเช้ย ฮัดเช้ย ฮัดเช้ย!”
มู่หรงจิ่งเทียนกอดอกมองนาง แล้วเอ่ยวาจาเยาะเย้ย “ต่อให้กลยุทธ์ถูกเปิดโปง เ้าก็ไม่จำเป็ต้องทำให้ตนเองลำบากเช่นนี้กระมัง เหตุใดต้องทำเช่นนี้เล่า”
นางทำให้ตนเองลำบากหรือ ดวงตาข้างไหนของเขาที่มองออกมาเช่นนี้นะ นางทำให้ตนเองลำบากแล้วหรือ
เฟิ่งเฉี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่ออดทนอดกลั้น นางพูดออกมาเน้นๆ ทีละคำ “ท่านฟังให้ดีนะ ข้าไม่รู้สึกสนใจท่านแม้แต่น้อย!”
มู่หรงจิ่งเทียนพลันมีสีหน้าดำทะมึนทันที ดำทะมึนจนน่ากลัว บรรยากาศรอบด้านพลันแปรเปลี่ยนเป็บรรยากาศมรณะ ขณะที่เฟิ่งเฉี่ยนคิดว่าเขากำลังจะสังหารคน เขากลับปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่นออกมา “ฮ่าๆๆๆ...น่าสนใจ! เ้าฉลาดเฉลียวกว่าสตรีอื่นๆ อยู่บ้างจริงๆ และน่าสนใจ! เปิ่นไท่จื่อตัดสินใจแล้วว่าจะให้โอกาสเ้าปรนนิบัติเปิ่นไท่จื่อ!”
ข้า? เฟิ่งเฉี่ยนหมดคำพูดอีกครั้ง นางลูบอกตนเองด้วยเกรงว่าจะถูกเขาทำให้โมโหจนหมดสติไปก่อน
เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากสถานที่ไกลออกไป สตรีในชุดรัดกุมสีดำนางหนึ่งเดินเข้ามาในป่า สายตามองมายังคนทั้งสอง แววตาเปี่ยมไปด้วยความไม่เป็มิตรของนางหยุดอยู่บนร่างของเฟิ่งเฉี่ยนครู่หนึ่ง
“มีเื่อันใด” มู่หรงจิ่งเทียนแววตาคมปลาบ น้ำเสียงเยียบเย็นไม่อาจแยกแยะอารมณ์ใดๆ
สตรีชุดดำก้มหน้ากล่าวว่า “ฝ่าา ครูผู้ฝึกสัตว์ได้ควบคุมหมูเทพหนึ่งร้อยตัวสำเร็จแล้วเพคะ เชิญพระองค์เสด็จทอดพระเนตรเพคะ!”
ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าเฟิ่งเฉี่ยนไม่ปรากฏให้เห็นอารมณ์ใดๆ ทว่าในใจกลับลอบตกตะลึง นางและเซวียนหยวนเช่อตามหาหมูเทพอยู่ในป่ากว่าครึ่งค่อนวัน ยังหาได้เพียงแค่ตัวเดียว พวกเขาถึงกับหาได้หนึ่งร้อยตัวเชียวหรือ พวกเขาทำอย่างไรกันนะ
“อืม รู้แล้ว” มู่หรงจิ่งเทียนรับคำเสียงเย็น เขาหันมากวาดสายตาคมปลาบใส่เฟิ่งเฉี่ยนแล้วปลดเสื้อคลุมหนังจิ้งจอกบนกาย แขนทั้งสองข้างสะบัดพรึ่บ เสื้อคลุมหนังจิ้งจอกกางออกคลุมลงบนร่างของนางทันที
“ท่านทำอะไรของท่าน” เฟิ่งเฉี่ยนดิ้นรนต่อสู้ ทว่ากลับถูกเขาใช้แขนขวารวบตัวเข้าไป ร่างทั้งร่างของนางถูกหนีบไว้ใต้รักแร้ เขาใช้วิชาตัวเบาพานางเหินกายผ่านผืนป่าลึก!
โสตประสาทพลันได้ยินเสียงเผด็จการไม่ให้ปฏิเสธของเขาดังขึ้น “ต่อไปเ้าติดตามเปิ่นไท่จื่อ เปิ่นไท่จื่อไปที่ใด เ้าก็ไปที่นั่น!”
สตรีชุดดำเห็นแล้วถึงกับปากอ้าตาค้าง รอเมื่อได้สติกลับมาอีกครั้ง แววตาของนางก็ลุกโพลงด้วยเพลิงริษยา!
สตรีนางนี้โผล่มาจากที่ใดกันแน่
เหตุใดนายท่านจึงได้ปฏิบัติต่อนางเป็พิเศษเช่นนี้
เฟิ่งเฉี่ยนถูกหนีบไว้ใต้ซอกแขน นางโมโหจนแทบอาเจียนเป็เื “นี่ ปล่อยข้าลงนะ! ท่านมันคนหลงตัวเอง! ฟังไม่เข้าใจหรือไร ข้าไม่รู้สึกสนใจท่านแม้แต่นิดเดียว!”
มู่หรงจิ่งเทียนทำเป็ไม่ได้ยินคำพูดของนาง เขาเหินกายแตะปลายเท้าไม่กี่ครั้งทว่ากลับเหินกายผ่านผืนป่าไปกว่าครึ่ง เบื้องหน้าสว่างไสว เดิมทีเฟิ่งเฉี่ยนยังคิดจะแหกปากร้องะโเสียงดังต่อไป แต่เมื่อนางเห็นภาพที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าถึงกับต้องเก็บปากเก็บคำ ด้วยถูกภาพหมูเทพกว่าหนึ่งร้อยตัวดึงดูดความสนใจไปเสียสิ้น!
หมูเทพจำนวนมากมายถูกล้อมเอาไว้เป็วงกลม มียอดฝีมือในชุดเกราะสิบกว่าคนคอยควบคุมดูแลอยู่ หมูเทพแต่ละตัวหมอบอยู่กับพื้นอย่างเชื่องเชื่อ หากมิใช่เพราะบนร่างกายของพวกมันปรากฏให้เห็นกลิ่นอายเทพสีส้มแล้วละก็ เฟิ่งเฉี่ยนยังแคลงใจว่าพวกมันเป็เพียงสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงไว้ชื่นชมเท่านั้น!
หากมิใช่เพราะก่อนหน้านี้ได้เห็นมากับตาตัวเอง คนสกุลเฟิ่งแทบจะทิ้งชีวิตเพื่อล้อมหมูเทพเพียงตัวเดียว นางเกือบถูกหมูเทพโจมตีจนสิ้นชีพ!
หมูเทพมากมายเช่นนี้ ล้วนถูกพวกเขาฝึกจนเชื่อง พวกเขาทำได้อย่างไรกัน
เท้าทั้งคู่ของนางเหยียบลงสู่พื้นอย่างมิรู้เนื้อรู้ตัว สีหน้าประหลาดใจของนางตกอยู่ในสายตาของมู่หรงจิ่งเทียน เขาหัวเราะเหิมเกริม “ชอบหรือไม่ หากชอบจะมอบให้เ้าสักสองสามตัวดีหรือไม่”
ทันทีที่กล่าวคำพูดนี้ออกไป ผู้าุโในชุดเสื้อคลุมยาวสีดำหน้าเปลี่ยนสีทันที เขาก้าวขึ้นมายกมือขึ้นประกบเป็หมัด “ทูลองค์ไท่จื่อ ทำเช่นนั้นไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ! เมื่อสักครู่กระหม่อมและสหายต้องใช้ค่ายกลฝึกสัตว์จึงควบคุมพวกมันจนครบหนึ่งร้อยตัวได้อย่างมิง่ายดาย ตอนนี้ได้สูญเสียพลังลมปราณไปมาก หากคิดจะฝึกหมูเทพอีก เกรงว่า...”
มู่หรงจิ่งเทียนมีสีหน้าบึ้งตึง ดวงตาเย็นเยียบราวคมดาบตวัดมากล่าวว่า “พวกเ้ามิใช่เรียกตัวเองว่าอาจารย์ฝึกสัตว์ที่ร้ายกาจที่สุดของแคว้นซิงอวิ๋นหรือ แค่วางค่ายกลฝึกสัตว์ถึงกับแทบจะคร่าชีวิตของพวกเ้าไปครึ่งชีวิต พวกเ้ายังมีหน้ามาโอ้อวดอีกหรือ”
ผู้าุโในชุดคลุมยาวสีดำมีโทสะจนหนวดเครากระตุก แต่จนปัญญาด้วยต้องคำนึงถึงฐานะของอีกฝ่าย ได้แต่กล้าโมโหทว่ามิกล้าเอ่ยวาจา ทนกล้ำกลืนโทสะลงท้องไป “กระหม่อมละอายใจพ่ะย่ะค่ะ!”
“ค่ายกลฝึกสัตว์หรือ ถึงกับร้ายกาจเช่นนี้” แววตาเฟิ่งเฉี่ยนเปี่ยมไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางลอบจดจำเอาไว้ในใจ หากมีโอกาสนางจะต้องเรียนรู้ให้ได้ ต่อไปเมื่อต้องหาวัตถุดิบเทพย่อมสะดวกมากขึ้น
เห็นนางสนใจ มู่หรงจิ่งเทียนเลิกคิ้ว “หากเ้าชอบ รอให้กลับไปเมืองหลวงแล้ว เปิ่นไท่จื่อจะให้พวกเขาแสดงให้เ้าดูสักครั้ง รับรองว่าเ้าจะต้องติดใจ!”
เฟิ่งเฉี่ยนฟังเขาพูดจบก็เห็นอาจารย์ฝึกสัตว์หลายคนหน้าเปลี่ยนสีทันที สีหน้าย่ำแย่ไม่น่าดูอย่างที่สุด พวกเขาเป็ถึงอาจารย์ฝึกสัตว์ที่ได้รับการเคารพนับถือจากผู้คน มิใช่นักแสดงกายกรรม องค์ไท่จื่อองค์นี้ดียิ่งนัก เพื่อทำให้หญิงงามมอบรอยยิ้มให้ ถึงกับใช้พวกเขามาสร้างความบันเทิงเริงใจให้กับนาง ช่างน่าโมโหจริงๆ!
สายตาไม่เป็มิตรสาดใส่ร่างของนางราวกับ้าฉีกร่างของนางให้แหลกละเอียดเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย ในสายตาของพวกเขาแล้วนางก็คือนางจิ้งจอกเ้าเล่ห์ที่มาล่อลวงไท่จื่อ!
ให้ตายเถอะ! พวกเ้าถลึงตาใส่ข้าทำไมกัน เกี่ยวอะไรกับข้า
เฟิ่งเฉี่ยนหมดคำพูด
สตรีในชุดรัดกุดสีดำอีกคนหนึ่งรีบเร่งเดินเข้ามาจากอีกด้านหนึ่งในตอนนี้เอง “ทูลองค์ไท่จื่อ องค์หญิงให้มาแจ้งข่าวว่า สัตว์ประหลาดในถ้ำเมฆาอัคคีตัวนั้นยากจะต่อกรยิ่ง จึงมาเชิญเสด็จฝ่าาให้ไปช่วยโดยเร็วเพคะ!”
คิ้วเรียวยาวของมู่หรงจิ่งเทียนเลิกขึ้น “จื่ออวิ๋นไปหาเชื้อไฟจุดิญญาเพียงลำพังหรือ”
จื่ออวิ๋น? หรือจะเป็องค์หญิงจื่ออวิ๋น
เฟิ่งเฉี่ยนเลิกคิ้วโดยไม่รู้ตัว
ได้ยินองค์หญิงจื่ออวิ๋นพูดถึงพี่ชายของนางว่าจิ่งเทียนไท่จื่อก็มาป่าหมอกดำด้วย ตรองดูน่าจะเป็บุรุษเบื้องหน้านี้เอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้